Wandee
|
คัดลอกและสลับความด้วยความระมัดระวังเพื่อให้ภาพท่านผู้หญิงเมื่อวัยเด็กติดต่อกัน
แม่แดงเล็ก แม่ตุ๊กตางา
คุณหนูดุษฎีเป็นธิดาเจ้าพระยามหิธรกับท่านผู้หญิงกลีบ เกิดเมื่อบิดามีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาจักรปาณีศรีศีลวิสุทธ์ิ
ปลัดทูลฉลองกระทรวงยุติธรรม อายุ ๓๐ ปี เป็นพระยามาได้ ๒ ปี ท่านเจ้าคุณเล่าบ่อย ๆว่าเป็นคุณหลวงจักรปาณี ๖ เดือน
เป็นพระ ๖ ปี เป็นพระยาเกือบ ๒๐ ปีจึงได้เป็นเจ้าพระยา มารดานั้นเมื่อยังไม่ได้รับตราจุลจอมเกล้าสมัยนั้นก็เป็นคุณนาย
เมื่อเริ่มปฎิสนธิ คุณพ่อคุณแม่มีความสุขเจริญยิ่งขึ้น ท่านจึงรักและตามใจธิดาคนนี้มาก
เจ้าคุณเรียกธิดาว่า แม่ตุ๊กตางา เพราะผิวขาวเหมือนงาช้าง
เมื่อเกิดได้ ๗ วัน พระยาจักรปาณี ฯ เดินทางไปราชการที่สิงคโปร์ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
และต้องลงเรือรอนแรมไปหลายวัน ขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อ ท่านส่งไปรษณีย์บัตรเป็นรูปเมืองสิงคโปร์มาจากโฮเต็ลแรฟเฟิลว่า
"ถึงแม่แดงเล็ก บ้านพระยาจักปาณี ฯ พ่อคิดถึงมาก"
เมื่อมิตรสหายมาเยี่ยมที่บ้าน ท่านเจ้าคุณก็อุ้มธิดาออกมาอวด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 14:31
|
|
การตั้งชื่อลูกนั้นท่านเจ้าคุณมีหลักการว่าจะต้องตั้งชื่อเองทุกคน และลูกที่เกิดก่อนจะมีชื่อตามราชทินนามของท่าน
คือ จักร ปาณี ศรี ศีล วิสุทธิ์ เหรียญดุษฎีมาลาเป็นราชอิศริยาภรณ์ดวงแรกที่ได้รับพระราชทานก่อนท่านผู้หญิงเกิด
ถึง ๗ ปี แต่มิได้ตั้งชื่อให้กับพี่ ๆ ที่เกิดก่อนถึง ๕ คน
ตำบลตึกแดงที่เกิดเป็นละแวกบ้านของ สกุลไกรฤกษ์ สายหลวงเดชนายเวร(สุด)ผู้เป็นบิดาของเจ้าคุณปู่
ทายาทสายสกุลพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) เป็นบิดาของพระมงคลรัตน์รับมรดกบ้านในตรอกพระยาไกร
เจ้าคุณปู่กับคุณพระมงคลรัตน์มีปู่คนเดียวกันคือ พระยาไกรโกษา(ฤกษ์) ขุนนางกรมท่าซ้ายของพระเจ้ากรุงธนบุรี
พระยาไกรโกษา(ฤกษ์) เป็นบุตรคนจีนแซ่หลิม เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
พระยาไกรโกษา(ฤกษ์)ตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่ที่เป็นพระบรมมหาราชวังในเวลานี้ เมื่อจะสร้างพระบรมมหาราชวัง
พระยาไกรโกษา(ฤกษ์) ได้อพยพไปอยู่ในตรอกพระยาไกร พระยาไกรได้สร้างวัดพระยาไกร และอัญเชิญพระพุทธรูปทองคำ
ใหญ่สององค์ที่หุ้มปูนไว้จนมิดล่องเรือมาจากอยุธยามาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ และ พระวิหารวัดพระยาไกร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 15:00
