เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 27
  พิมพ์  
อ่าน: 160525 จอมพลป.2 ไม่ผ่านขึ้นป.3
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 225  เมื่อ 20 ส.ค. 10, 15:52

แปลกใจ  เคยได้ยินมาว่าท่านขับวิหคสายฟ้า    ไม่เคยได้ยินว่าซีตรอง
ถ้าอย่างนั้น วิหคสายฟ้ารุ่น 1960 ที่ทางครอบครัวท่านมอบให้พิพิธภัณฑ์ของกรมทหารปืนใหญ่  ก็คือคันที่ท่านทิ้งไว้ในบ้านกรุงเทพ

ขอแยกซอยไปหาคำบอกเล่าของคุณจีรวัสส์ ปัณยารชุน

      "เขาปฏิวัติคุณพ่อปี 2500 คุณพ่ออายุ 60 พอดี เราก็ทำบุญวันเกิดที่บ้านชิดลม 14 ก.ค. วันนั้นพวกนายทหารเต็มมาที่บ้าน จอมพลสฤษดิ์ ใครต่อใครมาอวยพร พอ 16 ก.ย.ปฏิวัติ"

     "ตอนนั้นพี่อยู่สวิตเซอร์แลนด์ อยู่กับคุณแม่ ประชุมสมาคมสหประชาชาติ คุณแม่เป็นประธาน อยู่ที่สวิสกับหลวงวิจิตรฯ นี่แหละ ก็รู้ว่าจะมีปฏิวัตินะ เพราะพี่อนันต์รายงานตลอดเวลาว่านายทหารมา demand คุณพ่ออย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าพูดถึงอันตรายพี่ว่าคุณพ่อไม่รู้หรอก แต่รู้ว่าจอมพลสฤษดิ์ปฏิวัติ ปฏิวัติตอนนั้นคงจะเกลียดคุณเผ่ามากกว่า คือคุณเผ่ากับจอมพลสฤษดิ์ต้องถือว่าเป็นลูกคุณพ่อทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นมือซ้าย คนหนึ่งข้างขวา แล้วคุณหญิงวิจิตราเรียนชั้นเดียวกับพี่นะ ที่สตรีวิทย์ สมัยนั้นเรารักกัน สมัยนั้นทหารสามัคคีกันจะตาย คุณพ่อออกไปเท่าที่ท่านเล่าให้ฟังเพราะไม่ต้องการให้รบกัน ตำรวจเขาก็มีอาวุธ จนกลายเป็นกองทัพตำรวจ ก็ C SUPPLY ของพวกอเมริกันที่เขาสนับสนุนตำรวจ ถ้าต่อสู้กันก็ยุ่งแน่"

     "พี่เพิ่งเขียนหนังสืองานศพคุณเฉลิมชัย (พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์) เล่าเรื่องคืนวันที่ 16 ก.ย. พี่อนันต์เป็นเพื่อนรักกับคุณเฉลิมชัย ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทจอมพลสฤษดิ์ คืนวันที่ 16 ก.ย. พี่อนันต์ไปที่กองทัพ ที่เขากำลังวางกองกำลังจะปฏิวัติ ไปบอกเขาว่าให้กลับไปเสียเพราะการปฏิวัติผิดกฎหมาย ตอนนั้นเป็น พ.อ. เกือบ 2 ยามแล้วนะ คุณเฉลิมชัยเขารายงานขึ้นไปถึงจอมพลสฤษดิ์ จอมพลสฤษดิ์ก็ให้คุณเฉลิมชัยออกมาบอกว่าให้พี่อนันต์ให้กลับไปเสีย ไม่งั้นก็ให้จับตัวไปกักไว้ เพราะเวลานั้นเขาเตรียมพร้อมแล้ว ทหารอยู่เต็มที่แล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พี่อนันต์ก็เลยกลับ"

     พล.อ.เฉลิมชัยก็เพิ่งถึงแก่อนิจกรรม "ลูกสาวเขาก็คุณชฎาทิพย์ จูตระกูล ที่ทำสยามพารากอนไง"

     อย่างนี้แปลว่าจอมพล ป.ก็รู้อยู่แล้วว่าจอมพลสฤษดิ์จะปฏิวัติ

     "ในที่สุดก็รู้ว่าเขาจะปฏิวัติ แต่ทำอย่างไรได้ จอมพลฟื้น (ฤทธาคณี) ซึ่งเป็น ผบ.ทหารอากาศ ก็ถูกจับไป 3 วัน ท่านชอบเล่นบิลเลียด เขาก็เอาตัวไปเล่นบิลเลียด 3 วันไม่ให้กลับบ้าน คุณพ่อให้โทร.ไปถามหาจอมพลฟื้นก็ไม่เจอ คุณหลวงยุทธศาสตร์ ผบ.ทร.ก็ติดต่อไม่ได้ ใครๆ ก็ไม่ได้ คุณเผ่าก็ตามตัวไม่ได้"

     จริงไหมที่มีคนสันนิษฐานว่ามาจากนโยบายด้านต่างประเทศ อเมริกาอยากเปลี่ยนผู้นำ

     "อันนี้ไม่จริงเลย เพราะขณะปฏิวัติทูตชื่อ บิชอฟ กับเรานี่ดีมากเลย ตอนนั้นสามีพี่เป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ เพราะฉะนั้นเราติดต่อกันดีมาก บิชอฟมาเป็นทูตหลังจากพิวริฟอยด์ พิวริฟอยด์เป็นทูตที่แข็งมาก เขาพูดกับพี่เลย กินข้าวที่สถานทูตอเมริกา ดินเนอร์ เขาบอก tell your father that I'm against to make your father stay."

