เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
  พิมพ์  
อ่าน: 35134 เที่ยวเหนือกันครับ
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 12 ต.ค. 10, 14:32





งานประณีตศิลป์บ้านๆแบบล้านนาของวัดแห่งนี้
ยังคงได้ใจจากผู้ไปเยี่ยมชมอีกเช่นเคย








ผมอดหลงรักเจ้า 'หน้ากาล' ตัวนี้ไม่ได้
ที่ท่ากินพระอาทิตย์ของมันดูแล้วชวนให้นึกถึงชีสก้อนโตๆ
ชวนให้รู้สึกว่าช่างที่ปั้นมันขึ้นมาใส่บุกคลิกของความ 'ตะกละ' และ 'มูมมาม'
ให้กับงานศิลปะที่เขาสร้างขึ้นได้อย่างน่าชื่นชม

รวมไปถึงงานตกแต่งภายใน ที่ชวนให้นึกถึงวิหารหลายๆแห่ง
ในศิลปะอยุธยาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย




บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 12 ต.ค. 10, 23:17






ถึงแม้ว่าบรรยากาศและงานประณีตศิลป์ของวัดแห่งนี้
จะสวยงามเพียงใดก็ตาม... ในที่สุดเราก็ต้องอำลา
และเดินทางจากไป เพราะจุดมุ่งหมายแห่งถัดไปกำลังรอพวกเราอยู่






บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 13 ต.ค. 10, 12:22





วัดถัดไปที่พวกเราเดินทางไปชม คือ 'วัดร้องแง'
ที่แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยศิลปกรรมพื้นบ้านงามๆ
ที่ดูน่าชมไปในทุกสิ่ง ทุกส่วน ของวัด

ผมอยากสารภาพว่า 'หลงรัก' ทวยอันนี้แต่แรกพบ










ส่วนงานตกแต่งภายในอื่นๆก็งามไม่น้อย





บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 00:59

งานประดับที่นี่ยังรักษารูปแบบเดิมๆไว้ได้มาก
ทั้งงานจิตรกรรม และงานประดับ
เราจึงได้มีโอกาสเห็นจิตรกรรมพื้นบ้านล้านนา
อยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย










ดาวเพดานที่นี่กลีบดอกแต่ละกลีบที่บานออกมา
ใช้สังกะสีปิดทองเพื่อให้ดอกดวงดูนูนเด่นมากกว่าไม้สลัก
ที่จริงงานประดับสังกะสีเป็นเรื่องน่าสนใจอยู่ชั่วครู่
ทั้งในศิลปะล้านนา ศิลปะพม่า และศิลปะไทยภาคกลาง
แต่ที่ชุดที่สุดในประเทศไทยเห็นจะเป็นศิลปะล้านนา
ก่อนที่วัสดุจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นของอย่างอื่นๆแทน














แต่ทำไมผมถึงประทับใจกระบะใส่ของแก้บนใบเขื่อง
กับพระแม่ธรณีองค์นี้ที่สุด... ก็ไม่รู้แฮะ ?
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 01:05

ปลายทางแห่งถัดไปของพวกเราอยู่ที่ 'วัดหนองบัว'
เมื่อมาถึงอำเภอปัว ที่นี่เป็นจุดที่นักศิลปะนิยมทั้งหลาย
ต้องหาโอกาสมาเยี่ยมชมให้ได้ เพราะมีของดีๆ และงามๆอยู่หลายอย่าง













ผมประทับใจบรรยากาศในวัดตั้งแต่แรกเห็น
การตกแต่งต่างๆก็งดงามกว่าทุกๆที่ที่ได้เห็นมา
รวมทั้งจิตรกรรมฝาผนังฝีมือเอกๆที่หลงเหลือมา
หลังจากถูกน้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อปีกลาย
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 01:08






ภาพพวกนี้บอกเราว่าแม่ญิงล้านนาแต่ละนาง
ใช่แต่จะมีความดีงามอย่างเดียวเหมือนในเพลงล่องแม่ปิง
ที่จริงแต่ละคนน่ะ มือก็ไกวตีนก็แกว่งพอๆกับผู้บ่าวเลย..


ส่วนดาวเพดานวันนี้ก็งามอีกตามเคย
เสียดายว่าทางวัดเอาโป๊ะไฟสมัยใหม่ไปติดไว้
เลยดูขัดหูขัดตาอย่างไรไม่รู้...

ถ้ามีส่วนราชการสักที่ ที่เปิดการเรียนการสอนเรื่องงานออกแบบ
เข้ามาช่วยเหลือทางวัดให้สามารถทำโคมไฟอันใหม่
ที่ติดแล้วดูไม่ขัดหูขัดตากับดาวเพดานได้ก็น่าจะดีกว่านี้อีกมาก





บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 08:05

งานศิลปกรรมของไทยไม่ว่าภาคไหนมักแสดงถึงอุปนิสัย  บรรยากาศ ทรัพยากรอยู่ในงานเสมอขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ ขออีกเยอะๆชอบ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 09:40

รูปผู้หญิงถือดาบนั่นคือนางพรหมจารีชนช้างฤาเปล่าครับ? ฮืม
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 10:23

เรียน คุณ yutthana ยินดีครับ
กระทู้นี้ผมคงเขียนไล่ไปจนจบทริปได้
หรือที่จริง พี่ยุทธจะลองเปิดดูใน fb ก่อนก็ได้ครับ


เรียนคุณ kurukula ถูกต้องนะครับ
รายละเอียดขอให้เปิดหนังสือ 'วัดภูมินทร์และวัดหนองบัว'
ของสำนักพิมพ์เมืองโบราณดู จะได้รายละเอียดมากกว่า

คำบรรยายภาพที่เห็นอยู่นี่ อ. ประยูร ท่านถึงกับออกปากว่า
เป็นการแสดงฝีมือช่างที่แปลก เพราะตั้งใจเขียนแสดงให้เห็นว่า
นางพรหมจารีมาฤทธิ์มาก ถึงกับใช้ดาบสองมือได้
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 14:09





ธรรมาสน์ของวัดหนองบัว
เป็นโบราณวัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่งามไม่น้อย
ทรวดทรงองค์เอวของธรรมาสน์องค์นี้
ผอม และเพรียว เหมือนที่พบในศิลปะอื่นๆซึ่งร่วมสมัยกัน

ส่วนภาพวาดเก่าในกรอบกระจกนี้ก็น่ารักอยู่ไม่น้อย
ไม่แน่ใจว่าการใส่กรอบกระจกจะทำให้ภาพเสียเร็วขึ้นไหมนะครับ ?





บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 14:19






ไหนๆก็มาถึงวัดหนองบัวแล้ว
ขออนุญาตเอาภาพ 'หนองบัว' หนองนี้มาลงหน่อย
อยากให้เห็นว่าช่างที่วาดตั้งใจเก็บบุคลิกของต้นไม้มาก
ถึงจะไม่เนี้ยบจนเหมือนงาน botanical paint
แต่ก็ถือว่าน่าชื่นชมมาก ที่มีความตั้งใจเช่นที่เห็นอยู่นี้











แต่แล้วในที่สุด... ก็หมดเวลาสำหรับวัดแห่งนี้
เราต้องออกจากวิหารหลังงามนี่ไปเพื่อจุดมุ่งหมายต่อไป
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 14:21

แต่ก่อนจะไป ผมขอแวะถ่ายโบสถ์หลังน้อย
กับหน้าบรรพ์งามๆซักหน่อยนะคราบบบ










บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 20:41






จุดหมายถัดไปของผม อยู่ที่ 'วัดพระธาตุเบงสะกาดน้อย'
ที่นี่อยู่บนดอย จึงมองเห็นทัศนียภาพออกไปได้ไกลลิบ
น่าเสียดาย มาในช่วงบรรยากาศไม่เป็นใจ ฟ้าเลยเป็นสีมอๆไปหน่อย
ผมคงต้องหาโอกาสมาเก็บภาพที่นี่เองอีกซักครั้ง
เพราะขุนเขาสีฟ้าๆตรงหน้าออกไปนั่นดูน่าถ่ายรูปเหลือเกิน












หมดเวลาดูวัดนี้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ 'สวัสดี จ๊ะ!!!'





บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 21:04

วัดถัดไปของพวกเรา คือ 'วัดดอนมูล'
เนื่องจากที่นี่กำลังบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่
สภาพวัดเลยค่อนข้างรก ไม่เหมาะกับการถ่ายภาพนัก
และไม่มีโอกาสได้ดูด้านในพระอุโบสถไปตามระเบียบ














แต่เพียงแค่ภายนอกอย่างเดียว
ที่นี่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
เช่น บานประตูคู่นี้ ที่แม้จะดูบ้านๆ
แต่ก็เห็นฝีมือช่างว่า 'ไม่ธรรมดา' เลย
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 14 ต.ค. 10, 21:09

หลังอาหารกลางวันมือใหญ่
วัดแรกที่พวกเราแวะชม คือ 'วัดสถารศ'
ที่นี่อยู่ในสภาพค่อนข้างใหม่ ไม่ได้มีอะไรให้ดูนัก
แต่เจดีย์องค์นี้ก็มีลักษณะร่วมหลายอย่าง
ที่ทำให้ดูคล้ายกับเจดีย์สมัยอยุธยาตอนปลาย










พระประธานที่นี่ เรียงกัน 3 องค์
เรียกกันว่า 'พระ อู่ แสน สุข'
เข้าใจว่าเป็นหลักการจัดวางแบบใหม่
เพื่อให้ได้ชื่อย่อที่เป็นมงคลนาม
จากการย่อชื่อศิลปะสมัยต่างๆ ได้แก่










พระพุทธรูปในศิลปะอู่ทอง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 19 คำสั่ง