|
|
พระยาไกรโกษา (ฤกษ์) มีน้องชายอีกคนหนึ่งชื่ออิน ได้เป็นพระอินทอากร มีสมญาว่า เจ้าตัวเตากระทะ
มีบุตรีงามคนหนึ่งชื่ออำพา ได้ถวายตัวทำราชกาชการฝ่ายใน เป็นคุณจอมมารดา มีพระราชโอรสธิดาถึง ๖ พระองค์
ที่มีพระชนม์อยู่จนมีพระทายาทมีอยู่เพียงสองพระองค์คือ พระองค์เจ้ากปิถาและพระองค์เจ้าปราโมท
พระอินทอากรมีน้องชายอีกคนชื่อนุ้ย มีบุตรชายชื่อลอย ได้เป็นพระนรินทราภรณ์ ธิดาของพระนรินทราภรณ์
คือเจ้าจอมมารดาเลื่อนในรัชกาลที่ ๕ มีพระราชโอรสคือพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 15:25
|
|
เจ้าคุณจักรปาณี ฯ ได้ไปซื้อที่ที่ถนนซังฮี้นอก ตรงกันข้ามกับที่ของญาติ ๆ ที่ได้รับพระราชทาน
เจ้าจอมมารดาชุ่มได้เคยขอท่านผู้หญิงไปเลี้ยงอย่างลูก เพราะเสด็จทั้งสองพระองค์เจริญพระชันษาแล้ว
เจ้าคุณพ่อเกี่ยงคุณจอมมารดาว่า ถ้าจะเลี้ยงลูกสาวของท่านจริง ขอสัญญาว่าจะส่งให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษเมื่อฉันโตพอ
เจ้าจอมมารดาอุทานว่าเจ้าคุณคิดวิตถารที่จะให้ส่งลูกผู้หญิงไปเมืองนอก แล้วท่านก็บ่นต่อไปว่าตัวท่านเองไม่ได้
เรียนหนังสือเลย ทำไมจึงรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ถึงปานนี้
เมื่อคุณจอมมารดาไม่ยอมรับ เจ้าคุณพ่อก็ไม่ยกท่านผู้หญิงให้ คุณจอมผู้สูงศักดิ์
ยังกรุณานำมารดาของท่านผู้หญิงเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเนือง ๆ จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์
จตุตถจุลจอมเกล้า ในปี ๒๔๔๙ ห้าปีหลังที่เจ้าคุณพ่อได้เป็นเจ้าคุณแล้ว ๕ ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 15:34
|
|
ดีใจจังเอ๋ยดีใจจัง ได้อ่านเรื่องดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งแล้ว เคยอ่านและมีหนังสือ แต่ปราศนาการไปในท้องปลวกหมด วันนี้ฤกษ์งามยามดี กราบคุณวันดีงาม ๆ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 15:50
|
|
คุณหนูดุษฎีได้รับการเลี้ยงแบบสมัยใหม่ ไม่มีการโกนผมไฟ ถูกตามใจจึงดื้อมาก และเอาแต่ใจตัว
เมื่ออยากเล่นน้ำฝน ก็จะร้องไห้ตะโกนว่า จะให้ฝนตก ๆ ซ้ำอยู่อย่่างนั้น เจ้าคุณพ่อรำคาญต้องให้คนเอา
สูบน้ำมาฉีดขึ้นหลังคาทำ "ฝนเทียม" ให้
แม่นมได้รับการคัดเลือกจากคนที่มีฐานะดีมาก่อน แม่เชยแม่นมเป็นภรรยาเจ้าของโรงบ่อนเบี้ยที่สามีขัดเงินเป็นครั้งคราว