     มองกันว่าตอนท้ายจอมพล ป.เปิดความสัมพันธ์กับจีน อเมริกาเลยไม่ค่อยชอบ

     "แต่เวลานี้เราก็เปิดสัมพันธไมตรีกับจีน ถ้าเผื่อเป็นความจริง เราควรจะยกย่องจอมพล ป.ไหมว่า เป็นคนเปิดประตูเพื่อที่เจรจากับเมืองจีน แต่เราไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์นี่ เราไม่เป็นคอมมิวนิสต์แน่"

     "เรื่องสีแดงนี่มีเกร็ดนะ สามีพี่เอาโคคา-โคลาเข้ามาประเทศไทย ป้ายโคคา-โคลาสีแดงนะ สมัยนั้นเราเอาป้ายสีแดงโฆษณาผูกตามรถราง คุณพ่อบอกให้เปลี่ยนเป็นสีเขียว เราก็ต้องเปลี่ยน" ป้าจีเล่าพร้อมกับหัวเราะ ตรงนี้เป็นเกร็ดความรู้ว่าคุณรักษ์เป็นผู้นำโคคา-โคลาเข้ามา ต่อมาทำไม่ไหวจึงขายให้ตระกูลสารสิน

     "ต้องไปอ่านหนังสืองานศพที่คุณประดับ ภรรยาจอมพลฟื้นเขียน มีรายละเอียดเรื่องที่เขาไปบอมบ์เรือตอนกบฏแมนฮัตตัน จอมพลฟื้นเป็นคนไปบอมบ์ คุณพ่ออยู่ในเรือรบศรีอยุธยา จอมพลฟื้นบอกว่าขอให้ท่านเสียสละ ตอนนั้นคุณพ่อถูกจับไปใส่เรือรบศรีอยุธยา จอมพลฟื้นทิ้งระเบิด เคราะห์ดีระเบิดตกไปในปล่อง แต่เรือก็จม คุณพ่อต้องว่ายน้ำ ต้องเลือกว่าว่ายน้ำมากรุงเทพฯ ไม่ได้เพราะเขายิง ก็ว่ายไปทางฝั่งทหารเรือ ทหารเรือเขาเลยส่งตัวมา"

     กบฏแมนฮัตตันนองเลือดรุนแรง ป้าจีบอกว่าที่สวนลุมฯ ก็รบกัน

     "สวนลุมพินีเมื่อก่อนเป็นของกองวิทยุทหารเรือ พอหมดแมนฮัตตันในที่สุดก็ถูกยึดไป กบฏแมนฮัตตันคุณพ่อยังบอกนึกว่าจะตายเพราะถูกจับไป เลยบอกชาตินี้คงไม่ได้เจอลูกเจอเมียแล้ว เพราะฉะนั้นขอฝากลูกเมียไว้กับพระพุทธเจ้า ในหนังสือที่คุณประดับเขียนบอกว่า จอมพลฟื้นคงไม่ได้นึกว่าจะฆ่าจอมพล ป. จอมพลฟื้นบอกว่าเคยพูดกันไว้แล้วว่า อะไรที่เป็นสิ่งที่เสียสละเพื่อชาติเราต้องทำ บอกว่าจอมพล ป. กับจอมพลฟื้นเคยพูดกัน แต่พี่ไม่เชื่อ เพราะจอมพลฟื้นนี่คล้ายๆ กับลูกศิษย์คุณพ่อ แต่ตอนหลังคุณหญิงสะอาดจิต ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของจอมพลฟื้นพูดกับพี่ว่า หลังจากนั้นหม่อมคึกฤทธิ์ไปหาจอมพลฟื้น ไปบอกว่าท่านเป็นฮีโร่ ผมเอารูปท่านมาตั้ง และผมดื่มเหล้ากับท่านทุกเย็น จะแปลว่าอะไร"

     หม่อมคึกฤทธิ์ชอบใจ

     "เบื้องหลังการเมืองมันลึกซึ้ง"

     หลังจากนั้นจอมพล ป. กับจอมพลฟื้นยังดีกันไหม

     "จอมพลฟื้นเหมือนกับเป็นลูกหลาน หลวงยุทธศาสตร์ จอมพลสฤษดิ์ คุณเผ่า พวกนี้เด็กๆ ทั้งนั้นแหละ อยู่ด้วยกันมาเป็นลูกหลาน"

     เชื่อกันว่าที่จอมพลสฤษดิ์ปฏิวัติมีผู้อยู่เบื้องหลัง ป้าจีไม่ตอบตรงๆ บอกว่าเคยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปหาจอมพล ป. เล่ารายละเอียดหมด

     "พี่เขียนจดหมายฉบับนี้ไปให้คุณพ่อ เล่าให้ฟัง พี่ก็โง่เขียนซะละเอียดเลย และจำไม่ได้ว่าฝากใครไปให้คุณพ่อที่ญี่ปุ่น พี่ไปถามคุณพ่อท่านไม่ได้รับ และพี่ก็จำไม่ได้ว่าพี่ให้ใคร"

     เขียนว่าใครอยู่เบื้องหลังสฤษดิ์-อย่างนั้นหรือ

     "ไม่ใช่อยู่ข้างหลัง อยู่ด้วยกัน"
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 226  เมื่อ 20 ส.ค. 10, 19:13

