สาธุ

บุคคลบางคนในโลกนี้
๑. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑาวุธ และศัสตราวุธ มีความสะอาด มีความเอ็นดู มุ่งหวังประโยชน์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์อยู่
๒. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการลักทรัพย์ คือ ไม่ถือเอาทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์ เครื่องปลื้มใจของผู้อื่น ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่าที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยจิตเป็นเหตุขโมย
๓. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม คือ ไม่เป็นผู้ประพฤติล่วงในสตรีที่อยู่ในปกครองของมารดา ที่อยู่ในปกครองของบิดา ที่อยู่ในปกครองของพี่ชายน้องชาย ที่อยู่ในปกครองของพี่สาวน้องสาว ที่อยู่ในปกครองของญาติ ที่ประพฤติธรรม มีสามี มีกฎหมายคุ้มครอง โดยที่สุดแม้สตรีที่บุรุษสวมด้วยพวงมาลัยหมายไว้
ความสะอาดทางกาย ๓ อย่างเป็นอย่างนี้แล
บุคคลบางคนในโลกนี้
๑. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดเท็จ คืออยู่ในสภา อยู่ในบริษัท อยู่ท่ามกลางหมู่ญาติ อยู่ท่ามกลางหมู่ทหาร หรืออยู่ท่ามกลางราชสำนัก ถูกเขาอ้างเป็นพยานซักถามว่า "ท่านรู้สิ่งใดจงกล่าวสิ่งนั้น" บุคคลนั้นไม่รู้ก็กล่าวว่า "ไม่รู้" หรือรู้ก็กล่าวว่า "รู้" ไม่เห็นก็กล่าวว่า "ไม่เห็น" หรือเห็นก็กล่าวว่า "เห็น" ไม่กล่าวเท็จทั้งที่รู้เพราะตนเป็นเหตุบ้าง เพราะบุคคลอื่นเป็นเหตุบ้าง เพราะเหตุคือเห็นแก่อามิสเล็กน้อยบ้าง
๒. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด คือฟังความฝ่ายนี้แล้วไม่ไปบอกฝ่ายโน้นเพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังความฝ่ายโน้นแล้วไม่มาบอกฝ่ายนี้เพื่อทำลายฝ่ายโน้น สมานคนที่แตกแยกกัน ส่งเสริมคนที่ปรองดองกัน ชื่นชมยินดีเพลิดเพลินต่อผู้ที่สามัคคีกัน พูดแต่ถ้อยคำที่สร้างสรรค์ความสามัคคี
๓.เป็นผู้ละขาดจากการพูดคำหยาบ คือ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ ไพเราะ น่ารัก จับใจ เป็นคำของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ
๔. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดถูกเวลา พูดคำจริง พูดอิงประโยชน์ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนดประกอบด้วยประโยชน์
ความสะอาดทางวาจา ๔ อย่างเป็นอย่างนี้แล
บุคคลบางคนในโลกนี้
๑. เป็นผู้ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา คือ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ทรัพยอันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นว่า ไทำอย่างไร ทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นจะพึงเป็นของเรา"
๒. เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท คือไม่มีจิตคิดร้ายว่า "ขอสัตว์เหล่านี้จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีจิตพยาบาท มีสุข รักษาตนเถิด"
๓. เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นไม่วิปริตว่า "ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาและมีแล การเซ่นสรวงมีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและชั่วมี โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามีคุณ บิดามีคุณ โอปปาติกสัตว์มี สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งมีอยู่ในโลก"
ความสะอาดทางใจ ๓ อย่าง เป็นอย่างนี้แล
(จันทสูตรที่ ๑๐)
ท่านที่อ่านมาแต่ต้น คงจะพิจารณาได้ด้วยตนเองว่าจอมพลป. ท่านได้ทำกุศลกรรมทั้งหมดนี้มามากน้อยแค่ไหน จึงได้เป็นนักการเมืองหมายเลข ๑ อยู่ได้ยาวนานถึง ๒๕ ปี และจบลงในบั้นปลายอย่างที่คุณนวรัตนนำมาเล่าสู่กันฟัง
ส่วนดิฉัน เห็นข้อหนึ่งว่ากุศลจากการบวช ๒๔ วันคงทำให้จอมพลป.ปล่อยวางได้ยิ่งขึ้น จากที่เคยปลงตกมาแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อออกจากประเทศไทยไป
จึงไม่มีถ้อยคำที่แสดงความแค้นเคืองผู้ที่ทำให้ท่านพ้นจากอำนาจ ไม่พยาบาทมาดร้าย เข้าใจความจำเป็นของจอมพลสฤษดิ์ที่ไม่อยากให้ท่านเหยียบประเทศไทยอีก แม้แต่แค่แวะระหว่างทาง
ท่านดำรงชีวิตอย่างสงบตามอัตภาพอยู่ได้ยาวนานถึง ๗ ปี แม้จอมพลสฤษดิ์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ท่านก็ไม่ได้กลับมาอีก