ภายหลังนำเงินมาใช่คุณแม่ ท่านก็ไม่รับเงินและขอให้เลี้ยงฉันต่อไป เมื่อสาว ๆ แกเคยเป็นละครเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง
จึงร้องเพลงและรำละครได้ดี แกสอนให้ฉันร้องเพลงและรำละครได้หลายเรื่อง แม่เชยทำกับข้าวอร่อยมาก แต่ชอบเล่นการพนัน
เพราะเป็นหลานขุนพัทธแย้มนายอากรบ่อนเบี้ย และสามีก็เป็นเจ้าของบ่อน ท่านผู้หญิงเล่าว่าจำได้ราง ๆ ว่านมเชยอุ้มท่าน
ไปแทงถั่วในโรงบ่อนข้างโรงยี่เก ในตลาดสามเสนหลายครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 16:07
|
|
ขอบพระคุณคุณร่วมฤดีเจ้าค่ะ
เคยอ่านมานานมากแล้ว ท่านผู้หญิงมีความสามารถและโก้มากนะคะที่ได้รับพระราชทานยศด้วยความสามารถของท่านเอง
หนังสือชุดนี้มี ๔ เล่มค่ะ ใน ๓ เล่มเป็นประวัติของท่าน และอีกเล่มเป็นรูป
งานของท่านมีมากมายมหาศาล แต่จะพยายามค้นที่เห็นว่าสำคัญ เช่นตอนเป็นนางพระกำนัล และเมื่อได้เป็นท่านผู้หญิงใหม่ๆ
ได้เฝ้าเจ้่านายต่างประเทศและแสดงภูมิรู้เท่าเทียมกับผู้ที่เจริญแล้วอย่างไร
ได้ส่งคำสั่งเชิงปฎิบัติการไปยังร้านขายหนังสือเก่าเชิงสพานอรุณอัมรินทร์ว่าให้เก็บชุดนี้ไว้ให้ด้วย
สหายค้นไปถึงก้นกรุ ได้มา สี่เล่มชุด ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว
ดิฉันพาลพะโลว่า คนห้าแผ่นดินต้องมีห้าเล่มสิจ๊ะ สหายตกใจแทบหัวใจวายเพราะไม่ทราบจะไปหาที่ไหนมาให้อีก
(ที่จริงมีฉบับพิมพ์ใหม่ เห็นอยู่แว๊บ ๆ ที่ร้านขายหนังสืออนุสรณ์ซึ่งกว่าจะได้เจอกันก็หวิด ๒ เดือน)
คนที่ตามใจตนเองนั้น มักจะได้หนังสือที่ต้องการเป็นส่วนมากค่ะ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 17:35
|
|
เรื่องของคนห้าแผ่นดินที่มีเพียง ๔ เล่มชุดนั้น เห็นจะเป็นเพราะท่านผู้เขียนล้มเจ็บเสียก่อนที่จะเขียนเล่มที่ ๕ ครับ ผมได้รับมา ๑ ชุด จากทายาทของท่านพร้อมมรดกของท่านผู้หญิงจำนวนหนึ่ง ซึ่งเมตตาผมเสมือนเป็นลูกหลานของท่านผู้หญิงคนหนึ่ง
ในสี่เล่มนี้เล่ม ๑ เห็นจะสำคัญที่สุด เล่มที่สองเป็นเรื่องราวสมัยที่ท่านผู้หญิงได้ร่วมงานกับท่านผู้นำคนหัวปี และคงจะมีแต่ท่านผ฿หญิงดุษฎีเพียงคนเดียวที่กล้าปะทะคารมกับท่านผู้นำ รบกวนคุณวันดีกรุณาหยิบยกคารมคมคายของท่านผู้หญิงที่โต้กับท่านผู้นำมาฝากสมาชิกเรือนไทยด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 20:04
|
|
ขอบพระคุณคุณวีมีค่ะ มีหลายตอนที่เป็นข้อคิดนำมาฝากกันได้ค่ะ
ความรักและเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิดที่เป็นปราชญ์ สามารถเลี้ยงดูลูกสาวให้เป็นปราชญ์ได้เชียวหรือ
โดยทั่วไปดิฉันก็อ่านหนังสือมามาก จำได้กะรุ่งกะริ่งบ้าง จารึกไว้ในใจก็มาก
การเก็บหนังสือก็ไม่ค่อยจะเหมือนท่านผู้อื่นนัก และมิตรสหายของดิฉันก็มีแนวของตนเอง ไม่เหมือนกันเลย
เราซักถามและฟังในเรื่องที่เราขาดค่ะ เพราะไม่มีวันที่ใครจะรู้ครอบคลุมไปทั่ว
การที่ได้มาพบคุณวีมีและได้สนทนากัน เป็นลาภของดิฉันค่ะ
สักวันหนึ่งคงได้นำงานที่พิมพ์ในช่วงรัชกาลที่ ๖ และพระราชนิพนธ์ทั้งหมดที่ดิฉันรวบรวมไว้(ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ยังไม่แน่ใจ)
มาสนทนากับคุณวีมี และแลกเปลี่ยนความคิดต่อไป
เรือนไทยในเวลานี้ก็คึกคักเพราะมีเจ้าเรือนนำทาง
ดิฉันอ่านหนังสือทั้งวันค่ะ ยังตรวจสอบข้อมูลไม่ได้ ก็ลงมาวิ่งตี่จับกับเพื่อนๆแถวนี้ไปก่อน ว่าจะแวะไปแกล้งกระทู้ป้อบ ก็เกรงจะบาดเจ็บกลับมา
ขอบพระคุณที่แวะมาคุยอยู่เสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 21:53
|
|
โหราศาสตร์กับท่านผู้หญิง
ท่านเจ้าคุณเริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์เมื่อสมัยจวนจะได้เป็นเจ้าพระยา เลยสอนวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้นให้ธิดาด้วย
ท่านบอกว่าดวงไม่ดี จึงต้องระวังตัวและประพฤติตัวให้ดี ท่านปลอบว่า หนูไม่ต้องตกใจเพราะโหราศาสตร์นั้นเราควรเชื่อ
ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นผลการกระทำของเราเอง
เมื่อท่านผู้หญิงได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ชั้นสูง จึงเข้าใจว่าดวงชะตาไม่ดีก็เพราะดาวขัดแย้งกันหลายดวง
"พระยาโหราผูกดวงชะตาและทำนายฉันไว้แต่แรกเกิด ว่าความประพฤติคลอนแคลน โทษะกล้า ฯลฯ คุณพ่อจึงเป็นห่วงมาก
ไม่ยอมให้ไปอยู่ไกลตา นอกจากนั้นยังทำนายด้วยว่าฉันเป็นคนไม่มีความเพียร ซึ่งในข้อนี้ฉันว่าจริงเพียงครึ่งเดียว
เพราะฉันไม่มีความเพียรแต่ในเรื่องไม่สำคัญ ส่วนเรื่องสำคัญนั้นฉันเพียรมาก มิฉะนั้นก็คงไม่สามารถริเริ่มงานต่าง ๆ
และเขียนหนังสือไทยพอใช้ได้ จนข้อเขียนของฉันเฉพาะยิ่งคำกราบบังคมทูล มักได้รับคำยกย่องว่าเข้าที
จนมีผู้ขอให้ช่วยเขียนอยู่เนือง ๆ
โหราศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกซึ้งน่าพิศวงมาก ฉันยอมรับว่าดวงฉันไม่ดีนั้นจริง เพราะฉันมีความเดือดร้อนอยู่ตลอดชีวิต
เดือนร้อนที่อยากจะทำดี แต่เมื่อทำดีแล้วก็เด่น เมื่อเด่นแล้วก็เป็นภัยเพราะถูกอิจฉาจากหลายกระแสเกือบตลอดชีวิต"
ท่านผู้หญิงนั้นจะทำพยศอย่างไคุณแม่ก็คร้านจะว่า เพราะเจ้าคุณพ่อคอยให้ท้ายอยู่เสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 03 ก.ย. 10, 23:37