สวัสดีตอนค่ำครับ
เข้ามาแก้ตัวเรื่องรถซีตรองก่อน คือผมก็เข้าใจแต่แรกว่ารถที่จอมพลป.จะใช้หนีไปคือธันเดอร์เบิร์ดตัวดัง คิดว่าเคยอ่านเจออย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอถึงตอนเขียนกระทู้ แบบอ่านไปเขียนไปทีละหน้า พอถึงตอนนี้ เอ้า หนังสือเล่มที่กำลังเอาข้อมูลมาใช้อยู่เขาว่าเป็นซีตรอง หยิบอีกเล่มนึงมาดู ก็เป็นซีตรองอีก แต่ไม่มีรายละเอียดสักเล่มเดียวว่าเป็นรุ่นอะไร พอดีผมเคยเป็นแฟนรถซีตรอง ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนท้าย เลยเข้าเวปซีตรองหาดูว่ารุ่นล่าสุดที่จอมพลป.จะใช้ในทริปสำคัญปี2500นั้นควรจะเป็นรุ่นไหน แล้วก็หยิบตัวท็อปมาลงไว้ ไม่นึกว่าจะเป็นรุ่นDS 19 เพราะเป็นแค่รถบ้านเท่านั้น แต่เมื่อมีหลักฐานของคุณอำพล  โหตระกิตย์แห่งชมรมซีตรองแห่งประเทศไทย ผมก็ขอสารภาพครับว่าเดาผิด

ซีตรองเป็นรถวิเศษอย่างที่คุณอำพลว่าไว้จริงๆ เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ผมไปซื้อรถมือสองของท่านเศรษฐีคนหนึ่งมาใช้เป็นรถประจำตัวของผม เป็นซีตรอง รุ่นเพรสตีจตัวท็อปที่เคยอิมพอร์ตเข้ามาในประเทศไทย ถามว่าทำไมเจ้าของเดิมจึงขาย เขาบอกว่าโรงรถที่บ้านเขาจอดรถได้แค่10คัน พอดีไปออกรถใหม่มาก็ต้องขายทิ้งเสียคันหนึ่ง ผมเห็นสภาพกับราคาแล้วไม่ต้องคิด ถ้าไปซื้อรถป้ายแดงจะได้แค่รถญี่ปุ่นตัวเล็กสุดเท่านั้น
 
เส้นทางที่วิ่งประจำคือกรุงเทพ-กระบี่ สมัยโน้นสภาพถนนทางใต้ก็เหมือนอย่างที่คุณอำพลว่า เป็นลูกรังก็มี แต่ถึงจะลาดยางแล้วก็ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ซีตรองเป็นรถล้ำสมัยที่ระบบกันสะเทือนเป็นไฮโดรลิก ระบบการทรงตัวดีมาก เข้าโค้งไม่มีหวาดเสียว ล้อหายไปล้อหนึ่งเหลือ3ล้อก็ยังวิ่งได้ และไม่สะเทือนเหมือนแหนบหรือโชคอัพ แต่จะประคองตัวถังให้ลอยขึ้นๆลงๆเหมือนเรือมากกว่ารถ นั่งสบายมาก แต่ที่คนไม่นิยมเพราะระบบนี้มันเสียทีนึง เจ้าของแทบร้องไห้ และ“เขาว่า”เสียบ่อย ผมใช้สมบุกสมบันไม่จริงเรื่องเสียบ่อย แต่จริงเรื่องค่าซ่อมแพง อาศัยต้นทุนตัวรถถูก ก็ทนได้

ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมคิดว่าผมตัดสินใจเลือกรถคู่กายถูก ครั้งนั้นเป็นขากลับจากกระบี่ในคืนหนึ่ง ปกติผมจะมีลูกน้องนั่งไปด้วย เขาเป็นสารพัดช่างไม่ใช่คนขับรถ ผมจึงจะขับเองนอกจากง่วงจัดขึ้นมา ก็สลับให้เขาขับ นอนสักชั่วโมงสองชั่วโมงหายง่วงแล้วผมก็ขอขับต่อ  มาตีสามกว่าๆใกล้ถึงเพชรบุรีแล้ว เขานอนหลับสนิท ผมก็ขับมาด้วยความเร็วประมาน100-110 รู้สึกมีเสียงดังปุแล้วพวกมาลัยกระดิกนิดนึง ผมนึกว่ารถทับพวกกระป๋องนมหรืออะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้เสียความเร็วอะไร วิ่งมาอีกสักพักใหญ่ๆก็เห็นด่านตำรวจที่ผมต้องชะลอรถผ่านด่าน ตำรวจให้สัญญาณผมลดกระจกลงแล้วเดินเข้ามา ผมก็ถามออกไปก่อนว่าผมทำอะไรผิดหรือครับ ตำรวจยิ้มๆบอกว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แต่จอดรถแอบก่อนแล้วเชิญลงมาดูรถพี่สักหน่อย ผมรีบทำตามตำรวจสั่ง มองไปทางที่เขาชี้ โอ้ย-โหย่ย-โย้ ล้อหน้าขวาของผมมีแต่กระทะล้อกับเศษยางนอกรุ่งริ่งติดขอบอยู่นิดเดียว นี่ผมวิ่งซีตรอง3ล้อด้วยความเร็วร้อยกว่ามาอย่างน้อย15นาที ผ่านโค้งซ้ายขวาไม่ทราบกี่โค้งโดยไม่รู้ตัวเลย ตำรวจมามุงรถผมกันใหญ่บอกว่าเกิดมาไม่เคยเห็น ตอนนี้ลูกน้องผมตื่นแล้วและหายง่วงสนิท เขาเปลี่ยนยางอะไหล่แล้วก็เป็นคนขับต่อกลับบ้าน

ตอนนี้ซีตรองสีทองคันนี้ผมยังเก็บไว้ เพราะทำใจไม่ได้ที่จะขายทิ้ง เล่นตีราคาให้ผมถูกๆ เลยทำสีใหม่เบาะใหม่อย่างดี เอี่ยมอ่องเสร็จก็ไม่ได้วิ่ง จอดคลุมผ้าไว้เฉยๆ




บันทึกการเข้า
Diwali
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 227  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 00:25

โอ้โห

คุณอา Navarat.C ยังเก็บเจ้าซีตรองสีทองคันนี้ไว้อยู่หรือครับนี่

ผมขอยืนยัน นั่งยันครับว่า เจ้ารถสีทองคันนี้ นั่งแล้วนิ่มจริงๆ จะขึ้นรถที ต้องปรับตั้งน้ำหนักกันที
เมื่อปี 2536 ผมได้ลองนั่งมาแล้ว

ผ่านมา สิบกว่าปี ผมยังจำได้ถึงความนุ่มละมุน ของโช้คอัพรถซีตรองสีทองคันเก่งของท่านอยู่

แต่ต้องเรียนทุกท่านตามตรง ผมไม่คิดว่าท่านยังเก็บรถคันนี้ไว้ได้อยู่
นับว่า คุณอา ยังคงอนุรักษ์ของเก่าไว้ได้อย่างดี
บันทึกการเข้า
proudtobethai
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


ความคิดเห็นที่ 228  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 03:16

sawasdee ka  ยิ้ม

wow...so nice car!!!...
sorry that cannot type in Thai naka..just wanna say hello to all.
still come to class oftenly, but cannot comment any เศร้า
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 229  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 07:18

sawasdee krab khun PTBT และคุณDiwali

คุณDiwaliเป็นเพื่อนของลูกชาย ผมเคยเอาหนุ่มโขลงนี้นั่งรถไปกันหลายคน คนหนึ่งชื่อนายป่านป๊าน เป็นเด็กรื่นเริงมากคุยสนุก แต่อยู่ๆก็เงียบสนิท ผมมองกระจกหลังเห็นหายจ้อยไปแล้ว หันไปดูปรากฏว่าลงนอนอยู่กับพื้นรถสองคนเพราะนั่งบนเบาะไม่ได้ เกิดอาการเมาเรือ ไม่ทราบว่าคุณDiwaliอยู่ในทริปนั้นหรือเปล่า

ซีตรองเมื่อจอดอยู่ระบบไฮโดรลิกจะไม่ทำงาน ตัวถังจะอยู่ต่ำห่างพื้นถนนแค่ฝ่ามือเดียว พอติดเครื่องไฮโดรลิกจะค่อยๆยืดตัวยกรถขึ้นโดยอัตโนมัต ไม่ใช่จะออกรถทีก็ต้องปรับน้ำหนักกันทีดังที่คุณDiwaliเข้าใจ แต่มีปุ่มให้ปรับระดับได้อยู่เหมือนกัน หรือว่าผมลองโชว์ให้เด็กๆดูเลยติดตา แต่การยกตัวถังให้ขึ้นไปสูงมากๆ(เกือบฟุต)ก็จะกระด้างวิ่งไม่นิ่มนวลแล้ว เหมาะสำหรับเมื่อเจอถนนน้ำท่วมที่วิ่งเร็วไม่ได้

ซ๊ตรองเพรสตีจของผมเป็นรุ่นท็อปของท็อป เขาสั่งมาจะให้เป็นรถประจำตำแหน่งคนใหญ่คนโตเพราะขยายตัวถังยาวออกไปเป็นleg roomถึง35เซนต์ ป่านป๊านจึงนอนสบาย แต่รถรุ่นนี้ก็ทำให้บริษัทรถยนต์ซีตรองของฝรั่งเศสเจ้งไปเลยเพราะทุ่มทำการวิจัยพัฒนาใช้เงินไปมหาศาล ถึงรถดีก็ยังขายไม่คุ้มทุนที่ลงไปเพราะเกิดoil crisis รถใหญ่คนยุโรปเลิกใช้ ต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสต้องเข้าไปอุ้มกิจการเพื่อรักษาหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไว้ แต่ซีตรองก็ผลิตเฉพาะรถเล็กๆแต่บัดนั้น

ผมทำนุบำรุงรถคันนี้อย่างดี เมื่อเลิกใช้(คือผมชอบขับรถเอง แต่ขับคันนี้ไปไหนคนเดียวจะเกิดอุปาทานว่าคนมองเป็นคนขับรถไม่ใช่เจ้าของ)และน้ำมันแพง คุณภรรยาแนะนำให้ขาย มีเซียนมาตีราคาให้สี่หมื่น ผมเลยจำใจต้องอนุรักษ์ไว้ไปทีนึงก่อน เมื่อไหร่ใครคิดเอาน้ำมาเติมแทนน้ำมันได้จะเอากลับมาวิ่งใหม่ คุณDiwaliจะไปลองเครื่องกับผมไหม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 230  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 07:56

ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูนะครับที่เข้ามาเดินเรื่องให้จอมพลป.เดินทางไปถึงเขมรโดยปลอดภัย ผมจะกลับมาที่เผ่าก่อน แล้วจึงจะพาท่านผู้อ่านติดตามท่านจอมพลไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตท่านในต่างแดน


