เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
อ่าน: 35124 เที่ยวเหนือกันครับ
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 16 ต.ค. 10, 11:24






จุดหมายปลายทางแห่งถัดไปของพวกเรา
อยู่ที่ 'วัดพระธาตุเขาน้อย' ซึ่งตั้งอยู่บนเขา
แม้ที่นี่มีการสร้างเพิ่มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก

แต่ก็ยังรักษาพระเจดีย์เก่าเอาไว้อยู่












รวมทั้งวิหารหลังนี้ซึ่งเคยเป็นหอคำเก่าด้วย











หมดเวลาสำหรับวันนี้แล้ว เจอกันวันถัดไปครับ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:32












เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศยังคงขมุกขมัวตามฤดูกาล
หลังอาหารเช้ามื้อแรกในเมืองน่าน
เราก็เริ่มต้นวันใหม่กันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมืองน่าน
โดยได้รับความอนุเคราะห์จากภัณฑารักษ์
ให้สามารถถ่ายภาพได้ จึงเป็นโชคดีของคณะเดินทาง
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:34











ที่นี่มีของงามๆอยู่มาก หลายอย่างก็งามอย่างราชสำนัก
แต่อีกหลายอย่างก็งามแบบบ้านๆ ตามท้องถิ่น
พวกเราพากันถ่ายภาพโบราณวัตถุต่างๆใน พช. จนจุใจ
ก่อนจะเดินทางไปชม 'คุ้มเจ้าราชบุตร' ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป

แต่เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ของเอกชน ผมจึงไม่ได้ถ่ายภาพไว้
เพราะเหตุว่าไม่ได้ขออนุญาตถ่ายภาพมาแต่แรก
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:46

ตกบ่าย เราไปเยี่ยมชมวัดภูมินทร์
หรือที่ผมขนานนามเรียกเองว่า 'มหาวิหารแห่งเมืองน่าน'
แม้จะเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตของผมที่ผมได้มาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้

แต่เนื่องจากเป็นครั้งแรก ที่ได้สังเกตงานประดับของวัดอย่างละเอียดลออ
จึงได้มีโอกาสเห็นความวิจิตรในฝีมือช่างอยู่หลายประการ
นับว่าต้องยินดีกับชาวน่าน ที่ได้มีวัดแห่งนี้อยู่กับเมือง
















บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:49






ผมประทับใจลายประดับที่นี่มาก
จนนึกอยากนำไปรวบรวมทำขึ้นเป็นหนังสือสักเล่ม
(ตอนนี้กำลังหาทางจะพิมพ์เผยแพร่เพื่อสังคมอยู่
ขออนุญาตบอกบุญในกระทู้นี้ด้วยแล้วกันนะครับ)












ส่วนผู้บ่าวคอพอกคนนี้... ทำไม xxx จังอ่า...
ครูช่างทะลึง!!!
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:51






เราบอกลาวัดภูมินทร์ เพื่อเดินทางต่อไปยัง 'วัดช้างค้ำ'
ซึ่งอยู่ฟากถนนฝั่งตรงข้ามของเมือง
ซึ่งเป็นวัดสำคัญอีกแห่งของเมืองน่าน











บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:54






ผมประทับใจธรรมาสน์องค์งามองค์นี้มาก
เพราะถือได้ว่าคนสร้างตั้งใจจะสร้างขึ้นเป็นอย่างเอก
ทั้งทรวดทรงและลวดลายที่ประดับอยู่ จึงงดงาม
รับกับการจัดองค์ประกอบของพื้นที่ภายในได้อย่างลงตัว















แต่ทางวัดจะเอาหลอดฟลูออเรสเซนต์ไปติดไว้ทำไมว๊า...
เห็นแล้วปวดตับยังไงพิกล เหมือนผู้หญิงสวยๆมีตุ๊กแกอยู่บนหน้า
จะจูบก็ไม่กล้า จะมองก็เกรงๆ... เหอะๆ ม่ะหวายน๊า.....
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:57






เหตุที่วัดช้างค้ำ ได้ชื่อว่าวัดช้างค้ำ
เพราะเจดีย์ประธานของวัดองค์นี้มีช้างค้ำอยู่
แต่นอกจากเจดีย์ช้างค้ำแล้วยังมีเจดีย์สำคัญอีกหลายองค์

เช่น เจดีย์ทิพย์ องค์นี้กับกู่ประดิษฐานอัฐิเจ้านายเมืองน่านด้านหน้าอีก 3 องค์










บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 00:59

หรือกู่องค์งามองค์นี้ ที่ดูจากลวดลายแล้ว
เชื่อได้ว่า คงมีอายุอยู่ในสมัยอาณาจักรล้านนายังรุ่งเรืองอยู่










บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 15:55







วัดหัวข่วง เป็นวัดแห่งสุดท้ายในเมืองน่าน
ที่พวกเราแวะชมก่อนออกจากเมือง
ที่นี่มีของงามๆอีกหลายอย่างให้ได้ชมกัน
เช่น หอพระไตรปิฏกหลังนี้ ซึ่งผมประทับใจลวดลายที่ฝามาก












