virain
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 19:12
|
|
ลายแกะนี้แกะได้เป็นระเบียบงดงามมากครับ ลักษณะของดอกบัวถูกทำให้มีมิติขึ้นมาเหมือนดอกไม้จริง แม้จะไม่เหมือนดอกบัวหลวงแต่ก็คิดว่าน่าจะได้รูปแบบมาจากดอกบัวครับ? ส่วนลายที่ใช้คั่นเพื่อเติมเต็ม ช่องว่างระหว่างดอกนั้นทำเป็นดอกไม้ ซึ่งประดิษฐ์ให้ส่งเกสรแยกไปสองทางที่ปลายเพื่อให้รับกับวงโค้ง
อีกจุดหนึ่งซึ่งพอสังเกตได้ก็คือ ลายกลีบบัวที่เรียงอยู่บริเวณขอบลบมุม?ของคานนี้ มีลักษณะแบบปลายกลีบหักชน แล้วแตกเป็นรูปอย่างใบไม้ทิ้งลงมา อาจารย์สันติกล่าวไว้ในหนังสือว่า เป็นลายที่พบในศิลปะพุกามอีกด้วย .... เสียดายที่ผมเองก็ถ่ายภาพมาไม่ละเอียดเท่าไหร่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
luck-rama
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 20:47
|
|
มารอชมอีกคนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 21:21
|
|
สวัสดีครับ
ต่อมาเป็นกลุ่มลายเพดานจากธรรมาสน์ที่ผมเอามารวมไว้ด้วยกัน ที่เอาธรรมาสน์เข้ามาเกี่ยวด้วยนั้น ก็เพราะธรรมาสน์มีการประดับพื้นที่ฝ้าเพดานเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีครับ เพดานของธรรมาสน์หลังเก่าๆในประเทศไทยก็พอมีให้ดูอยู่บ้าง นอกจากที่ผมลงก็คงมีซุกๆซ่อนๆอยู่ ก็คงได้แต่ต้องตามดูกันต่อไป เพียงแต่ธรรมาสน์บางหลังนี้ผมเองอาจจะติดขัดในการบอกที่อยู่ ขอบอกอ้อมๆแล้วกันเนอะ ทางชมรมจะได้ไม่ถูกกล่าวหา...
ภาพแรก ลายเพดานธรรมาสน์วัดนกใหญ่(นามสมมุติ) ใช้แบบแผนเหมือนลายเพดานหินชนวนชิ้นแรก แต่มีลายแถบแบบหน้ากระดานที่ใช้ระเบียบแปลกหน่อย ตรงที่ใช้ตัวกระกนกโค้งแบบเลขหนึ่งไทยคั่นลายดอกไม้กลมๆ โดยส่งลายวนไปในทิศทางเดียวกัน ที่มุมฉากก็ใช้ดอกบัว?หรือดอกโบตั๋น? ลายค้างคาวที่มุมฉากเป็นเลขหนึ่งไทยหันเข้าชนกัน ใช้ลายรูปใบไม้ปิดจังหวะที่โค้งชน แล้วแตกลายเป็นวงโค้งสลับลดขนาดกันออกมา แต่ลายดอกบัวถูกแกะให้มีมิติขึ้น กลีบบัวชั้นนอกมีลักษณะปลายถูกบากสองจังหวะ และมีกลีบเล็กปลายมนด้านใน ถัดเข้าไปเป็นกลีบปลายบากจังหวะเดียวแกะพื้นเป็นเส้นๆคล้ายเกสร ถัดไปอีกเป็นกลีบลายบากจังหวะเดียวเช่นกันไม่แกะเส้นเกสร แต่ทำเป็นร่องให้โค้งมีแกนตรงกลาง ชั้นสุดท้ายเป็นกลีบแบบหุบเข้าปลายแหลม วงกลมตรงกลางนูน ทำให้ดูออกว่าดอกบัวที่ประดับในเพดาน ของธรรมาสน์ก็เริ่มไม่เป็นดอกบัวแล้ว แต่ก็คงใช้แนวความคิดของดอกบัวอย่างลายเพดานรุ่นเก่าเช่นกัน แม้ว่าเพดานของธรรมาสน์ชุดนี้ น่าจะเป็นชุดที่เก่าที่สุดแล้วเท่าที่ผมหาพบ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 21:35
|
|
ธรรมาสน์หลังที่สองที่มีลายเพดานน่าสนใจก็คือ ธรรมสาน์วัดวิหารไม้(นามสมมุติ) มีลักษณะการออกแบบเป็นที่น่าสนใจมาก เริ่มจากลายค้างคาวที่มุมทำเป็นเลยหนึ่งไทยหันเข้าชนกัน ปลายด้านหนึ่งถูกโค้งเข้ามาจบกันแล้วปิดด้วยดอกกลม และที่มุมก็แกะเป็นกลีบซ้อนชั้นกัน ลายพื้นแกะเป็นลายก้านขดที่เป็นระเบียบ โดยมีดอก(คล้ายบัวตูม?)แปดดอกซ้อนออกมา ว างตำแหน่งรอบดอกบัวกลมตรงกลาง และมีรายละเอียดแบบใบไม้ธรรมชาติแทรกเติมเต็มพื้นที่ ส่วนดอกบัวกลมตรงกลางแกะเป็นกลีบปลายแหลมซ้อนชั้นที่วงนอกสุด ชั้นถัดมาแกะเป็นเกสร และวงในสุดเหมือนเอาไว้ใส่อะไรสักอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:00
|
|
5555 มีวัดนามสมมติด้วย มารอดูคนตั้งกระทู้ก่อน รอจองที่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
puyum
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:03
|
|
ที่วัดกุฎีทอง ตรงข้ามวัดธรรมิกราช ยังอยู่หรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:06
|
|
หลังที่สามคือธรรมาสน์ในพช.สมเด็จพระนารายณ์ ธรรมาสน์หลังนี้ลายเพดายดูเป็นระเบียบกะทัดรัดดีครับ มีลายแถบแบบหน้ากระดานเป็นกรอบรอบ ใช้ลายดอกกลมสลับกับลายสี่เหลี่ยมขนมเปีกปูนแบบแผนทำนอง ลายก้ามปู ลานค้างคาวที่มุมเป็นทำเป็นเลยหนึ่งไทยหันเข้าชนกัน แต่สอดก้านชูลายเพื่อปิดจังหวะโค้งชน ซึ่งได้ทำรูปแบบตรงส่วนนี้ต่างกันเล็กน้อย กระหนกที่เป็นวงโค้งมีกาบประดับ ดอกบัวกลมตรงกลางทำเป็นกลีบยาว ปลายไม่หักเข้าแต่ทำเป็นเส้นปีกกาชี้ออกให้แหลม พื้นแกะย่อตามเส้นรอบนอกลงไปหนึ่งชั้น และย่อเป็นกลีบปลายมนอีกหนึ่งชั้น มีกลีบซ้อนเป็นเส้นเรียวๆปลายแหลม อีกสองชั้นถัดไปเป็นกลีบทำนองเดียวกับชั้นนอกแต่เล็กกว่า ไล่ขนาดกัน ส่วนกลีบชั้นสุดท้ายเป็นกลีบเล็กๆรอบๆวงในสุดที่นูนโค้งออกมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:06
|
|
เกรงว่าวัดกุฎีทองจะกลายเป็นตำนานไปเสียแล้วนะครับ เพราะไปถามกันหลายหนแล้ว กลายเป็นธรรมาสน์ลึกลับจับต้องไม่ได้ หรืออาจกลายเป็นคาร์บอนไปแล้ว  ดาวเพดานที่น่าจะเก่าสุดในประเทศไทยแล้วนะครับ อันนี้ อยู่ใต้พระไตรโลกยวิชัยเหยียบพระศิวะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:08
|
|
ธรรมาสน์วัดกุฎีทองได้ยินแว่วๆว่ามันก็เป็นชิ้นๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้ชิ้นๆที่ว่าปัจจุบันหายไปไหนแล้วครับ พี่กุมาต่อเลยครับ ... แทคทีม 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:11
|
|
ดูกันชัดๆแบบไม่ค่อยชัด  จากปราสาทหินศรีิวิมายปุระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:18
|
|
ดาวเพดานจากไหนไม่รู้ ไปเจอในวัดใหญ่ในจังหวัดพระศิวโลก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:20
|
|
ดาวเพดานสมัยอยุธยาตอนกลางที่ศิวโลก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:36
|
|
อ่านะ ถึงขนาดเปลี่ยนเทพกันเลยทีเดียว 555 เพดานนั้นน่าจะเป็นเพดานจากในกรุพระปรางค์ของวัด อาจารย์สันติก็กล่าวถึงไว้ ว่าน่าจะราวรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:52
|
|
ดาวเพดานกรุงรัตนปุระอังวะ วัดบากายาจอง สร้าง 1834 หรือ พ.ศ.2377
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
srisiam
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 16 ส.ค. 10, 22:57
|
|
เป็นกระทู้ที่ชมได้เพลินตาเพลินใจ...ไม่เมือยคอ... แต่รู้สึกต้องเข้าระหัส/ถอดระหัสสนุกเพราะทั้งชื่อวัด/ชื่อจังหวัด/ชื่อเทพ..นามสมมุติทั้งนั้นเลยนะคุณกุ คุณเน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|