|
|
นักอ่านหนังสือเก่าอ่านด้วยความชื่นชม นึกไปถึงพงศาวดารจีนเรื่อง
จอยุ่ยเหม็ง เสนาบดีที่เคร่งครัดต่อประเพณี และซื่อสัตย์ต่อราชบัลลังก์ เข้มงวดต่อสมาชิกในบ้าน
ได้ฝึกสอนลูกสาวคนโต นางจองี่เจ็ง ไว้ใช้เขียนหนังสือต่างตัวได้ เลี้ยงลูกสาวจนเป็นผู้มีชื่อเสียง
เพราะรักษาความบริสุทธ์ิไว้ได้
จอยุ่ยเหม็งได้ช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากไว้มาก น้องๆเปาบุ้นจิ้นทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 01:31
|
|
การเรียนของท่านผู้หญิง
ท่านผู้หญิงเมื่ออายุยังไม่ ๔ ขวบได้ตามพี่สาวที่แก่กว่าถึง ๕ ปีไปโรงเรียนราชินี เป็นเด็กเล็กที่สุด
และน่าจะดื้อที่สุดในประวัติศาสตร์โรงเรียน คุณหญิงภรตราชา(สมัยนั้นคือครูจร)สอนให้อ่าน ท่านก็ไม่อ่าน
สอนให้เขียนท่านก็ไม่เขียน ท่านอาจารย์(หม่อมเจ้าพิจิตรจิราภา เทวกุล)ต้องอุ้มเข้าบั้นพระองค์ ตระเวณ
ไปขณะเมื่อตรวจโรงเรียน
เมื่ออยู่โรงเรียนประถมประมาณปีกว่า เจ้าคุณพ่อกำลังเผชิญ คดีพระยาระกา ต้องให้ลูกออกจากโรงเรียน
ตอนนั้นโรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนและค่าอาหารเดือนละ ๑๕ บาท เรื่องคดีพระยาระกานี้ สมาชิกหลายท่านแห่งเรือนไทยสามารถช่วยกันเล่า
ได้อย่างตื่นเต้นหวาดเสียวมาก คุยกันไปมาจนเสียงแหบแห้ง เพราะอ่านกันมาหลายตำรา หวิดจะประกาศบูรณภาพแห่งดินแดนไปแล่ว
ท่านให้นายเปล่ง ดิษยบุตร(หลวงนัยวิจารณ์)ซึ่งเป็นเลขานุการของท่านมาสอนหนังสือให้พี่ ๆ ทุกวัน
คุณหนูดุษฎีได้รับคำสั่งให้เข้าห้องเรียนด้วย แต่เธอไม่มีความสนใจแม้แต่น้อยในการเรียน เรียนไปโดยไม่ได้
ความรู้อะไรเลย แม้แต่ ก.ไก่ก็จำไม่ได้ตลอด แต่ไม่มีใครสนใจจะมาว่ากล่าว
คุณป้าท้าวนารีวรคณารักษ์ (แจ่ม ไกรฤกษ์)ผู้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๕ และขึ้นอยู่ในราชสำนัก
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้มาแนะนำให้เจ้าคุณพ่อให้พาพี่ศรีและท่านผู้หญิงไปถวายตัวเป็น
ข้าหลวงเรือนนอก จึงได้กลับไปเข้าโรงเรียนราชินีอีกครั้งหนึ่งในฐานะนักเรียนในพระองค์สมเด็จ ฯ
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ เจ้าคุณพ่อได้รับพระราชนามสกุล ท่านได้เรียกท่านผู้หญิงขึ้นไปอ่านพระราชหัตถ์เลขาให้คนอื่น ๆ ฟัง
ความจริงเปิดเผยว่า ท่านผู้หญิงอายุ ๘ ขวบ(และเรียนหนังสือเลวที่สุด) อ่านชื่อ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ คุณลุงไม่ออก