ในซอยสารสินติดกับรั้วของสวนลุมพินีสุดซอยหลังสวนนั้น มีร้านเหล้าที่มีห้องหับส่วนตัวมิดชิด พล.ต.อ.เผ่ามานั่งดื่มวิศกี้รอเวลาอยู่พร้อมอัศวินคู่ใจ พ.ต.อ.พันศักดิ์ วิเศษภักดีและพ.ต.อ.พุฒ บูรณสมภพ เมื่อวิทยุออกประกาศแถลงการณ์ของคณะปฏิวัติฉบับที่1 ซึ่งคุณเพ็ญชมพูเอาสำเนามาลงให้ท่านดูไปแล้วนั้น เป็นเวลาสองยามกว่าแล้ว ทั้งสามคนหายเมาเป็นปลิดทิ้ง เมื่อโทรศัพท์ตรวจสอบ สายโทรศัพท์ที่เชื่อมเข้าไปยังขุมกำลังของตำรวจก็ถูกตัดขาด กว่าจะติดต่อกับลูกน้องแล้วรู้ว่าสถานการณ์สายเกินแก้แล้วเผ่าก็รีบโทรรายงานจอมพลป. แล้วก็ไม่มีอะไรจะทำต่อนอกจากนั่งกินเหล้าระงับอารมณ์ เสียงวิทยุประกาศให้จอมพลป.เข้ามาที่กองบัญชาการคณะปฏิวัติเพื่อปรับความเข้าใจ และให้บุคคลหลายคนไปรายงานตัว ซึ่งมีชื่อเผ่าและอัศวินทั้งสองรวมอยู่ด้วยดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเผ่าก็ลุกขึ้นพยักหน้าเรียกลูกน้อง ทุกคนกระดกเหล้าแก้วสุดท้ายเข้าปาก เสียงวิทยุดังขึ้นอีก เผ่าถึงกับสบถเออกูจะไปเดี๋ยวนี้ ไอ้หริด ไอ้ลิงเผือก ไอ้เวร ไม่ต้องเรียกมาก

รถที่คนทั้งสามนั่งไป ผ่านรถถังตีนตะขาบและรถรบต่างๆตลอดทาง เมื่อเห็นแสนยานุภาพที่ทหารงัดออกมาสำแดงเดชครั้งนี้ เผ่าก็สงบลงเพราะเริ่มประมาณตนเองได้ ความวิตกว่าจะเผชิญชะตากรรมอย่างไรเริ่มเข้ามาแทนที่ความโกรธเกลียด

เมื่อจอดรถที่หน้าหอประชุมกองทัพบกที่เป็นกองบัญชาการของคณะปฏิวัติ นายทหารรักษาการณ์เมื่อเห็นเผ่าและสองอัศวินคู่ใจก็ออกคำสั่งให้ทั้งหมดอยู่นิ่งๆ เอามือกุมหัวไว้ แล้วค่อยๆลงมา หลังจากนั้นการตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดยิบก็เริ่มขึ้น
 
ระหว่างนั้นจอมพลสฤษดิ์ก็ออกจากห้องมาหยุดยืนอยู่ที่หัวกระไดแล้ว
“อั้วมาแล้วโว้ย มาตามที่ลื้อเรียก อั้วไม่กลัวว่าลื้อจะฆ่าอั้ว” เผ่าทักเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยทหารบกที่เคยเรียนร่วมห้องกันมาด้วยเสียงอันดังตามวิสัย
“ทำไมต้องค้นตัวกันด้วยวะไอ้หริด” เผ่าบ่นเมื่อสฤษดิ์เดินลงมาหา
“เพื่อนกัน เจอกันก็ต้องมือเปล่าซีวะ อั๊วยังไม่มีปืนสักกระบอก”
“ลื้อไม่มี แต่ลูกน้องลื้อมีเต็มไปหมด ทั้งปืนเล็กปืนใหญ่”
“เขามีตามหน้าที่ แต่ไม่ทำอะไรลื้อแน่ถ้าอั๊วไม่สั่ง แล้วอั๊วจะไม่มีวันสั่งให้ใครฆ่าลื้อด้วย เราเป็นเพื่อนตายกันนี่หว่า เพื่อนย่อมไม่ฆ่าเพื่อนแน่ ใจเย็นเถอะไอ้เผ่า”
ทั้งคู่จับมือกัน แล้วสฤษดิ์ก็กอดคอเผ่า ซึ่งเดินไหล่ตกตามเข้าไปในห้องรับรองโดยดี


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 231  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 08:00

ที่นั่นมีทั้งวิสกี้ โซดาและน้ำแข็ง สฤษดิ์สั่งทหารให้นำมาเลี้ยงดูเผ่าเต็มที่ รวมถึงอัศวินคู่ใจทั้งสองด้วย บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกผู้ชาย เมื่อรู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว จะไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมหัวใจกันอีก

“มึงมีซิการ์ไหม ไอ้หริด” พอสบายใจขึ้นแล้ว สรรพนามก็เริ่มเปลี่ยนให้มันสนิทสนมขึ้น
“กูสูบแต่บุหรี่  ใครมีซิการ์มั่ง” สฤษดิ์หันไปถามนายทหาร ทุกคนเงียบ
“ของกูมีเป็นหีบที่วังปารุสก์”
“เฮ้ยกฤษณ์” สฤษดิ์หันมาร้องเรียกลูกน้องที่บังคับบัญชาทหารที่ยึดวังปารุสก์อยู่ “ไปเอาให้มันหน่อยวะ แค่นี้เอง”
ทั้งสองกินเหล้าไปคุยไป บรรยากาศก่อนหน้าตอนทหารเข้ามารายงานสฤษดิ์ในห้องว่าเผ่ามาถึงแล้วนั้น นายทหารที่รับผิดชอบสถานที่บอกนายว่า ด้านหลังหอประชุมมีรังปืนกลเตรียมพร้อมอยู่ หากนายถีบเผ่าออกไปเมื่อไหร่ก็จะจัดการให้เรียบร้อย บัดนี้ความจำเป็นดังกล่าวไม่มี เผ่าดูจะเข้าใจที่สฤษดิ์บอกว่า ยังไงๆก็ต้องไปต่างประเทศประชาชนไม่เอาแล้วเพราะฆ่าคนไว้เยอะ อยู่เมืองไทยถ้าไม่ติดคุกชีวิตก็อยู่ลำบาก
“มึงเลือกเอาไอ้เผ่า จะไปประเทศไหนกูจัดการให้ได้ นึกว่าไปเที่ยวสักพัก เหตุการณ์มันซาลงแล้ว มึงก็อาจขอกลับมาได้”
“แล้วลูกน้องกูตั้งหลายคนล่ะ”
“สองคนนี่” สฤษดิ์หันมามองสองอัศวินที่จ๋องไปแล้ว “ให้มันตามไปอยู่กับมึง คนอื่นๆกูว่า มันคงจะเผ่นเอาตัวรอดถ้ารู้ว่ามึงออกไปเมืองนอกแล้ว”
“เมื่อมันจำเป็นจริงๆ กูก็ขอไปสวิสก็แล้วกัน” เผ่าปลงตก พูดเสียงอ่อยลง คิดข้ามช๊อตไปยังเงินบัญชีลับของตนในธนาคารที่เจนีวา
“ตกลง กูจะจัดการให้”

