
ว่าจะหาเวลาลงกระทู้วัดเชิงท่าอยู่หลายหน
แต่ติดว่าภาพมีมากและต้องย่อภาพให้เหมาะสมและปรับแต่ง
เลยไม่ค่อยมีเวลาที่จะลงแต่ถ้าไม่ลงอะไรเลย กระทู้คงซบเซา
หลังจากมิตติ้ง คุยเรื่องแนวทางชมรมกับสมาชิกทั้งหลาย
กลับมาคิดดู ว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดชมรม คือความรักและประทับใจ
ในงานศิลปกรรมต่างๆ ความรักและชื่นชมต่อความงามทางศิลปะไทย
และเกี่ยวเนื่องกับจารีตประเพณี วัฒนธรรมต่างๆและคุณค่าทางประวัตติศาสตร์
จึงทำให้เกิดการรวมตัวของชมรม แน่นอนว่าในอดีตรุ่นครูอาจารย์เองก็ได้มีการ
เก็บข้อมูลต่างๆไว้มากมาย แต่ก็เป็นลักษณะที่ต่างคนต่างเก็บ มิได้ มีลักษณะ
รวมกันเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับการศึกษาศิลปะไทยกันแบบร่วมมือกันและทุกคนมีสิทธิ
ในการใช้ข้อมูลได้แน่นอนละว่า คนคนเดียวคงไม่สามารถเก็บข้อมูลได้หมด
หรือไปทุกที่ที่อยากไปได้ ถ้าทุกคนร่วมมือและเปิดใจ ไม่มีอคติหรืออัตตาในการรวบรวมข้อมูล
ทางศิลปะไทยเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์อยากมากมายมหาศาลกับศิลปะของไทยเป็นอย่างยิ่ง และเป็นแนวทางที่ยังไม่มีในโลกอินเตอร์เน็ตแห่งนี้
อนึ่งเหตุปัจจัยหนึ่งที่ต้องเก็บข้อมูลรวมกัน คือ ความรวดเร็วในการสูญเสียศิลปกรรมไทยอันทรงคุณค่า
ไม่ว่าจากกาลเวลาหรือน้ำมือมนุษย์ ภายในไม่เกิน๓๐ ปี งานดีๆคงแทบจะไม่เหลือให้สืบต่อกัน
จากประสบการณ์ที่มีชีวิตเห็นการเปลี่ยนแปลงของศิลปกรรมต่างๆ คงไม่อาจจะห้ามสิ่งเหล่านี้ได้
ทางที่ทำได้คงเป็นการเก็บข้อมูลให้แก่คนรุ่นต่อไป ได้เห็นของดีๆ งานงามๆที่ช่างบรรจงสร้างงามวิจิตร
และสืบต่องานช่างต่อไป ผมเองเชื่อว่างานศิลปะไทยนั้นคงจะกลับมารุ่งเรืองและเป็นที่ชื่นชมกับคนไทย
ในคนรุ่นหลัง เพียงแต่ต้องไม่มีงานศิลปกรรมไทยให้ดูเสียก่อนถึงจะรู้สึกได้ถึงการสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์
ของชาติเรา วัตถุประสงค์ของชมรมอนุรักษ์ศิลปกรรมไทย(ในความคิดส่วนตัว) คงมีอยู่ไม่กี่ข้อ
คือ ๑. รวบรวมข้อมูลทางศิลปกรรมของไทย
๒. วิจัยหรือตกผลึกองค์ความรู้และเทคนิคต่างๆในงานศิลปกรรมไทย
๓.เผยแพร่ความรู้ทางศิลปกรรมไทยให้แก่คนทั่วไปในการเสพงานที่เป็นของชาติไทย
๔.เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษา สืบต่อ แก่ช่าง และนักศึกษาหรือบุลคลที่สนใจในการพัฒนาความเชี่ยวชาญ
สำหรับผมเองแค่สี่ข้อนี้ที่อยากจะทำ ซึ่งคงยากถ้าไม่มีใครเอาด้วย แต่ก็ยังคงจะทำไปจนกว่าที่สุด
บ่นมามากแล้วเข้าสู่ตัวเรื่องกันดีกว่า วัดเชิ่งท่า ที่จังหวัดอยุธยา มีจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์อยู่ฝีมือช่างงามมาก
ว่าจะไปถ่ายเก็บหลายต่อหลายครั้ง ก็ไม่มีเวลาเสียที เมื่อมีโอกาสก็เก็บไว้เสียก่อนที่จะไม่มีให้ถ่าย ส่วนประวัติของวัดคงหาอ่านกันตามเน็ตได้
คงไม่ต้องมาบรรยายอีกเอาเป็นว่าชมภาพเพลินๆก็แล้วกันครับ ผมจะเป็นไกด์นำท่านชมก็แล้วกันครับ
เดินเข้ามาในศาลาเก่าเข้ามากราบพระอย่างที่เห็นในรูปจะเห็นธรรมมาสสองหลังอยู่ด้านหลังสมัยอยุธยาดังรูป