เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 20792 หนังสืออนุสรณ์งานศพทุกประเภท
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 01 ก.ย. 10, 15:18

คุณหญิงเผชิญอยู่อิตาลี มาถึงก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒   ท่านได้เห็นฮิตเลอร์เยือนอิตาลีอย่างเป็นทางการด้วย   ขบวนรถยนต์แล่นผ่านสถานทูตไทยไป   ท่านเห็นฮิตเลอร์ยืนอยู่บนรถเปิดประทุนคู่กับมุสโสลินีผู้นำของอิตาลี    ในวันที่  ๓ มีนาคม ๒๔๘๑    วันนั้นบ้านทุกหลังบนถนนสายนั้นรวมทั้งสถานทูตไทยต้องปิดประตูหน้าต่างด้านที่หันออกถนนหมด   เพื่อความปลอดภัยของผู้นำ ๒ ประเทศ
แต่ท่านก็รอดพ้นจากภัยสงครามมาได้เมื่อคุณหลวงต้องเดินทางกลับมารับตำแหน่งใหม่ในกระทรวง ในปีต่อมา      ทั้งสองกลับมาอยู่บ้านที่คลองบางกอกน้อยของคุณหลวง     พร้อมกับลูกสาวคนแรกที่เกิดในอิตาลีชื่อ เวร่า หรือกุลนิติ

ในหนังสือบรรยายไว้ว่า คลองบางกอกน้อยเมื่อ ๗๐ ปีก่อน  น้ำยังใสสะอาด  มีกุ้งปลาชุกชุม   คนขับเรือของคุณปู่สามารถช้อนกุ้งในคลองเอามาให้นายกินได้ทุกมื้อ   ร้องไห้   เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก 
คุณย่าก็เข้ากับสะใภ้ได้ดี เป็นที่ถูกใจจนยกเครื่องเพชรให้หมด  ยิ้มกว้างๆ  และมอบเงินท่านให้ไปจัดการบริหารในบ้าน จ่ายเงินเดือนคนใช้เองแทนท่าน    เครื่องเพชรเหล่านี้เองคุณหญิงเผชิญได้อาศัยเป็นทุนไปขายเพื่อซื้อที่ดินจนตั้งตัวได้  หลายปีหลังจากคุณย่าถึงแก่กรรมแล้ว

จากคลองบางกอกน้อย คุณหลวงและคุณหญิงเผชิญย้ายไปอยู่ลาดหญ้า  ในช่วงสงครามโลก  ท่านมีลูก ๔ คนแล้วในตอนนั้น     ต่อมาท่านก็ขายบ้านที่ลาดหญ้าแล้วมาซื้อบ้านที่ซอยรื่นฤดี ถนนสุขุมวิท   ที่บ้านนี้เองท่านก็มีลูกคนที่ ๕
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 09 ก.ย. 10, 13:18

ต้องขออนุญาตเข้ามาคั่นรายการของอาจารย์เทาชมพูครับ
เนื่องจากมีหนังสืออนุสรณ์งานศพสะสมอยู่พอสมควร ก็เลยไปค้นมาได้บ้าง ขออนุญาตนำเสนอบ้างครับ

๑. สัทธรรมปุณฑรีกสูตร แปลโดย ดร. ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ในงานพระราชทานเพลิงศพพระมหาบุญมา มหาวีโร

๒. สุภาษิตพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานพระราชทานพลิงศพพระยามานวราชเสวี

๓. ประชุมพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔ และ นิพนธ์ของพระอมราภิรักขิต (เกิด) ในงานพระราชทานเพลิงศพพระธรรมดิลก (ทองดำ จนฺทูปโม)



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 09 ก.ย. 10, 13:33

ด้วยความยินดีค่ะ   เชิญแนะนำหนังสือตามสบาย
ดิฉันมัวไปดูรูปเก่าเล่าเรื่อง  เลยไม่ได้กลับมาต่อเรื่องคุณหญิงเผชิญสักที
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 10 ก.ย. 10, 20:19