เจ้าคุณพ่อบันดาลโทสะ จึงเฆี่ยนท่านผู้หญิงด้วยไม้เรียว ภายหลังเจ้าคุณพ่อนึกออกมาได้ว่าเฆี่ยนทำไม
จึงแสดงความเมตตาพิ่มขึ้นทุกที คุณแม่ของท่านผู้หญิงบ่นว่าตามใจมากเกินไปทำให้เป็นคนจองหอง
แต่เจ้าคุณพ่อเถียงว่า จองหองนั่นแหละดี จะได้ไม่ใฝ่ต่ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 07:47
|
|
คุณพ่อให้เป็นเสมียน
"คุณพ่อสนับสนุนฉันโดยการใช้สอยอยู่ใกล้ชิดท่าน เมื่อพี่ปาณีกำลังเป็นมหาดเล็กคนโปรดอย่างยิ่งนั้น
พี่ปาณีได้หัดเขียนลายมือให้เหมือนพระราชหัตถ์เลขา ซึ่งฉันก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย จึงหัดลายมือของฉันเอง
ให้เหมือนพระราชหัตถ์เลขาบ้าง พี่ปาณีเจริญรอยพระยุคลบาทในการแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอน ฉันก็หัดแต่งบ้าง
เมื่อคุณพ่อเห็นลายมือฉันสวยขึ้นกว่าแต่ก่อน คุณพ่อก็มีใจเอ็นดูยิ่งขึ้น ถึงกับใช้ให้เป็นเสมียนเขียนหนังสือต่าง ๆ
ตามคำบอกของท่าน ซึ่งโดยมากมักเป็นหนังสือกราบทูลเจ้านายในสมัยนั้น และหัดให้พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด
แล้วพาไปไหน ๆ ด้วยเสมอ ทำให้ฉันมีความรู้รอบตัวมากกว่าคนอื่นอีกหลายคนเป็นอันมาก"
เมื่อจบชั้น ๖ แล้ว ท่านผู้หญิงเลื่อนขึ้นไปชั้น ๗ ตอนสอบชั้นมัธยม ๖ นั้น คะแนนเลขเป็นสูญ
ขั้น ๗ นั้นเรียนแต่ภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสเท่านั้น ท่านไม่ชอบท่องจำจึงไม่ชอบภาษาฝรั่งเศสทั้งที่ชอบครู
คือ คุณหลวงเรี่ยมวิรัชพากษ์ ผู้เป็นหลานป้าของหมอหริ่ม หมอหริ่มเป็นหมอผู้หญิงรักษาเด็กประจำครอบครัวท่านผู้หญิง
บิดาของหมอหริ่มคือหมอกรุงเป็นเพื่อนกับเจ้าคุณปู่
ภาษาอังกฤษนั้น มิสซิสเบรียลี่ ภรรยาฝรั่งบริษัทยูไนเต็ดเอ็นยีเนียริ่งมาสอน ได้ความรู้จากแหม่มเป็นอันมาก
"คุณพ่อเป็นคนใจเร็วและชอบรู้ทันคน (ซึ่งฉันคิดว่าฉันรับมรดกเรื่องนี้มาเต็มที่) ฉะนั้นเรื่องราชการลับหรือแม้ไม่ลับ
แต่เมื่อคุณพ่อต้องการจะทราบโดยด่วน คุณพ่อมักเอามาบ้านและสั่งให้ฉันทำ ฉันจำได้ว่า วันหนึ่งท่านนำหนังสือราชการมาให้ฉันแปล
และแจ้งว่าได้สั่งให้ข้าราชการผู้หนึ่งแปลหลายวันแล้วเลยหายไป เมื่อฉันแปลให้และคุณพ่ออ่านแล้วหลายวัน ข้าราชการผู้นั้น
จึงนำมาเสนอ คุณพ่อเล่าให้ฉันฟังว่า "พ่อจึงบอกเขาไปว่าลูกสาวฉันทำให้เสร็จหลายวันแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปนอก"
คุณพ่อบอกว่าคุณพ่อเยาะข้าราชการผู้นั้นอย่างนั้นจริง ๆ จึงเป็นเหตุให้ข้าราชการหนุ่ม ๆ ในกรมราชเลขาธิการของคุณพ่อขยาดฉันไปตามกัน
