หลั่งเลือดรักษาสารพัดโรคแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสที่รีบไปเชิญมาตรวจอาการ เห็นแล้วใช้เข็มเจาะเส้นเลือดใหญ่แล้ว
ดูดเอาเลือดจากแขนท่านออกมาสองหลอดใหญ่ ท่านออกอาการเจ็บแสดงว่าสติกลับคืน พอหมอเรียกชื่อก็ขานรับ
15นาทีต่อมาท่านสามารถพูดกับหมอด้วยภาษาเยอรมันได้
หมอบอกว่าท่านมีอาการของโลหิตเป็นพิษ มีความเข็มข้นสูงพร้อมจะแข็งตัวเมื่อถูกอากาศ
เมล็ดโลหิตเต็มไปด้วยพิษร้าย จะต้องรีบนำไปส่งหอวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์
หมอได้สั่งยาให้สามขนาน เป็นยาถ่ายหนึ่ง ยาบำรุงกำลังหนึ่ง ส่วนยาล้างพิษในกระแสโลหิต ในระหว่างสงคราม
ไปหาซื้อที่ไหนก็ไม่มี
เพิ่งได้อ่านเรื่องราววาระสุดท้ายของพระยาทรงฯ จากกระทู้ของคุณ NAVARAT C.
นอกจากจะสะท้อนใจในชะตากรรมของมนุษย์แล้ว
ยังติดค้างใจในเรื่องหนึ่งนั่นคือ การวินิจฉัยและรักษาอาการป่วยของพระยาทรงฯ
ที่แตกต่างห่างไกลลิบจากวิชาการแพทย์ในยุคนี้ - สมัยนั้นดูช่างขาดแคลนไปทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น
ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ การตรวจวิเคราะห์ประกอบการวินิจฉัยรักษา และหยูกยาที่มีประสิทธิภาพ
นายแพทย์คนเดิมรีบมาในเวลาไม่ถึง45นาทีแล้วรีบลงมือจะดูดเลือดอย่างเคย ครั้งนี้เข็มไม่สามารถ
แทงเข้าในเส้นเลือดได้เพราะโลหิตแข็งตัวมาก แม้จะใช้ใบมีดโกนหนวดอันคมกริบกรีดนำ แล้วเอาเข็มแทงเส้น
เข้าไปก็ดูดโลหิตออกมาไม่ได้ ด้วยความชำนาญหมอเปลี่ยนวิธีการใหม่โดยฉับพลัน จับคนไข้นอนคว่ำหน้า
เอาใบมีดกรีดเป็นริ้วๆ ตลอดแผ่นหลัง แล้วใช้แก้วลนไฟไล่อากาศออกคว่ำครอบแผลไว้ พอแก้วเย็น
ก็จะเกิดแรงดูดขึ้นมาเอง เพียงสิบห้านาทีโลหิตใหลออกมาแผลละครึ่งแก้ว ข้นคลั่ก แต่อาการของพระยาทรงมิได้ดีขึ้น
วิธีการรักษาที่พระยาทรงฯ ได้รับในตอนนั้น คือ การนำ(หลั่ง)เลือดออกจากร่างผู้ป่วย
หลายคนน่าจะเคยได้ยินวิธีการนี้มาแล้วตั้งแต่เด็ก เวลามีคำอธิบายถึงสัญลักษณ์ทรงกระบอกใส
ที่มีแถบสีแดงสลับขาวหมุนอยู่ข้างใน (red and white barber's pole) แขวนไว้
หน้าร้านตัดผม
เพื่อให้หายคาใจ จึงต้องไปค้นคุณวิกี้และคุ้ยคุณกูเกิ้ลหาเรื่องการรักษาด้วยวิธีนี้