เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 5270 ขอเป็นสมาชิกด้วยคนครับ
jean1966
สุครีพ
******
ตอบ: 1256


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 17:34

เรื่องประวัตฺวัดนั้นว่าสร้างร.4แต่อาจจะเป็นปลายรัชกาล สำหรับข้อมูลเรื่องรถเจ๊ก มีดังนี้
รถลากในประเทศไทยหรือที่เรียกกันว่า รถเจ๊ก เพราะพาหนะประเภทนี้มีแต่คนจีนเป็นผู้มีอาชีพรับจ้างลาก ดั้งเดิมเป็นของญี่ปุ่น แต่แรกเมื่อในรัชกาลที่ 4 นั้น พวกพ่อค้าสำเภานำมาน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงโปรดฯให้ซื้อเข้ามาพระราชทานเจ้านาย และขุนนางผู้ใหญ่บ้าง สั่งซื้อกันเองบ้าง ใช้เป็นพาหนะส่วนพระองค์และส่วนตัว แต่ที่สั่งมาใช้วิ่งรับส่งคนโดยสารและบรรทุกของนั้น ผู้สั่งเข้ามาเป็นคนแรกชื่อ นายฮ่องเชียง แซ่โหงว เมื่อ พ.ศ. 2417 ต้นรัชกาลที่ 5 เมื่อผู้คนนิยมกันมากขึ้น พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก) จึงตั้งโรงงานทำรถลากขึ้นในเมืองไทยเสียเองโดยสั่งช่างมาจากเมืองจีน รถลากรับจ้างเริ่มมีบนถนนมากขึ้น จนกระทั่งจำเป็นต้องควบคุม พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง จึงโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติรถลาก ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) ขึ้น โดยทรงมีพระราชปรารภว่า

"กรุงเทพพระมหานครในทุกวันนี้ มีรถคนลากสำหรับรับจ้างคนโดยสาร และรับบรรทุกของเดินในถนนหนทางทวียิ่งขึ้นเป็นอันมาก แต่รถที่ใช้นั้นไม่แข็งแรงมั่นคง แลไม่มีสิ่งที่สำหรับป้องกันอันตรายของผู้โดยสาร กับทั้งไม่สะอาดเรียบร้อยตลอดไปจนคนลากรถด้วย ย่อมเป็นที่รังเกียจรำคาญแก่ผู้ที่จะใช้รถ หรือผู้เดินทางในท้องถนนร่วมกัน อีกประการหนึ่ง คนที่ลากรถนั้น บางทีรับคนโดยสารหรือรับบรรทุกสิ่งของที่มากหรือหนักเกินกำลังรถที่จะพาไปได้ จนเป็นเหตุเกิดอันตรายแก่คนโดยสารแลคนเดินทางกับทั้งรถ แลไม่เป็นความเรียบร้อยในท้องถนนอีกด้วย"

พระราชบัญญัตินี้ บังคับให้ต้องจดทะเบียนรถ และต้องนำรถมาตรวจสภาพต่อเจ้าพนักงานจดทะเบียน หลังจดทะเบียนแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เลขหมายติดรถ และให้เครื่องหมายที่มีเลขตรงกันกับทะเบียนรถให้คนลากติดหน้าอกไว้ให้ตรงกัน บังคับให้จุดโคมไฟเวลากลางคืน และยังมีข้อบังคับปลีกย่อยอีกหลายข้อ เช่นห้ามบรรทุกศพคน ให้จอดพักรถตามที่พนักงานกำหนดไว้เท่านั้น ฯลฯ

รถลากหรือรถเจ๊กนี้ วิ่งในถนนตั้งแต่ พ.ศ. 2417 เลิกใช้ตามกฎหมาย เมื่อ พ.ศ. 2478 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

บันทึกการเข้า
ฉันรักบางกอก
พาลี
****
ตอบ: 334



ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 13 ก.ค. 10, 21:34

อ๊าาาาา เข้ามาสวัสดีนะคะ สมาชิกใหม่ ไว้ไปเที่ยวกันนะคะ
บันทึกการเข้า

กนก นารี กระบี่ คชะ
luck-rama
ชมพูพาน
***
ตอบ: 188


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 14 ก.ค. 10, 15:52

ขอบคุณครับ  คุณแพร (ขออนุญาต เรียกคุณแพรเหมือนท่านอื่นๆนะครับ) ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ฉันรักบางกอก
พาลี
****
ตอบ: 334



ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 16 ก.ค. 10, 02:51

ยินดีอย่างยิ่งคะ
บันทึกการเข้า

กนก นารี กระบี่ คชะ
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 26 ก.ค. 10, 08:19

เผอิญค้นรูปได้ ไปเซฟงานรวมไว้กับสรรคบุรี เลยขออนุญาตโพสกันเวปร้างครับ

พระประธานในพระอุโบสถครับ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 26 ก.ค. 10, 08:22

เสมา สลักเป็นลายก้านขดออกดอกโบตั๋น ลายคล้ายๆพวกวัดหลุมดิน แต่เหลือไม่กี่ใบแล้วครับ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 26 ก.ค. 10, 08:27

ในวิหารมีจารึกว่า เขียนเสร็จเมื่อ พ.ศ.2467 ปีเกือบสุดท้ายในรัชกาลที่ 6 สกุลช่างพื้นบ้านลาวลพบุรี



"เขียนเดือนสิบขึ้นแปดค่ำปีกุน สำเร็จแล้วปีชวด พ.ศ.2467 เปนราคา 74 บาท ช่างเพง เปนผู้เขียนไว้ในพุทธศาสนา ขอให้ข้าพเจ้าเจริญสุกนิพพานปจะโยโหตุ"



บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 26 ก.ค. 10, 08:30

พระวิหารครับ ดูเหมือนวิหารลาวยุคหลังทั่วไป ชอบทำเสาเหลี่ยมเป็นมุขยื่นออกมา อย่างวัดโบสถ์ที่อุทัย วัดพิหารแดง วัดหน่อพุทธางกูร และอีกหลายๆวัดที่ลาวสร้างสมัยรัตนโกสินทร์


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 26 ก.ค. 10, 08:35

เจดีย์ครับ มีเต็มวัดเลย รกครึ้มไปหมด


บันทึกการเข้า
ฉันรักบางกอก
พาลี
****
ตอบ: 334



ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 12 ส.ค. 10, 04:04

จากรูปข้างบน หลัง 6 โมงเย็น ตัวใครตัวมันเน้อ รูดซิบปาก
บันทึกการเข้า

กนก นารี กระบี่ คชะ
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 12 ส.ค. 10, 10:06

ตัวใครตัวมันนี่พี่แพรจะขอนั่งชมเจดีย์ใช่ไหมครับ ผมกลับก่อนก็ได้นะ แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 12 ส.ค. 10, 13:04

เสมางามมากอ่พี่กุ จากวัดไหนนี่  ตกใจ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 12 ส.ค. 10, 18:47

วัดเดียวกันนั่นแล เหมือนเขาเก็บๆมารวมๆกันไว้ ไม่เป็นเซ็ท
บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 12 ส.ค. 10, 19:59

โห วัดอยู่ไกลมากมาย   ขยิบตา
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง