อาคารใหญ่เหล่านี้ จัดเข้าจอมพลป. 2 หรือจอมพลสฤษดิ์คะ
คำถามบรรทัดเดียวนี่แหละครับ ทำให้ผมไปเตรียมคำตอบและรูปประกอบนานหลายชั่วโมง
ผมไม่คิดว่าการจัดรูปแบบสถาปัตยกรรมในเมืองไทยจะแบ่งไปตามยุคของนายกรัฐมนตรี แม้ว่าอิทธิพลทางการเมืองจะมีผลต่อการออกแบบก็ตาม
ในสมัยรัชกาลที่7ขึ้นไป สถาปัตยกรรมร่วมสมัยจะจ้างนายช่างฝรั่งมาออกแบบและคำนวนโครงสร้าง เช่นพระที่นั่งอนันตสมาคม และบ้านนรสิงห์หรือทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นแบบฝรั่งล้วน แต่บางครั้งก็โปรดเกล้าฯให้สถาปนิกไทยแต่งตัวตึกฝรั่งให้เป็นไทย เช่นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ที่มีผู้วิจารณ์ว่าเหมือนฝรั่งใส่ชฎา หรือโบสถ์วัดเบญจมบพิตรที่กลมกลืนจนคนแยกไม่ออกว่าตรงไหนที่เป็นแบบแผนของฝรั่ง
แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว สถาปัตยกรรมก็ถูกใช้เพื่อสนองนโยบายทางการเมือง ที่จะไม่สร้างอะไรเพื่อสนองพระราชสำนักอีกต่อไป พอดีกับกระแสแฟชั่นใหม่พวกนีโอพลาสติก นีโอคลาสสิก อาร์ตเดกอ ระบาดขึ้นในยุโรปและอเมริกา ท่านผู้อ่านไม่ต้องไปจำศัพท์อะไรพวกนี้นะครับ ปวดสมอง เอาเป็นว่ารูปแบบใหม่ที่เป็นทรงกล่อง ทรงแท่งสี่เหลี่ยมที่เรียกรวมๆว่าModern Architectureก็แล้วกัน รัฐบาลคณะราษฏร์เห็นเข้าก็คว้าหมับมาทำตึกสองข้างทางถนนราชดำเนิน เป็นLandmarkของกรุงเทพยุคใหม่นำสมัยทันที แล้วกำหนดให้สร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยรูปแบบใหม่ที่แยกถนนดินสอ กับทั้งให้ตัดถนนประชาธิปไตยขึ้นใหม่ จากศูนย์กลางของอนุสาวรีย์ลิ่วไปผ่ากลางพระราชวังดุสิตออกเป็น2เสี่ยง จนไปจรดถนนนครชัยศรี นัยว่าเป็นเคล็ดที่จะไม่ให้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชกลับมาอีก