เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 13
  พิมพ์  
อ่าน: 111144 ชื่อเรียกต่างๆจากวรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดิน
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 17 ต.ค. 10, 15:23

เห็นคุณ natadol ถามถึงตำแหน่งของแถวเต๊ง ก็ขอลงภาพให้ดูนะคะ
บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 17 ต.ค. 10, 15:29



บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 17 ต.ค. 10, 15:38

ในหนังสือ หอมติดกระดาน ของคุณศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย  กล่าวถึงแถวเต๊งในแง่ของการเป็นเสมือนสถานที่ช็อปปิ้งของสาวชาววังด้วยในทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มีขอบเขตจำกัดอยู่ภายในรั้ววัง  พนักงานฝ่ายในบางคนที่มีฝีมือและต้องการรายได้พิเศษก็จะมีการประดิษฐ์สินค้าที่ตนชำนาญออกวางขายหน้าห้องของตนในแถวเต๊งนั้น ๆ   สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกขนมและของกินเล่น ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่นตุ๊กตาชาววังหรือของเล่นเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในความนิยมของชาววังก็จะมีอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่ากับของกิน  ลูกค้าสำคัญก็คือข้าหลวงจากตำหนักต่างๆซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาซื้อและมาพบปะพูดคุยกัน ฉะนั้น ในบริเวณแถวเต๊งจึงเป็นเสมือนแหล่งพบปะสังสรรค์กันของบรรดาข้าหลวงและผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในด้วย

ดูไปแล้วในเขตพระราชฐานชั้นในนี่ก็เหมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งจริงๆ และที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีแต่ผู้หญิงด้วยค่ะ  แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 17 ต.ค. 10, 18:03

ในหนังสือ หอมติดกระดาน ของคุณศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย  กล่าวถึงแถวเต๊งในแง่ของการเป็นเสมือนสถานที่ช็อปปิ้งของสาวชาววังด้วยในทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวชาววังในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มีขอบเขตจำกัดอยู่ภายในรั้ววัง  พนักงานฝ่ายในบางคนที่มีฝีมือและต้องการรายได้พิเศษก็จะมีการประดิษฐ์สินค้าที่ตนชำนาญออกวางขายหน้าห้องของตนในแถวเต๊งนั้น ๆ   สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกขนมและของกินเล่น ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่นตุ๊กตาชาววังหรือของเล่นเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในความนิยมของชาววังก็จะมีอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่ากับของกิน  ลูกค้าสำคัญก็คือข้าหลวงจากตำหนักต่างๆซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาซื้อและมาพบปะพูดคุยกัน ฉะนั้น ในบริเวณแถวเต๊งจึงเป็นเสมือนแหล่งพบปะสังสรรค์กันของบรรดาข้าหลวงและผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในด้วย

ดูไปแล้วในเขตพระราชฐานชั้นในนี่ก็เหมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งจริงๆ และที่สำคัญยังเป็นเมืองที่มีแต่ผู้หญิงด้วยค่ะ  แลบลิ้น


เรื่องกิจกรรมประจำวันของสาวชาววัง มีกล่าวถึงค่อนข้างละเอียดและมีชีวิตชีวาในหนังสือ "วังหลวง" ของนางอมรดรุณารักษ์ (อุทุมพร สุนทรเวช) ครับ ลองหาอ่านดู
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 17 ต.ค. 10, 20:43

ขอขยายสถานที่แถวเต็ง ดังนี้  เดิมชื่อแถวทิม มีก่อไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๒ มีเพียงแถวเดียวคือ ด้านตะวันออก ต่อด้วยเต็งขวางและเต็งตะวันตก เป็นอาคารชั้นเดียว และเปลี่ยนเป็นสองชั้นในรัชกาลต่อๆมา และมีการสร้างแถวเต็งเพิ่มเติมหักมุมลงไปในพื้นที่พระบรมมหาราชวังด้านใต้ ล้อมโรงพักกรมโขลน และแยกระหว่างโรงครัวทหารและโรงทหารแยกจากกัน


บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 08:54

เรื่องแถวเต๊ง  ผมว่าไปหาหนังสือสถาปัตยกรรมในพระบรมมหาราชวังมาอ่านจะไม่ดีกว่าหรือ
อาคารแถวเต๊ง มีการสร้างหลายยุคสมัย  เคยเข้าไปเดินตามผู้ใหญ่มีบรรดาศักดิ์ชมฝ่ายใน
เห็นแถวเต๊งแล้ว  นึกถึงสมัยแม่พลอยขึ้นมาทันที  ท่าทางสนุกวุ่นวายมาก
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 10:16

ภาพแถวเต๊งทิศตะวันออกค่ะ
จาก http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=25445
ก็พอมองความเป็นอยู่ในยุคนั้นได้ลางๆ นะคะ


บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 20:01

แถวเต๊งเป็นสถานที่ที่บรรดาข้าหลวงจากตำหนักต่างๆนิยมไปพบปะพูดคุยสังสรรค์กันตามประสาสาวชาววังเพราะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างอิสระ ไม่ต้องระวังกิริยามารยาทมากเหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์เจ้านายของตน เช่นเดียวกับที่ช้อยบอกพลอยเสมอว่า เที่ยวตามตำหนักไม่สนุกเพราะต้องคอยระวังตัว ถ้าเที่ยวตามแถวเต๊งจะสบายใจกว่า อีกทั้งทุกคนก็จะแสดงความเป็นกันเองได้มากกว่าด้วย
บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 20:55

อยากหาอ่านเรื่องแถวเต๊งในหนังสือสถาปัตยกรรมพระบรมมหาราชวังเหมือนกันค่ะ แต่ไม่สะดวกด้วยอะไรหลายๆอย่าง ในหนังสือเล่มนี้จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับในรั้วในวังที่ควรค่าแก่การศึกษาอย่างแน่นอน (เป็นหนังสืออ้างอิงที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง)  ใจจริงแล้วอยากได้หนังสือเล่มนี้เก็บไว้เป็นของตัวเองค่ะ แต่เท่าที่รู้มา หนังสือสถาปัตยกรรมพระบรมมหาราชวังนั้นพิมพ์ออกมาไม่มากนัก และอีกอย่างคือพิมพ์ตั้งแต่ปี ๓๑ โดยสำนักราชเลขาธิการเป็นผู้จัดพิมพ์ ถ้าจะหากันจริงๆคงต้องหาจากร้านหนังสือเก่ามังคะ ?  ตกใจ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 20:57

สิ่งที่กล่าวไว้ในเรื่องสี่แผ่นดิน คือ อุโมงค์ หรือ เว็จที่ประตูศรีสำราญ หรือส้วม ซึ่งควรตั้งอยู่นอกรั้วกำแพงพระบรมมหาราชวังหรือไม่ครับ
บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 20:58

เรื่องแถวเต๊งนี่ก็เป็นไปตามที่คุณ luanglek บอกค่ะว่า มีการสร้างและปรับปรุงกันหลายยุคสมัย เพราะเมื่อระยะเวลาผ่านไป ความทรุดโทรมของสิ่งก่อสร้างต่างๆก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา รูปแถวเต๊งจากหนังสือต่างๆที่เราได้พบเห็นในปัจจุบันก็เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างในอดีต ที่ทำให้เราหวนนึกถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
สมัยนั้น (ร.๕) ถ้าว่ากันตามที่ผู้เขียนเรื่องสี่แผ่นดินบรรยายให้เห็นภาพแล้ว แถวเต๊งนี่คงจะมีคนอยู่เป็นจำนวนมากทีเดียว (ถึงขนาดใช้คำว่า "..เต็มไปหมดไม่มีที่ว่าง..") ฉะนั้นจึงเป็นตัวบอกได้อย่างหนึ่งว่า ฝ่ายในสมัยดังกล่าวต้องอยู่ในช่วงที่เรียกว่า classic เลยทีเดียว ราชสำนักเป็นศูนย์กลางของความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง ครั้นเมื่อ ร.๕ สวรรคต ความร่วงโรยของเขตพระราชฐานชั้นในก็ปรากฏชัดเจนขึ้น บางตำหนักขาดการดูแล บางตำหนักถูกรื้อลงเพราะทรุดโทรมเกินกว่าจะแก้ไข แถวเต๊งก็ไม่ต่างไปจากสภาพของตำหนักอื่นๆในเขตพระราชฐานชั้นในเท่าไหร่นัก ภาพแถวเต๊งบางส่วนที่ปรากฏในหนังสือจึงมีสภาพที่ทรุดโทรม หลังคาผุพัง มีไม้เลื้อยและตะไคร่จับตามผนัง  ร้องไห้ 
บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 21:45

จากหนังสือ สี่แผ่นดินกับเรื่องจริงในราชสำนักสยาม ของคุณศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย ได้กล่าวถึงอุโมงค์ไว้ด้วยค่ะว่า เป็นที่ถ่ายทุกข์ของข้าราชสำนักฝ่ายใน อยู่บริเวณริมกำแพงพระราชวังด้านใต้ใกล้กับประตูศรีสุดาวงศ์ (ไม่ได้อยู่นอกกำแพงพระบรมมหาราชวังค่ะ)
 
อุโมงค์ที่ช้อยพาพลอยไปนั้นเป็นที่ถ่ายทุกข์แห่งใหม่ซึ่งสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕)  ส่วนอุโมงค์ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ซึ่งรื้อทิ้งไปแล้วนั้น ปลูกลงแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อออกจากประตูวัง  จะมีทางเดินเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูนทึบไม่มีหน้าต่างพุ่งยาวออกจากประตูวังไปโผล่แม่น้ำเจ้าพระยา  รูปร่างอุโมงค์หรือเรือนถ่ายสมัยนั้นมีลักษณะเป็นเรือนไม้หลังใหญ่กั้นเป็นคอกๆ นั่งถ่ายได้ครั้งละหลายคน

แต่ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างอุโมงค์ขึ้นใหม่ใกล้กับประตูศรีสุดาวงศ์เพื่อความเหมาะสม (ไม่ต้องออกไปถึงแม่น้ำ)  โดยอุโมงค์ที่สร้างสมัยนี้จะมีถังตั้งไว้ข้างล่างตลอดแถวสำหรับรับอุจจาระ และจะมีผู้นำไปเทภายหลัง 


บันทึกการเข้า
pierre
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


จงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นคง


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 21:50

ขอยกบทความหนึ่งของคุณจุลลดา ภักดีภูมินทร์ในสกุลไทย ฉบับที่ ๒๔๗๗  ปีที่ ๔๘ ประจำวันอังคาร ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๕ ที่ได้กล่าวถึง “อุโมงค์ หรือ ศรีสำราญ” ไว้ดังนี้

“ศรีสำราญ” ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารภาคที่ ๑๓ เรื่องตำนานวังหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“ลานพระราชวังบวรฯ ด้านใต้กับด้านตะวันตก กระชั้นชิดกำแพงวังชั้นนอก ด้านใต้มีแต่ทางเดิน ด้านตะวันตกก็เห็นจะเป็นเรือนพวกขอเฝ้าชาววัง ทำนองอย่างข้างพระราชวังหลวง มีสิ่งซึ่งควรกล่าวอยู่ข้างด้านตะวันตก แต่ ๒ อย่าง คือ ท่อน้ำอย่าง ๑ ศรีสำราญอย่าง ๑ ท่อน้ำนั้นก็คือประปาในชั้นแรกสร้างพระราชวังบวรฯ ถึงพระราชวังหลวงก็เหมือนกัน ขุดเป็นเหมืองให้น้ำไหลเข้าไปได้แต่แม่น้ำ ตอนปากเหมืองข้างนอกก่อเป็นท่อกรุตารางเหล็ก ข้างบนถมดิน แต่ข้างในวังเปิดเป็นเหมืองน้ำมีเขื่อนสองข้าง ตักน้ำใช้ได้ตามต้องการ
ศรีสำราญนั้น คือเว็จของผู้หญิงชาววัง ปลูกเว็จไว้ที่ริมแม่น้ำ แล้วทำทางเดินเป็นอุโมงค์ คือก่อผนังทั้งสองข้างมีหลังคาคลุมแต่ประตูวังไปจนแล้วที่ถนนข้างนอกวังตรงผ่านอุโมงค์ก็ทำสะพานข้าม ผู้หญิงชาววังลงไปศรีสำราญได้แต่เช้าจนค่ำ เหมือนกับเดินในวังไม่มีผู้ชายมาปะปน”