ขณะนั้นดึกมากแล้ว หัวหน้าคณะปฏิวัติยังมีเรื่องต้องทำอีกหลายเรื่อง จึงฝากเผ่าและลูกน้องให้กฤษณ์ดูแล ทั้งคู่จับมือกันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เผ่าอยู่ในห้องรับรองนั้นโดยไม่มีโอกาสพบใครอีก นอกจากได้รับอนุญาตโทรสั่งเสียศรีภรรยาได้เมื่อใกล้จะต้องออกเดินทางไปสนามบินแล้ว กำหนดเครื่องบินเที่ยวแรกสุดที่จะออกจากสนามบินดอนเมืองไปเจนีวาเป็นของบริษัทเคแอลเอ็ม ในเวลา13.30น. เผ่าและลูกน้องยังเซๆด้วยฤทธิ์ของน้ำระงับอารมณ์ จอมอัศวินที่เคยยิ่งใหญ่คับแผ่นดินยิ้มให้ทุกคนที่เจอหน้า มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไปรอส่งเขาหลายคน แต่ที่รถผ่านมาเมื่อกี้ ประชาชนที่อยู่ข้างถนนเห็นเขาเข้า ที่ตั้งตัวได้ก็ตะโกนด่า ขณะจับมือคนโน้นคนนี้ร่ำลา หนังสือพิมพ์ที่แสนรู้ก็อุตส่าห์แทรกกายเข้าไปยิงคำถามจนได้
“ท่านไปครั้งนี้แล้วจะกลับเมื่อไหร่ครับ”
“ก็พวกคุณจะให้ผมกลับเมื่อไหร่ล่ะ” เผ่ายังฝืนว่าอารมณ์ดีอยู่
“การไปที่ไม่มีกำหนดกลับอย่างนี้เรียกว่าป็นการเนรเทศใช่หรือเปล่าครับ”
แสบไหมนั่นสำหรับคำถาม เผ่าไม่ตอบ และก้าวเดินออกประตูสู่รันเวย์ที่นกเหล็กลำยักษ์จอดดีเลย์อยู่ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนขึ้นกระไดสนาม เขาหันมาโบกมือเป็นครั้งสุดท้ายให้ประเทศไทยเป็นการอำลา

 
เผ่าไม่ได้กลับมาตัวเป็นๆ ชีวิตเขามีเงินมากมายมหาศาล แต่หาความสุขมิได้หลังจากนั้น วันๆหนึ่งหมดไปด้วยการกินเหล้ากับนั่งมองทะเลสาปเจนีวา สามปีเศษๆเท่านั้นเอง ชายผู้หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวายในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503  เถ้ากระดูกของเผ่าได้รับการห่อผ้าอย่างดีนำกลับมาเมืองไทย ข่าวว่าทายาทของเขาไม่ได้รับมรดกมากมายเท่าที่ควร

ลูกน้องสองคนสิที่ได้กลับมาตัวเป็นๆเมื่อสิ้นยุคสฤษดิ์แล้ว ต่อมาได้เริ่มลงทุนทำธุรกิจใหญ่โต คนนึงนั้นเป็นประธานบริษัทเงินทุนแห่งหนึ่ง โด่งดังอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะล้มละลายไปคราวเกิดวิกฤตสถาบันการเงินเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 232  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 08:40

ไปเจอบล็อคนี้  ไม่แน่ใจว่าคุณ "น้ำเกลือยอดเยี่ยม" เจ้าของบล็อค เล่าประสบการณ์ตัวเอง ตามที่ฟังคุณปู่ของเขาเล่ามา หรือว่านำมาจากหนังสืออื่น
แต่อ่านแล้ว ได้ความว่า "ปู่ "ในบทความนี้คือม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bestsalt&date=16-02-2006&group=1&gblog=14

ก่อนจะดำเนินเรื่องต่อไป มีเรื่องคุณเผ่า ศรียานนท์ ที่จะนำมาเล่าให้ฟัง ดังได้กล่าวมา จอมพลสฤษดิ์ ยึดอำนาจ จอมพล ป. หนีไปตายที่ญี่ปุ่น คุณเผ่าหนีไปอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากนี้ ปู่ไปประชุมนิติศาสตร์นานาชาติที่กรุงเจนีวา วันหนึ่งเดินกลับที่พัก ผ่านไปเห็นคุณเผ่ากับกลุ่มตำรวจลูกน้องนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านเหล้า ปู่ทำเป็นไม่เห็นเดินผ่านไป คุณเผ่าให้ลูกน้องวิ่งตามมา ขอให้ไปพบคุณเผ่า โดยที่เคยเป็นศัตรูกันมาถึงกับจะเอาชีวิต ปู่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาท่าไหน แต่เมื่อเขามาขอโดยดีก็จำใจไปพบ คุณเผ่าให้คาราวะเป็นอย่างดี เชิญไปกินแกงไก่ที่บ้านริมทะเลสาบ พาเที่ยวไนต์คลับ จึงได้เห็นความเป็นอภิมหาเศรษฐีของนักการเมืองตกทื่นั่งคนนี้ บ้านที่อยู่อาศัยใหญ่โต ปูด้วยหินอ่อน ประดับทองเหลืองอร่าม ไปเที่ยวไนต์คลับ ผู้หญิงฝรั่งนางรับแขก เฮกันเข้ามาเกาะแขนกอดเอวคุณเผ่า เจ้าตัวไม่ค่อยสนใจ แต่ควักธนบัตรปึกใหญ่ออกแจกฟรี นางเหล่านั้นเรียกคุณเผ่าว่าป๋า

