เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 9493 ส. อาสนจินดา สุภาพบุรุษ
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


 เมื่อ 27 ก.ย. 10, 16:20



สหาย วาน ให้มาปราบดินเททราย   แล้วสหายที่นับถือจะมาจัดสวนปลูกต้นไม้

จะเป็นไรไปเพราะข้อมูลไม่ใช่ของใครเป็นเจ้าของ


อ่านมาจาก  ชีวิตพิสดาร (อันแสนจะบัดซบ)ที่เขียนเป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ดิฉัน ๒๕๓๓ - ๒๕๔๔

รวมเป็นเล่ม  ๒๕๓๖



จะขอเล่าเฉพาะเรื่องของบ้านคุณ ส. อาสนจินดา

บิดาคือ หลวงสหการสันทัด(แฉ่ง)  ลูกช่างเจียรนัยเพชรพลอยจากซัวเถา กับกิ่ง สาวงามวัดเกาะ

นายแฉ่งมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อ ปุ่น  ต่อมาคือพระยาอนุบาลพายัพกิจ ข้าหลวงเมืองเชียงใหม่


ตาเป็นขุนพัฒน์นายอากรบ่อนเบี้ยมาจากเมืองเอ้หมึง  และยายเมืองสีกุก  เมืองนักสู้แห่งอยุธยา


นายแฉ่ง  เติบโตมาถิ่นวัดเกาะ
เรียนหนังสือที่วัดปทุมคงคา
หลังจากนั้นเรียนที่สวนกุหลาบ  เป็นศิษย์อาจารย์ซัตตัน     พ่อแฉ่งเก่งภาษาอังกฤษ


พ่อเห็นแม่ที่อยู่กับตาที่ม้าเก็งอ๋า  ก็รักไปบอกย่า    ย่าหมั่นไส้แม่มากเพราะทำให้พ่อที่สมถะต้องดิ้นรน

ลุงปุ่น ตอนนั้นเป็นพระพิทักษ์ราชธานี  รับราชการเป็นข้าหลวงลพบุรี  ได้ฝากพ่อเข้ารับราชการในกระทรวงพาณิชย์
รับราชการในกิจกรรมสหกรณ์  ตอนนั้นอยู่กระทรวงพาณิชย์

จะพูดไปแล้วตระกูลที่ลูกชายคนโตเป็นข้าหลวงถือว่าเป็นขุนนางระดับไม่เล็ก

ตานั้นหมั่นไส้ลูกเขยอยู่เพราะอยากได้ลูกสาวไปเลี้ยงตอนแพ้ท้อง   พ่อแฉ่งบอกว่าเมียคนเดียวเลี้ยงได้

ตาเป็นนักเลง  อยากตีหัวลูกเขยอยู่

คุณ ส. เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน  ๒๔๖๔       คงติดนิสัยนักเลงมาจากทั้งสองสาแหรก  แหม! เล่ามาดุทุกคน

นักเลงสมัยก่อนโน้น  ไม่ได้ตีหัวหมาปาหัวเจ๊กเป็นโจรเล็กโจรน้อย
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 27 ก.ย. 10, 16:34



รู้จักเสือมาหลายคนเหมือนกัน   เสือใบ เสือดำ  พระครูเย็นที่เป็นเสือสมิง  เวลาโมโหตบลูกศิษย์ไม่ได้ดังเพี๊ยะ

ดังขวาก  หน้าเป็นรอยเล็บเสือข่วนเลย(สงสัยจะนิยาย)   เสือมเหศวร

สมัยก่อนใครจ้างเสือไปฆ่าผู้หญิง  เสือไม่ไป     สมัยนี้ท้องแปดเดือนเสือควงปืนแถมยิงแม่ยายให้อีกราย


     นักอ่านก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ   อ่านแล้วเกิดอารมณ์คล้อยตาม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 27 ก.ย. 10, 17:21


พ่อแฉ่งได้เป็นขุนสหการสันทัด  เงินเดือน  ๖๐ - ๘๐ บาท

แม่เช่าห้องแถว ๒ ห้องอยู่หนึ่งห้อง  เปิดทำร้านซักรีด ชื่อ สยามประณีต ห้องหนึ่ง

เก็บเงินไม่ค่อยได้จึงเลิกทำ


       สมัยนั้นพระคลังข้างที่สร้างบ้านเช่าเป็นแนวตลอดเวิ้งจากปากคลองตลาดหรือท่ากลางไปตลอด

หลังห้องแถวแนวคลองหลอด  ถึงศาลเจ้าบ้านหม้อหรือถึงห้างบาโรบาราวน์(ขายเครื่องเสียง เครื่องฉายหนัง)

เป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้น   กว้างขวาง  มีสวนและทางเดินจากประตูหน้าบ้านไม่ต่ำกว่า ๒๐ ตารางวา

ค่าเช่าเดือนละ ๒๐ บาท


       เมื่อย้ายมาอยู่ที่ที่ของพระคลังข้่างที่  พ่อได้เลื่อนเป็น รองอำมาตย์โท  หลวงสหการสันทัด  หัวหน้ากองสหกรณ์ภาคภายัพ

ได้เงินเดือน ๓๕๐ บาท  แต่สั่งหนังสือจากนอกด้วยตัวเองชุดละ ๓๐๐ บาท

พ่อขยัน  ยังไปช่วยเพื่อนที่ตั้งร้านขายยา บริบูรณ์บาล์ม ทำบัญชี  ได้เงินอีก ๖๐ บาท

บันทึกการเข้า
natadol
ชมพูพาน
***
ตอบ: 171


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 28 ก.ย. 10, 01:20

มานั่งรอคุณวันดีมาเล่าต่อครับกำลังสนุกเลยตรับ ขยิบตา

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 28 ก.ย. 10, 04:07

ครึ้มเชียวค่ะ  ทำยังกะน.ส.พ.รายวันมีคนมารอขอซื้อหน้าที่ดิฉันรับผิดชอบ

ต่อ....


คุณพ่อคุณส. ในสายตาที่ลูกชายเล่าเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่   และตามอ่านมาก็สะดุดใจหลายอย่าง

ท่านแปลบทหนังด้วยนะคะ   ภาพยนตร์สมัยนั้นขาวดำและเป็นหนังเงียบ    ถ้ามีคำพูดของตัวละคร 

เขาก็จะหยุดคั่นตัวหนังสือบอกคำพูด    ถึงอย่างนั้นคนดูก็อ่านไม่ทัน   เพราะที่อ่านภาษาอังกฤษเร็วๆ

ผ่านจอมีน้อย

น่าเสียดายที่คุณ ส. ไม่ได้เล่าให้ละเอียดว่าคุณพ่อ  คุณหลวงสหการสันทัด  ใช้นามปากกาอย่างไร  เพราะหนังสือเรื่องแปลนี้

เป็นธรรมดาอยู่เองที่ นักอ่านหนังสือเก่าต้องมีอยู่บ้าง   สหายที่สะสมหนังสือประเภทนี้ก็มาหาเอาแถวๆนี้

อิอิ...


       อันที่จริงชีวิตของคุณ ส. นั้นท่านเล่าไว้มีรสเปรี้ยวหวานเค็มมันเป็นกำลัง     ดิฉันไม่สามารถจะเล่าได้ใกล้เคียงได้เลย

แต่อ่านแล้วได้ความรู้สึกที่ดีงามและความบางอย่างที่คุณ ส. เล่า  แล้วดิฉันเชื่อสนิท

เชื่อในความคิดและวาจาของท่าน


       คุณ ส.  ท่านเป็นลูกผู้ชายสู้ชีวิต  และท่านมองเห็นคนอื่นเป็นสุภาพบุรุษ  และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ  มารยาทของคนที่เห็นลูกผู้ชาย

ด้วยกันเป็นคนมีเกียรติ

       
       เมื่อดิฉันอ่านหนังสือของคุณ ส.  ตอนที่เป็นบทความอยู่นั้น  ดิฉันเผลอบอกเพื่อนฝรั่งนิสัยดีคนหนึ่งไปว่า  เพิ่งรู้แฮะว่า  ท่านพี่เมีย

ของคุณ ส. เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง

เจ้าเพื่อนดิฉันงง  เพราะใครๆเขาก็เล่ากันมาทั้งนั้นว่าท่านเป็นลูกผู้ชาย  เป็นสุภาพบุรุษ   ดูจากใบหน้าท่าทางกิริยามารยาทของท่านซิ

เรื่องนั้นก็รับฟังได้เพราะชีวิตน้อยๆไม่เคยไปสนิทสนมเกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูง  หรืออ้างอิงแอบแฝงว่าเป็นญาติโกโหติกาประการใด


ตอนนี้ก็กำลังจะเล่ากระโดดไปล่วงหน้าเล็กน้อย  เพราะเช้าวันนี้  เจ้าของกระทู้นี้ก็จะ  I shall return  แล้ว  เดี๋ยวจะหมดโอกาสเล่า


สิบคนเล่า  ไม่เท่าความไม่กี่ประโยคที่คุณ ส. เขียนไว้


คุณส. เล่าว่าเมื่อตอนไปจีบภรรยาที่บ้าน   พี่ชาย(ต่างมารดา)เพิ่งกลับจากต่างประเทศมีเพื่อน ๆ มาชุมนุมกันที่บ้านเป็นประจำ

คุณส.นั้นหิวโซ   มีคนในบ้านเก็บข้าวแกงไว้ให้หนึ่งจาน   คุณส.ก็แวะไปกินข้าวเสียก่อน       พี่ชายใหญ่ของสกุลก็ให้น้องสาวมาตามไปร่วมกลุ่ม

สนทนากับเพื่อนๆนักเรียนนอกโก้หรูของท่าน   คุณ ส.นั้นน่าจะเดินมาเป็นทางไม่ใกล้แน่เพราะไม่ค่อยจะมีสตางค์   คุณส.เมื่อพุงมีความสุขคือมีอาหาร

บรรจุอยู่แล้ว   ก็ออกไปคุยกับวงสังคมระดับสูง  ได้รับการต้อนรับอย่างดี   ไม่ได้เป็นอย่างนวนิยายบีบคั้นจิตใจที่อ่านกันมา


คุณ ส. บอกว่า   พี่ชายใหญ่ของภรรยา  เป็นสุภาพบุรุษ


แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรฟูมฟายอีก

นักอ่านหนังสือเก่าซึ้งมาก   ซึ้งในจิตใจของลูกผู้ชายหัวหน้าสกุล  ที่มองเห็นนายหนวดที่มาจีบน้องสาวแสนสวย(น้องสาวสวยเต็มบ้าน)

เป็นคนที่สมควรต้อนรับ


ที่เล่ามานี่ไม่ได้เอ่ยชื่อท่านพี่ชายใหญ่เลย  ไม่จำเป็น

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 28 ก.ย. 10, 04:50


มาถึงตอนนี้  คุณหลวงสหการสันทัดเป็นมาเลเรียขึ้นสมอง  ถึงแก่กรรมไปอย่างปัจจุบันทันด่วน

คุณส.ก็เริ่มเสียคน หรือเสียเด็กคือเที่ยวและไม่สนใจการเรียน


คุณ ส.ท่านมีเพื่อนเยอะ  ท่านเล่าอะไรไว้ถ้าอ่านทัน  หรือเก็บความแบบอ่านเอาเรื่องได้ก็จะสนุกสนาน

ถ้าเข้าใจวงสังคมและบุคคลสำคัญในเวลานั้นและแน่นอนว่าต้องสำคัญเรื่อยมาอีกนานถ้าไม่ชิง "ขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์"

(ตามสำนวนที่น่าขัดแย้งและประกาศศึก  ของคุณหลวงเล็กที่นับถือของดิฉัน)เสียก่อน



       ลัดนิ้วมือเดียว  คุณส. ตกม.๘  ไปแล้ว  เพราะหนีเรียน  ตีตั๋วหนังรอบบ่าย และไปจีบโสเภณีที่ซ่องป้าอบ

เจ้าคุณลุง  พระยาอนุบาลพายัพกิจ เดินทางลงมาจากเชียงใหม่มาขอตัวให้ไปเรียนหนังสือที่เชียงใหม่

เรื่องราวตอนนี้เป็นเรื่องไปทำบทหนังได้สบาย  ตอน  คุณครูครับ ผมรักคุณครู 



       คุณหลวงที่นับถือ(คิดจะสู้รบอยู่เมื่อครู่นี้เอง)    ดิฉันไม่มีหนังสืออนุสรณ์คุณ ส.   แต่แน่ใจว่าคุณต้องมีสมบัติมหาศาล

ที่จะมาเล่าให้สหายในเรือนไทยฟัง   

       ดิฉันขอลาไปหาข้อมูลเรื่องโบราณอีกเรื่องหนึ่งที่เอกสารไปตกอยู่ที่คานาดา 

       เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับตระกูลเก่าในเมืองไทยตระกูลหนึ่ง

       เมื่อวานอ่าน Journal ของสกุลไป หลายร้อยหน้า

       สมาชิกนักอ่านหนังสือเก่าได้ยินแล้วก็จะร้องกรี๊ด

       
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 30 ก.ย. 10, 00:40

นำรูปคุณส.ตอนหนุ่มมาคั่นโปรแกรม

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 30 ก.ย. 10, 01:50

คุณหลวงเล็กไม่ได้หนีไปไหนค่ะ   ท่านอ่อยเหยื่อโดยเขียนสารมาถึงดิฉันว่าขอรับฟังดิฉัน..อ่า..เล่าไปก่อน

พูดเป็นเล่นไปน่ะ   นี่ตัดเรื่องคุณตุ๊เก็บไว้ก่อนแล้วนะคะ  จะขอรวมไว้ที่งานที่ใหญ่มากชิ้นหนึ่ง



       เล่าเรื่องคุณส. ไปเจอคุณครูที่กระตุ้นความรักดีของหลานชายท่านเจ้าเมืองคืนมานะคะ

เจ้าเมืองพาหลานชายมาฝากเรียนหนังสือด้วยตนเอง  ได้พบกับอาจารย์วิลเลียม  แฮรีสกับแหม่มภรรยา

อาจารย์แนะนำให้รู้จักครูหมวก  ไชยลังการ์  คุณครูประจำชั้นมัธยมมที่แปด

ห้องเรียนที่ถอดแบบ หรือยกเอามาทั้งห้อง...ทั้งอุปกรณ์การเรียน...โต๊ะเก้าอี้เรียน(ไม้โอ๊ก)จนกระทั่งกระดานดำและชอล์กทุกชิ้น

มาจากสหรัฐอเมริกา


นักเรียนทั้งห้องรวมทั้งคุณ ส. มีอยู่ ๓๐ คน

เมื่อเข้าไป...นักเรียนทุกคนลุกขึ้นยืนต้อนรับเพื่อนใหม่

     ครูหมวก  ไชยลังการ์  แนะนำด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหวว่า

"นี่คือคุณสมชาย  อาสนจินดา  ผู้ที่มาจากโรงเรียนสวนกุหลาบ กรุงเทพฯ   โรงเรียนหลวงชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมของประเทศไทย

เราทั้งหลายซึ่งเป็นนักเรียนหัวเมืองจะต้องเตรียมใจเตรียมตัวให้ดี   อย่าให้อายคุณสมชาย   จะต้องหมั่นเรียนเพื่อ  'ตาม'
วิชาความรู้ของคุณสมชายให้ทัน..."


คุณ ส.เล่าว่าท่านจั๊กจี้หัวใจ  นึกไม่ออกว่า ครูหมวกจะมา 'ไม้'  ไหนกันแน่

(...ฮ่ะ ๆ  ๆ  นักอ่านครึ้มใจเหลือเกิน  ที่ตนเองผ่านศึกสงครามในห้องเรียนมาแล้ว)


คุณครูเรียกนักเรียนครึ่งห้องให้ขึ้นไปทำแบบฝึกหัดพีชคณิตบนกระดาน   คุณส.ยังอุตส่าห์บรรยายว่า เนื้อชอล์กละเอียดและนิ่มดีเหลือเกิน

เลยยืนหมุนไปมาซะ

คุณส. เล่าว่าเสียงชอล์กของนักเรียนอีก ๑๔ คน ที่กำลังหาคำตอบอย่างจักรผัน  ดังสนั่นเข้าไปในแก้วหู  ในมันสมองอันโง่ทึบ

เหงื่อจากศีรษะของคุณส.ไหลลงไปที่หน้าผาก  ลงไปตามลำตัว   ไม่เคยอายและอดสูอะไรเช่นนั้น

หน้ามืดและวิงเวียนจะล้ม


น่าขอบใจเพื่อนๆเหลือเกินที่ไม่มีใครมีปฎิกิริยา  ไม่มองและไม่เยาะเย้ยไยไพ

คุณส. ทราบดีว่ากำลังถูกลองดีโดยจิตวิทยาเพื่อเปลี่ยนให้เป็นคนใหม่

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 01 ต.ค. 10, 15:12


กลับบ้านแล้วคุณส.ก็เข้าไปใช้ห้องสมุด  หัดทำแบบฝึกหัดใหม่   

หลังจากกินอาหารเย็นแล้วก็ดูหนังสทอ   ผ่านม.๘ มาได้ด้วยคะแนน ๖๕.๓๐


เมื่อเรียนจบแล้วได้ไปเป็นครูโรงเรียนอำนวยศิลปอยู่พักหนึ่ง  แล้วเข้าทำงานสหกรณ์

ชีวิตนักสหกรณ์ไปเริ่มที่เพชรบูรณ์  เชียงราย และกำลังจะย้ายไปเมืองอินทร์  คุณ ส.ลาออก

คุณส.เป็นเพื่อนกับคุณประมูล  อุณหธูป  คุณประมูลพาไปหาคุณมาลัย ชูพินิจ  เบิกค่าเรื่องที่ส่งมาแล้วได้ลง

สี่เรื่อง  เจ็ดสิบบาท

ก็เลยหันชีวิตมาเป็นนักเขียน

เรื่องราวในตอนนี้บันเทิงมากเพราะเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆของสำนักพิมพ์  ซึ่งคุณ สมใจ  เศวตศิลาเข้ามาทำงาน
ที่ถนนอุณากรรณ  หลังศาลาเฉลิมกรุง

บันทึกการเข้า
giggsmay
ชมพูพาน
***
ตอบ: 135


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 27 มี.ค. 14, 11:42

ถึงจะไปผ่านไปเกือบ 4 ปีแล้วแต่อยากจะวอนให้ คุณวันดี กลับมาเล่าเรื่อง ป๋า ส. ต่อได้มั้ยคะ พลีสสสสสสสสส
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.039 วินาที กับ 19 คำสั่ง