มาต่อเรื่องคุณหญิงเผชิญ

หลังจากตั้งถิ่นฐานครอบครัวอยู่ในกรุงเทพหลายปี   คุณหลวงวิสูตรเลื่อนขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศแล้ว  ก็กลับได้ไปประจำอยู่ต่างประเทศอีกครั้ง  คือมีคำสั่งให้ไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศส    ก็ต้องพาครอบครัวกลับไปอยู่ที่ปารีสอีกครั้งเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๑

เกร็ดตอนนี้น่าสนใจ  เล่าถึงหม่อมคัทรินของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ    เป็นรายละเอียดที่เราไม่ค่อยรู้กันนัก
ในกระทู้ เจ้าวังปารุสก์  เราทราบกันว่าบั้นปลายหม่อมคัทธินสมรสใหม่กับวิศวกรชาวอเมริกันชื่อสโตน     ท่านก็เลยกลายเป็นมิสซิสสโตน หรือเรียกแบบฝรั่งเศสว่ามาดามสโตน     แต่ไม่ได้อยู่ในอเมริกา  แต่ไปพำนักอยู่ในฝรั่งเศส    ส่วนพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ อยู่ที่อังกฤษ

ก่อนหน้าเดินทาง   คุณบานเย็นทนายผู้ดูแลทรัพย์สินของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ฝากกล่องเครื่องเพชรล้ำค่าไปให้หม่อมคัทรินด้วย     คุณหญิงเผชิญต้องนำติดตัวไป ทำให้ท่านใจคอไม่ดีเลย     ระหว่างทางเครื่องบินก็เกิดเสีย ต้องแวะลงที่ไคโร   ประเทศอียิปต์ เป็นเหตุให้ครอบครัวท่านเอกอัครราชทูตได้มีโอกาสขี่อูฐชมปิรามิดและทะเลทรายฆ่าเวลา      คนอื่นๆก็สนุกกันดี แต่คุณหญิงเผชิญไม่เป็นสุขเลย เพราะต้องหอบเครื่องเพชรขึ้นหลังอูฐไปด้วย
จนกระทั่งไปถึงปารีส  ท่านก็มอบเครื่อ่งเพชรให้หม่อมคัทรินด้วยความโล่งใจ

ดิฉันอ่านประวัติคุณหญิงมาถึงตอนนี้ ก็เพิ่งรู้ว่าหม่อมคัทรินพูดคล่องทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาไทย       เวลาสนทนากับท่านทูตและคุณหญิงก็พูดภาษาไทย  เก่งเสียด้วย   มีเกร็ดขำๆว่าวันหนึ่งหม่อมนั่งรถบัสในปารีส   มีคนไทยสองคนวิจารณ์ท่านเป็นภาษาไทย โดยไม่รู้ว่าท่านฟังรู้เรื่อง     ก่อนลงจากรถบัส  หม่อมก็กล่าวขอบใจคนทั้งสองที่วิจารณ์ท่าน    คนไทยทั้งสองได้แต่ตกใจเพราะไม่นึกว่าแหม่มจะพูดไทยได้ชัดเจน
อาหารไทยที่หม่อมคัทรินโปรดปราน คือหมี่กรอบ
ความประทับใจของคุณหญิงเผชิญ คือหม่อมคัทรินเป็นคนน่ารัก  เป็นผู้ดี และรักประเทศไทยมาก

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 10 ก.ย. 10, 20:33

ไปอยู่ปารีสได้ไม่นาน  ท่านทูตและคุณหญิงก็ได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จมาจากโลซานน์   ประทับที่สถานทูตไทย   ทำให้ท่านทั้งสองมีโอกาสรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด     จัดห้องพระบรรทมและระวังความปลอดภัยอย่างที่สุด   พระกระยาหารคุณหญิงก็ทำถวายเองทุกมื้อ    พระเจ้าอยู่หัวเสด็จปารีสหลายครั้ง   บางครั้งสมเด็จพระราชชนนีฯก็เสด็จมาพระองค์เดียว  ทรงพักอยู่ที่สถานทูตไทย