ปู่นึกในใจ เขาคงสบายดี มีเงินทองจ่ายอย่างไม่อั้น คุณเผ่าขอพบปู่ครั้งนี้เพื่อปรึกษาว่า ลูกน้องอยากกลับเมืองไทย แต่มีคดีฆ่า 5 อดีตรัฐมนตรีติดตัว อยากให้ปู่เป็นทนาย ปู่ถามว่า เราเคยเป็นศัตรูกันมา คุณเผ่าจะไว้ใจปู่ให้ช่วยเหลือได้อย่างไร คุณเผ่าหัวเราะชอบใจพลางกล่าวว่า ใครๆก็รู้ว่าท่านนายกฯ ไม่มีอะไรกับใคร ในทางการเมืองก็บำเพ็ญแต่หลักเป็นครูบาอาจารย์ เขาจึงไว้ใจ เมื่อได้ซักถามสมุนมือปืนแล้ว ปู่ให้ความเห็นว่าตามเหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่รับรู้กันในเมืองไทย คดีเห็นจะแก้ได้ยาก

วันกลับเมืองไทย คุณเผ่านำรถยนต์เดมเลอร์คันใหญ่ชักธงไทยไปส่งปู่ที่สนามบิน ระหว่างคอยเครื่องบินออก คุณเผ่าปรารภขึ้นมาเองว่า เขาไม่มีความสุข ไม่ทราบว่าคนไทยจะเห็นเขาเป็นคนอย่างไร ที่สุดกล่าวว่า เขาอยากกลับไปก่อการปฏิวัติ ซึ่งในการนี้มีทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งกำลังเงินและกำลังคน ยังขาดแต่ผู้นำ ซึ่งคุณเผ่ากล่าวว่า ถ้าได้ปู่เป็นผู้นำเขาจะดำเนินการ ปู่ปฏิเสธและถามว่า จอมพล ป. ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ทำไมถึงไม่เอาท่านเป็นหัวหน้า คุณเผ่ากล่าวว่าอย่าไปพูดถึงท่านเลย ปู่ลาคุณเผ่าไปขึ้นเครื่องบิน นึกอยู่ในใจว่าเงินทองมหาศาลไม่ได้ช่วยให้คนเป็นสุข โดยเฉพาะคนที่ทำความชั่วไว้...
เผ่า ศรียานนท์ เจ้าของตำนานอัศวินตำรวจเมืองไทยที่ทุกคนยังจดจำ ภายใต้คำขวัญ ไม่มีสิ่งใดภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 233  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 09:17

รูปประกอบนี้อุทิศให้คนที่ใช้เงินซื้อความสุขมิได้


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 234  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 09:19

นำบรรยากาสดอนเมืองเก่าๆมาให้ดูครับ ผู้โดยสารเดินไปขึ้นเครื่องเหมือนสนามบินบางจังหวัดในทุกวันนี้ เครื่องบินโดยสารที่ใช้บินข้ามทวีปเป็นเครื่องใบพัด 4เครื่องยนต์ ที่ดังๆก็มี Super Constellation ของล็อกฮีต มี3แพนหาง เป็นแบบที่K.L.M.ใช้นำเผ่าออกจากเมืองไทยแบบไปแล้วไปลับ

เส้นทางบินก็ต้องแวะลงจอดเติมน้ำมันและรับ-ส่งผู้โดยสารไปตลอดทางเหมือนรถหวานเย็น ถ้าบินจากกรุงเทพไปยุโรปก็จะลง บอมเบย์-ไคโร-เจนีวา-ไปสุดทางที่อัมเตอร์ดัม เครื่องบินแบบนี้พอเก่านิดหน่อยก็ตกเป็นว่าเล่น ในที่สุดสายการบินทั้งหลายก็เลิกใช้ พอดีเข้ายุคเครื่องเจ๊ต พอโบอิ้ง707เข้ามา เครื่องใบพัดก็บินเฉพาะสายสั้นๆในประเทศกันหมด



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 235  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 09:25

เมื่อวิทยุออกประกาศแถลงการณ์ของคณะปฏิวัติฉบับที่1 ซึ่งคุณเพ็ญชมพูเอาสำเนามาลงให้ท่านดูไปแล้วนั้น เป็นเวลาสองยามกว่าแล้ว

อ่านจากประกาศทั้ง ๒ ฉบับแล้ว เที่ยวนี้ไม่เรียกว่าคณะปฏิวัติ

จอมพล ส. ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร

 ยิงฟันยิ้ม


ประกาศ ประกาศ

ต่อไปนี้ขอเชิญรับฟังประกาศจากทางราชการ



ต่อไปเป็นประกาศของผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร



 ตกใจ ตกใจ ตกใจ

ขัดจังหวะคุณนวรัตนสักประเดี๋ยว

ประกาศทั้ง ๒ คงไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวคงกลับมา

แต่หากไม่กลับมา

ขอลงสำรองไว้อีกที

 ยิ้มเท่ห์



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 236  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 10:09

ก่อนที่จะนำท่านผู้อ่านเข้าสูภาคสุดท้ายของจอมพลป2. ซึ่งบัดนี้ผลออกมาแล้วว่ายังไงๆ ท่านก็ไม่ผ่านไปขึ้นป.3ได้ ผมอยากจะใช้เวลาสักนิดจอดตรงนี้ ให้ท่านผู้อ่านตามครูบาอาจารย์ท่านอื่นเข้าตรอกเข้าซอยไปช็อปปิ้งเก็บเกี่ยวความรู้ข้างทางสักพัก ผมมีความรู้ขึ้นว่า ความเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของท่านจอมพลอยู่ตรงช่วงชีวิตสุดท้ายของท่านนี้เอง แม้วิบากที่กำลังได้รับเป็นผลจากอำนาจกรรมที่ท่านก่อไว้ แต่ในขณะดำรงตำแหน่ง ท่านก็ได้ประกอบคุณงามความดีให้แก่ชาติและสังคมไทยมากมาย กุศลกรรมนี้แหละที่นำทางชีวิตบั้นปลายให้ท่านมีสันติสุข ยิ่งกว่านักการเมืองไทยคนใดในอดีตจนถึงปัจจุบันที่ต้องประสพวิบากกรรมคล้ายกัน ให้ต้องไปใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในต่างประเทศ

ผมต้องละเอียดนิดนึง ขอค้นอีกสักเล่มสองเล่มเพื่อติดต่อเรื่องทั้งหลายให้เนื้อหาสมบูรณ์ อ่านแล้วไม่สะดุด
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 237  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 10:11

เมื่อวานไปทัศนศึกษานอกสถานที่แค่วันเดียว กระทู้วิ่งฉิวเลย
แอบดูเนื้อหาแล้วเนื้อเต้นด้วยความอยากอ่าน แต่วันนี้ก็ทำงานค่ะ ฝากไว้ก่อนคืนนี้จะมาเก็บให้หมดเลย

ขอคุณพระคุ้มครองท่านอาจารย์ทั้งหลายให้มีสุขภาพแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของลูกศิษย์ไปนานๆนะคะ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 238  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 10:26

ระหว่างรอคุณนวรัตนขอเล่าเรื่องท่านจอมพลในเขมรต่อ

คณะของท่านจอมพลพำนักอยู่ที่ตำหนักจามกามลด้วยความผาสุก มีหัวหน้ากุ๊กพระราชทานมาคอยดูแลความเรียบร้อย  ภริยาและบุตรของท่านจอมพลหมุนเวียนมาคอยรับใช้อยู่ไม่ขาด  ต่อมาท่านจอมพลก็ได้พาสปอร์ตส่งมาจากนายพจน์ สารสิน นายกรัฐมนตรี จึงเตรียมตัวเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยติดต่อทูตญี่ปุ่นประจำเขมร

ท่านผู้หญิงละเอียดได้เขียนบันทึกถึงเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า

"ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจไปพักอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่มีคนตั้งข้อสงสัยกันมาก ความจริงนั้นไม่ใช่เรื่องลี้ลับซับซ้อนอะไรเลย ระหว่างที่มีชีวิตว่าง ๆ อยู่ในเขมร เราก็หยิบอาละบั้มภาพเมืองต่าง ๆ มาดูกัน ในที่สุดก็ตกลงใจกันว่า ญี่ปุ่นเหมาะที่สุดที่เราทั้งสองจะใช้ชีวิตบั้นปลายมากกว่าที่อื่น ในระหว่างที่ยังไม่ทราบว่าจะกลับคืนเมืองไทยเมื่อไร"


ในที่สุด อีก ๗ ปีต่อมา ๒๗ มิถุนายน ๒๕๐๗  ท่านผู้หญิงละเอียด ก็ได้นำอัฐิของท่านจอมพลกลับมาเมืองไทย

เศร้า
บันทึกการเข้า
Diwali
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 239  เมื่อ 21 ส.ค. 10, 10:41

มาลงชือเข้าเรียน สายๆวันเสาร์ครับ

เสียดายหลายอย่างครับ ตัวกระผมเอง ได้รู้จักทายาทของอัศวินคู่ใจท่านจอมพลตำรวจ
ตอนนั้น ก็ยังไม่เดียงสาพอที่จะถามอะไร

แม้กระทั่งทายาทท่านจอมพลตำรวจเอง ก็เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนโรงเรียนมัธยม
ทายาทท่านจอมพลทหารบางท่าน ผมก็ได้ดื่มทานด้วย สมัยผมเรียน ม.ปลาย

กระทั่งตัวท่านจอมพลบางท่าน ที่ในบั้นปลาย มักจะเดินมาเที่ยวตลาดราชวัตรเป็นประจำ
หากผมไปพบ ก็จะต้องเข้าไปทักทายตามประสาผู้เยาว์ และช่วยพยุงท่านเดินต่างไม้เท้า ตามครรลองผู้สูงอายุ

พอมาเรียนหนังสือระดับอุดมศึกษา สาขารัฐศาสตร์ ได้เรียนได้อ่าน
มีคำถามอยากถามท่านต่างๆที่เอ่ยมานั้น แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พบปะ
เสียดายช่วงนั้นจริงๆ ครับ

หมายเหตุ
ตอบคุณ NAVARAT.C
ลูกชายท่าน คุณป่านป๊าน และตัวกระผม เคยเดินทางด้วยรถซีตรองคันงามหลายทริปครับ
ก่อนที่จะมาแยกย้ายกัน ตอนที่ลูกชายท่านไปเรียนที่จุฬาฯ
แล้วปีถัดๆมา ผมหนีไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ ครับ เลยไม่ได้มีโอกาสนั่งคันงามนั้นอีกครับ
แต่ยังคงจดจำได้ติดตาเป็นอย่างดีครับ ยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 27
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.867 วินาที กับ 20 คำสั่ง