ฉันเพิ่งเข้าใจซึมซาบเมื่อเป็นผู้ใหญ่มากแล้วนี่เองว่าคุณพ่อพยายามใช้จิตวิทยา ทำสงครามช่วงชิงตัวฉันให้ออกมาพ้นอำนาจคำพยากรณ์
ที่ว่าความประพฤติของฉันจะไม่ดีนั้นได้สำเร็จโดยการให้ความยกย่องฉัน และที่คุณพ่อบอกฉันว่าโหราศสตร์นั้น เชื่อได้เพียงครึ่งเดียวก็เป็นความจริง จริง ๆ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 08:06
|
|
เอารูปท่านเจ้าคุณพ่อมาฝากท่านเจ้าของกระทู้เพื่อคารวะครับ
เป็นรูปครั้งเจ้าพระยามหิธรตามเสด็จสมเด็จกรมพระยาดำรงไปขึ้นเขาพระวิหาร เป็นเรื่องชายแดนกับฝรั่งเศส(มั้ง)ท่านจึงเอานักกฏหมายไปด้วย
ส่วนท่านผู้หญิงดุษฎี ผมเจอท่านทีไรมีความรู้สึกคล้ายๆว่าท่านเป็นท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ทั้งๆที่ผมไม่เคยพบสัมผัสท่านผู้หญิงละเอียด เห็นว่า ทั้งสองท่านมีความคล้ายกัน คือท่านสามีเกรงใจมากกก(s) ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยแต่เห็นท่านเดินเข้ามาในห้องประชุมทีไรยังพลอยเกร็งไปด้วย
สตรีผู้ทรงพลังอำนาจทั้งสองคงได้เจอกันบ้างบนเวทีสังคมเมืองสยาม ไม่ทราบว่ามุมแดงหรือมุมน้ำเงินใครจะออกแม่ไม้ได้มากกว่าใคร ถึงตอนนั้นแล้ว ท่านจขกท.อย่าลืมเล่านะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 04 ก.ย. 10, 09:48
|
|
ดิฉันได้ยินชื่อท่านผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก แม่เป็นลูกศิษย์ของท่านม.ล.ปิ่นตั้งแต่ท่านสอนอยู่คณะอักษรศาสตร์ เมื่อก่อน ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการทุกกรม รวมทั้งลูกศิษย์ จะต้องไปกราบท่านรัฐมนตรีในวันครบรอบวันเกิด แม่เล่าว่าทุกคนกลัวท่านผู้หญิงยิ่งกว่าเกรงท่านรัฐมนตรีม.ล.ปิ่นเสียอีก ท่านผู้หญิงเป็นคนเก่ง ฉลาด มีพรสวรรค์เรื่องอักษรศาสตร์ แปลบทละครเชกสเปียร์เรื่อง Midsummer Night'S Dream ออกมาได้ไพเราะและถูกต้องตามภาษาเดิม ไม่มีที่ติ นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนตรง รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี ไม่เคยมีชื่อเสียหายอย่างหลังบ้านรัฐมนตรีอื่นๆบางคน
สมัยท่านรัฐมนตรีม.ล.ปิ่นว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านผู้หญิงมีห้องทำงานของท่านอยู่บนตึกกระทรวงศึกษา ด้วย ท่านสามารถสั่งงานข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ได้หมด ไม่ว่ากรมไหนแผนกไหน
ในยุคจอมพลป. ท่านม.ล.ปิ่นเป็นอธิบดี ไม่แน่ใจว่าท่านผู้หญิงเป็นคุณหญิงหรือยังนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|