ช่วงนั้นผมยังเด็ก...เล็กนัก....จำได้เพียงว่าสมัยสฤษดิ์...มือวางเพลิงถูกยิงเป้า....จนไฟไม่กล้าไหม้???
เมื่อเอ่ยถึงจอมพลสฤษดิ์ต้องนึกถึงมาตรา ๑๗
มาตรา ๑๗ แ่ห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๐๒ ให้อำนาจฝ่ายบริหารโดยนายกรัฐมนตรีอย่างไม่มีการถ่วงดุล ทำให้ฝ่ายบริหารมีความเฉียบขาดในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดความฉับไวในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน แต่ก็นำมาซึ่งการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดโดยมีการสั่งลงโทษประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วเป็นจำนวนมาก
จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตามมาตรา ๑๗ นี้อย่างเต็มที่ เช่น การปราบปรามฝิ่น มีการเผาฝิ่นที่ท้องสนามหลวงเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๒ มีเหตุเพลิงไหม้ติดกันถึง ๓ ครั้ง เป็นที่ฝั่งธน ฯ ๒ ครั้ง และที่บางขุนพรหมอีก ๑ ครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จอมพลสฤษดิ์ เป็นผู้อำนวยการดับเพลิงเอง ต่อมาได้มีการจับกุมผู้วางเพลิงได้ทั้งหมด ๓ ราย เป็นคนไทยเชื้อสายจีน จอมพลสฤษดิ์สั่งประหารชีวิตบุคคลทั้ง ๓ ในที่สาธารณะ
นอกจากนี้ยังได้ประหารบุคคลที่สงสัยว่าจะก่อความไม่สงบหลายรายหรือข้อหาคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน เช่น นายศิลา วงศ์สิน และ นายศุภชัย ศรีสติ ในข้อหาผีบุญ นายครอง จันดาวงศ์ และ นายทองพันธ์ สุทธิมาศ ในข้อหาเดียวกัน ที่สนามบินอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เป็นต้น
จิตร ภูมิศักดิ์สรรเสริญจอมพลสฤษดิ์เรื่องการใช้มาตรา ๑๗ ดังนี้
เมืองไทยยุคคลั่งเพ้อ พัฒนา นี้ฤๅ
บังเกิดผู้นำมหา- บุรุษแท้
บุรุษเหล็กทุกยุค-บา เผยอทาบ เขาฤๅ
เหล็กเท่าเหล็กล้วนแพ้ พ่ายสิ้นทุกสมัย ฯ
อำนาจบาตรใหญ่เหี้ยม โหดหืน
ย่ำระบบยุติธรรมยืน เหยียบเย้ย
ปืนคือกฎหมาย…ปืน ประกาศิต
"ผิดชอบอั๊วเองเว้ย" "ชาตินั้นคือกู" ฯ
ถือ ม. สิบเจ็ดใช้ ประหารชน
เหมือนหนึ่งหมากลางถนน หนักหล้า
เห็นคนบ่เป็นคน… ควายโง่ (โอยพ่อ)
กดบ่ให้เงยหน้า "นิ่งโว้ย…ม่ายตาย" ฯ