นอกเหนือจากเหตุการณ์บ้านเมือง  ก็มีเหตุการณ์ส่วนตัวในชีวิตคุณหลวงและคุณหญิงที่สีสันราวกับละครเกิดขึ้นในช่วงนี้ 
ในปี ๒๔๙๑  คุณหลวงไปราชการที่เบลเยี่ยม    มีจดหมายฉบับหนึ่งมาถึงคุณหลวง คุณหญิงเกิดสงสัยอย่างไรไม่ทราบก็เปิดอ่าน   อ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็วานนักเรียนไทยคนหนึ่งช่วยแปลให้     
ความก็เลยแตกออกมาว่า ก่อนหน้าสมรสกับคุณหญิง  คุณหลวงเคยมีภริยาชาวฝรั่งเศส มีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง อายุ ๙ ขวบแล้วตอนที่ท่านมาสมรสกับคุณหญิง   แต่ปิดเรื่องนี้เงียบ  พ่อลูกก็ไม่ไปมาหาสู่กัน แต่คุณหลวงส่งเงินค่าเลี้ยงดูไปให้เพื่อนบ้านชาวฝรั่งเศสที่รับเลี้ยงเด็กชายไว้

ปฏิกิริยาของคุณหญิงที่เล่าให้ลูกฟัง คือ
" แหม จับได้ แม่ก็โมโหมาก  กินข้าวไม่ลงตั้งเจ็ดวัน"
" ตอนที่แม่แต่งงาน  เจ้านี่คงอายุ ๙ ขวบ   ตอนแม่แต่งงานไม่รู้เรื่องเลย  ปิดกันดีนัก"
ถ้าไม่เปิดจดหมายอ่าน   ท่านก็คงไม่รู้เรื่องจนแล้วจนรอด  และไม่มีโอกาสรู้จักลูกเลี้ยงของท่าน

เรื่องแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะแม่พลอยกับคุณเปรมเท่านั้น   ชีวิตจริงก็มีเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
Diwali
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 11 ก.ย. 10, 02:38

คงไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะนะครับ

แค่เข้ามาส่งเสียงว่า ยังตามอ่านนะครับ
 อายจัง อายจัง อายจัง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 11 ก.ย. 10, 09:58

ขอบคุณค่ะคุณ Diwali  ยิ้มกว้างๆ 
ทิ้งกระทู้นี้ไปนาน มัวไปท่องอดีตในรูปเพลินไปหน่อย    นึกว่าจะไม่มีใครอ่านเสียแล้ว

จดหมายฉบับนั้นเขียนมาจากแม่ของเด็กชาย  บอกว่าลูกชายโตเป็นหนุ่มถูกเกณฑ์ทหารแล้ว  ประจำอยู่ในกรมทหาร ให้ที่อยู่มาด้วย
คุณหญิงไม่รอช้า  ชวนญาติคนหนึ่งนั่งรถไปตามที่กรมทหารเพื่อดูให้หายข้องใจ     ไปถึงก็แจ้งความจำนงขอพบทหารหนุ่มคนนั้น   พอเห็นหน้า  คุณหญิงก็ร้องว่า
"ใช่แน่  หน้าเหมือนพ่อ"
ทั้งๆช็อคไม่หาย  คุณหญิงก็สงสารลูกเลี้ยงที่เพิ่งพบใหม่มาก  รู้สึกว่า "โธ่  พ่อทิ้งไว้ได้ยังไง "จากนั้นท่านก็ต้อนรับเด็กหนุ่มด้วยดี   พานั่งรถจากกรมทหารกลับมาสถานทูต  แนะนำให้น้องๆรู้จักว่านี่คือพี่ชายคนโต    ก่อนกลับก็ให้เงินติดกระเป๋าไปด้วย    เด็กหนุ่มดีใจมาก  เข้ามาจูบแก้มซ้ายขวาแสดงความขอบคุณ   คงจะดีใจที่คุณหญิงไม่ได้รังเกียจเขา
แม่ของเด็กก็ยินดีมากที่คุณหญิงไม่ได้รังเกียจลูกของเธอ 