หรือเจดีย์ที่เลียนแบบมาจากวัดโลกโมฬีย์ที่เชียงใหม่องค์นี้





บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 16:00













โบสถ์วัดหัวข่วงเองก็งามไม่แพ้ของอื่นๆในวัด
ลายไม้แกะสลักที่หน้าบันที่นี่แม้จะไม่วิจิตรเหมือนงานในกรุง
แต่ก็งามไม่แพ้ที่อื่นๆในประเทศไทย

โดยเฉพาะเครื่องบนภายใน ที่ออกแบบได้ดี
และทำให้เห็นได้ถึงรูปแบบที่ต่างออกไปจากงานแกะไม้
เนื่องจากลายประดับที่วัดนันตาราม และวัดจอมสวรรค์นั้น
สร้างลายด้วยวิธีการประดับกระจก และฉลุสังกะสี






บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 16:02






สถานที่สุดท้ายของคณะเดินทาง
ก่อนจะกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟเด่นชัย
คือ 'วัดบุญยืน' ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆในการเดินทาง
หลายคนในทริป ประทับใจวัดตั้งแต่ได้เห็นลายประดับเสาคู่นี้ที่หน้าประตู







บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 19:25

แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศภายในของอาคาร
สมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันหลายคน
ก็ออกปากว่า 'เหมือนวิหารสมัยอยุธยาตอนกลาง'
เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นต้น

แต่ในที่สุด 'วัดบุญยืน' ที่งามไม่แพ้วัดใดๆในเมืองเหนือ
ทั้งในงานสถาปัตยกรรม หรืองานประณีตศิลป์
ก็ต้องถูกทิ้งไว้เป็นเพียงแค่ความหลัง...
เมื่อเวลาของคณะเดินทางหมดลงแต่เท่านี้


















จบแล้วครับ
บันทึกการเข้า
ติบอ
นิลพัท
*******
ตอบ: 1906


Smile though your heart is aching.


ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 18 ต.ค. 10, 19:34

จากใจคนเขียนกระทู้


เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้ขนาดยาวกระทู้แรก
ที่ผมสามารถเขียนกระทู้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
โดยไม่ติดขัดด้านเวลา หรือขัดข้องทางเทคนิค

(ที่จริงมีคนทักว่าเป็นเรื่องของ 'วัย' ก็คงต้องรับว่าจริง
เพราะตรงตามสำนวนไทย 'คบเด็กสร้างบ้าน'
เมื่อความ 'หัวล้าน' มาเยือนจึงได้ฤกษ์สร้างเมืองเป็นเมื่องแรก)

เมื่อได้ฤกษ์แล้วก็ขออนุญาตทำตัวเป็น celeb
บอกเล่าเก้าสิบถึงความในใจคนเขียนกระทู้สักหน่อยนะครับ



ผมไปเมืองเหนือตอนล่างครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต
แต่เป็นครั้งแรกที่ไปในมุมของ
'นักโบราณคดี-ประวัติศาสตร์ศิลป์'
จึงได้มีโอกาสเห็นอะไรดีๆ งามๆ อีกมากโข

เรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าน่าสนใจ
แต่เรามักมองข้ามกันไป คือ
ความเป็นปัจเจกของเมืองแต่ละเมือง
ที่การศึกษาศิลปะแบบยกครัวมักมองข้ามไป
ทำให้การทำความเข้าใจสังคมก็หายสาบสูญไปจากวิถีคิด

เมื่อเห็นแล้วก็อดเสียดายแทนสังคมไทยไม่ได้
ที่ยังไม่ค่อยมีผู้ลุกขึ้นยืนในทางสังคมวิทยาสักเท่าไหร่
ที่ยืนได้ หลายคนก็ออกนอกเขตของตัวไม่ได้
หรืออีกหลายคนก็กบฏถึงขั้นกำปั้นทุบดินก็มี


หลังจากกลับมาแล้วจึงคุยกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง
ว่าอยากลองทำหนังสือ 'ลายคำเมืองน่าน' ขึ้นสักเล่ม
เพื่อตอบแทนสังคมที่เราเคยตักตวงผลประโยชน์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
คาดว่าเมื่อพร้อมเมื่อไหร่ คงจะได้มาขอแรงสมาชิกในเรือนไทยอีกครับ



เอวัง... ด้วยประการฉนี้แล
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 19 ต.ค. 10, 09:13

ขอบพระคุณ คุณติบอ สำหรับเรื่องราวดีๆ และภาพงามๆ ที่นำมาฝากกันค่ะ
บางสถานที่เคยไปเยือน แต่มองข้ามหลายสิ่งหลายอย่างไป เช่น ภาพผู้บ่าวคอพอกเรตx..ฮิฮิ
เอาใจช่วยสำหรับ 'ลายคำเมืองน่าน' ค่ะ อยากเห็นไวๆ นะคะ... ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 19 คำสั่ง