   เมื่อแรกเข้าใจว่า ‘ศรีสำราญ’ นี้ เป็นคำใช้กันเฉพาะชาววังหน้า เพราะไม่เคยพบในเรื่องของวังหลวง  ในเรื่อง ‘สี่แผ่นดิน’ ของอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ก็ได้ทราบแต่ว่าชาววังหลวงเรียกสถานที่ว่า ‘อุโมงค์’ เพราะสภาพเป็นอุโมงค์อย่างเดียวกับในวังหน้า
   เพิ่งอ่านพบในหนังสือ ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาค ๑๗ เรื่องหมายรับสั่งบางเรื่องในรัชกาลที่ ๑ และที่ ๒
   ในหมายรับสั่งเรื่องงานศพเจ้าศรีฟ้าในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (พระโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระพี่นางเธอพระองค์น้อยในรัชกาลที่ ๑) พ.ศ.๒๓๕๘ ที่วัดสระเกศมีว่า
    “ด้วยพระยารักษมณเฑียร รับพระราชโองการใส่เกล้าฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า...ฯลฯ...
   เมรุสามสร้างพลับพลา ฉนวน แลที่สรง ที่ลงบังคน ที่ศรีสำราญ และโรงข้างในแต่งสำรับคาวหวานนั้น รื้อเสียบ้าง ยังบ้าง ชำรุดหักพังไปบ้าง ให้สี่ตำรวจ สนมตำรวจ รับเลขต่อพันพุฒ พันเทพราช ด้านละ ๑๕ คน ๓ ด้าน ๔๕ คน เบิกไม้ไผ่ จากหวาย กระแชง ต่อชาวพระคลังราชการ แลยืมผ้าขาวต่อพระคลังวิเศษทำขึ้นให้เหมือนอย่างเก่า อย่าให้ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เป็นอันขาดทีเดียว จงเร่งทำให้แล้วทันกำหนดมานี้เป็นการเร็ว”
   แสดงว่า ‘อุโมงค์’ ของชาววังหลวงนั้น จริงๆ แล้วก็เรียกว่า ‘ศรีสำราญ’ เช่นกัน
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 21:55

ขอบคุณครับคุณ pierre  ที่อธิบายเรื่อง อุโมงค์ ให้ฟัง ซึ่งถ้าเป็นเจ้านายระดับสูง คงมีการสร้างส้วมไว้ภายในตำหนักต่างๆแล้ว และจะเชิญออกไปจำเริญลอยแม่น้ำในเวลา (ไม่รู้เช้า/สาย/บ่าย/เย็น) แต่ที่แน่ๆ ช้อยกับพลอย ต้องซื้อ "ไม้แก้งก้น" พวงละอัฐ ไปใช้เป็นป็นแน่แท้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 20 ต.ค. 10, 00:21

ในรัชกาลที่ 5   น่าจะมีการสั่งที่ลงพระบังคน แบบฝรั่ง เข้ามาใช้ในตำหนักเจ้านายฝ่ายในแล้วนะคะ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 13
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.096 วินาที กับ 20 คำสั่ง