เรื่องนี้สอนให้รู้อีกว่า   แม่พลอยตัวจริงก็มีเหมือนกัน

บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 11 ก.ย. 10, 20:08

มาตามอ่านด้วยไม่ลดละค่ะ สนุกมาก เพราะเป็นเรื่องจริง และ เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 14 ก.ย. 10, 13:25

ในที่สุด ดนัย หรือ จ๊าก ( Jacque)  ลูกชายคุณหลวงที่เกิดจากภรรยาชาวฝรั่งเศสก็เข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว    คุณหญิงต้อนรับด้วยดี  แม้ว่าจากนั้นท่านเดินทางไปบรัสเซลล์เพื่อต่อว่าต่อขานสามีเป็นการใหญ่ก็ตาม  แต่ก็ไม่มีอคติต่อลูกเลี้ยง  พี่น้องก็ติดต่อกันมาด้วยดี  ดนัยเดินทางมาอยู่ในประเทศไทยระยะหนึ่ง แต่ก็กลับไปฝรั่งเศส ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นั่น

ช่วงชีวิตที่คุณหญิงเผชิญเป็นภรรยาเอกอัครราชทูตอยู่ที่ปารีส ได้ต้อนรับแขกสำคัญจากประเทศไทยหลายคน    เคยเลี้ยงฉลองงานสมรสระหว่างพระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดชกับหม่อมชาลิต้า ชาวอาร์เจนตินา ก็หนหนึ่ง( อ่านชีวิตของท่านได้ในกระทู้ เจ้าดาราทอง)     เคยต้อนรับท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงครามที่มาพักผ่อนอยู่ที่ปารีส และต้อนรับม.ล.ปิ่น มาลากุลกับท่านผู้หญิงดุษฎี ด้วย

เรื่องเล่าในชีวิตคุณหญิงตอนนี้ เป็นเรื่องจุ๊กๆจิ๊กๆของครอบครัว  เช่นการพักผ่อนหย่อนใจ และการทำอาหาร     คุณหลวงวิสูตรทำกับข้าวเป็นเหมือนกัน  ชอบทำอยู่ ๒ อย่างคือสุกี้ยากี้และขาแกะอบ   อย่างหลังนี้คงมีคนไทยน้อยคนในยุคกึ่งพุทธกาลรู้จักอาหารชนิดนี้  คนไทยจำนวนมากไม่ชอบบอกว่ามีกลิ่นสาบ      แต่ก็กลายเป็นอาหารประจำของครอบครัวอรรถยุกติ   แม้กลับประเทศไทยหลายปีต่อมา    มีลูกหลานจนถึงเหลน ก็ยังทำขาแกะอบเลี้ยงกันอยู่ในหมู่ลูกหลานเสมอ

จนพ.ศ. ๒๔๙๗  จึงโยกย้ายกลับมาประเทศไทย    เมื่อรัฐบาลนายพจน์ สารสินขึ้นบริหารประเทศ  คุณหลวงก็ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ   ในพ.ศ. ๒๕๐๐ 
๒ ปีต่อมา เมื่อจอมพลสฤษดิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ให้คุณหลวงไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา   เป็นช่วงเวลาที่ลูกๆโตพอจะเรียนระดับมหาวิทยาลัยพอดี   คุณหลวงและคุณหญิงจึงพาลูกๆ ๔ คนไปอยู่อเมริกาด้วยกัน
บันทึกการเข้า
konkao
ชมพูพาน
***
ตอบ: 125


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 23 ม.ค. 12, 00:30

พิมพ์ในง่ารพระราชทานเพลิงพระศพ  กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 2466

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 19 คำสั่ง