เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 46
  พิมพ์  
อ่าน: 329718 ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือคณะราษฎร์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 375  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 21:18

ตั้งแต่เห็นที่คุณสมัน007เอ่ยพระนามกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร หรือ หม่อมเจ้าธานีนิวัต โสณกุล คิดว่าไม่ใช่แน่ ผมก็ลืมๆไปเหมือนกันว่าใคร
ในคคห.ที่แล้วข้อความที่ผมให้สีน้ำเงินคือข้อความที่ผมป้ายเอามาในเวปเพื่อทุ่นแรงพิมพ์ ถ้าเป็นของผมเองจะสีดำ เรื่องนี้ในเวปไม่มีรายละเอียด ผมจึงต้องไปหยิบหนังสือ "ไทยกับสงครามโลกครั้งที่2" ของ ศาสตราจารย์ ดร.ดิเรก ชัยนาม (แหม เกือบพิมพ์เป็นณรงค์ฤทธิ์) ในตู้มาอ่าน ท่านเขียนไว้ว่า

ในปลายเดือนกันยายน 2484 รัฐบาลส่งคณะผู้แทน ซึ่งมีพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ไชยยันต์เป็นหัวหน้าออกไปเจรจากับอังกฤษ.....ผู้แทนฝรั่งเศสซึ่งมาอยู่เมืองแคนดี ได้ถือโอกาสเฝ้าพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย และยื่นหนังสือเป็นทางการ......รัฐบาลฝรั่งเศสต้องการให้ไทยคืนดินแดนที่ได้รับไป ตลอดจนขอพระมหามณีรัตนปฏิมากรแก้วมรกตด้วย หัวหน้าคณะผู้แทนได้ตอบผู้แทนฝรั่งเศสไปว่า โดยมิได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาล จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะเจรจากับฝรั่งเศสได้ แต่ในฐานะส่วนตัว มิได้มีความเห็นสอดคล้องกับฝรั่งเศสในเรื่องสถานะความเป็นศัตรูระหว่างประเทศทั้งสอง....ส่วนข้อเรียกร้องเกี่ยวกับพระแก้วมรกตนั้น เชื่อว่าคงไม่มีรัฐบาลชุดใดที่จะสามารถรับฟังได้....ต่อมาผู้แทนฝรั่งเศสได้แจ้งต่อผู้แทนไทยว่าพร้อมที่จะถอนข้อเรียกร้องเกี่ยวกับพระแก้วมรกตนั้น....

ผู้แทนอังกฤษในเมืองแคนดีแจ้งแก่ผู้แทนไทยว่า.......เรื่องพระแก้วมรกตนั้น เขาได้แนะให้ฝรั่งเศสถอนข้อเรียกร้องนี้แล้ว

ความจริงข้อเรียกร้องมีหลายข้อ แต่ข้อนี้รัฐบาลม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมชได้ทำหนังสือตอบอย่างเป็นทางการในข้อ ฉ.ความว่า ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องพระมหามณีรัตนปฏิมากรนั้น ไม่มีรัฐบาลไหนที่ยังเคารพตนเองอยู่จะสามารถรับฟังได้


เรื่องจึงจบไปโดยไม่ต้องมีการชักประวัติศาสตร์ไทยให้ฝรั่งง่วงดังข้อความที่ผมลอกมา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 376  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 21:38

ขอประทานอภัยอย่างสูง ที่จำผิด   ลดพระองค์เจ้าวิวัฒนไชยลงเป็นม.ร.ว. เสียแล้ว   เศร้า
******************
หนังสืออีกเล่มที่เล่าถึงการแพ้โหวตจนรัฐบาลจอมพล ป. ต้องลาออก   คือ " ๓๖ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย"ของพ.อ.บัญชา แก้วเกตุทอง   ผู้เขียนบรรยายว่า การที่ท่านจอมพลแพ้โหวตน่าจะมีแผนอยู่เบื้องหลัง     เหตุเพราะท่านไปเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น และประกาศสงครามกับพันธมิตร   มาถึงตอนนี้รูปการณ์เห็นชัดว่าญี่ปุ่นแพ้แน่   นายปรีดี พนมยงค์ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เห็นว่า ถ้าปล่อยให้ท่านจอมพลเป็นนายกฯต่อไป ประเทศจะเสียหาย  นายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนายก็เห็นด้วย   ขณะนั้นก็มีขบวนเสรีไทยเกิดขึ้น  นายปรีดีเป็นหัวหน้าเสรีไทยในประเทศ  ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าเสรีไทยนอกประเทศ   
นายทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาร่วมขบวนการเสรีไทยกับนายปรีดี     พอดีกับจอมพล ป. นำพ.ร.บ.เพชรบูรณ์เข้าสู่สภา    ทำให้แผนกำจัดจอมพล ป.ง่ายขึ้น  เพราะฝ่ายต่างๆเห็นสอดคล้องกันว่าจอมพล ป. จำต้องพ้นตำแหน่งก่อนสงครามจะยุติ"

ผู้เขียนยกย่องจอมพล ป. ไว้ว่า
"นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา   ในระยะแรกประเทศพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า   แทบจะไม่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ    เพราะฐานะรัฐบาล แม้่พระยาพหลฯเองก็ไม่มั่นคง...   แต่สมัยจอมพล ป. ประเทศพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะด้านคมนาคม   ตลอดจนการก่อสร้างโรงเรียน   สำนักราชการต่างๆที่ทรุดโทรมก็มีการปรับปรุงอย่างมาก...ในจังหวัดพระนครก็มีการปรับปรุงถนนหนทางต่างๆ    แม้แต่ถนนราชดำเนินก็ขยายให้กว้าง    โค่นต้นมะฮ๊อกกานี ๒ ข้างออกหมด   แล้วปลูกตึกอาคารตลอด ๒ ฝั่งราชดำเนินอย่างสวยงาม"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 377  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 21:46

เรื่องญี่ปุ่นจะบุกเมืองไทยที่กำลังสนุกเข้าด้ายเข้าเข็ม ในฐานะนายทหารระดับผู้นำของประเทศ พระยาทรงท่านคาดเดาไว้แล้ว ไม่คิดว่านโบบายที่ประกาศตนเป็นกลางของรัฐบาลจะเป็นผล ระหว่างที่กระบอกเสียงปั่นสมองประชาชนผ่านคู่สนทนาสองคนคือนายมั่นกับนายคงให้ราษฎรเตรียมอาวุธทุกชนิดช่วยทหารไทยปกป้องแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นปืนผาหน้าไม้หลาวแเหลน กระทั่งหมามุ่ย ก็สามารถนำมาใช้ยับยั้งข้าศึกได้ เอ้าใครไม่รู้จักหมามุ่ยยกมือ


ช่วยอธิบายถึงหมามุ่ยให้ชาวเรือนไทยฟังได้ไหมคะ   หนุ่มๆสาวๆชาวกรุงเทพ คงมีอยู่มากที่เกิดมาไม่เคยเห็นหมามุ่ย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 378  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 22:40

เห็นเขาเงียบกัน ผมคิดว่าเขารู้จักกันแล้วมั้งครับ

ตอนแรกนึกว่าจะมีใครเหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งชื่อไอ้ตั๋ง เป็นลูกข้าราชการสถานทูตเลยตามพ่อไปเรียนหนังสืออยู่เมืองนอกหลายประเทศจนจบชั้นมัธยม พ่อย้ายกลับกรุงเทพเลยมาสอบติดที่สถาปัตย์จุฬา คราวหนึ่งนิสิตสถาปัตย์ต้องไปฝึกภาคสนามที่อยุธยา อาจารย์แบ่งลูกศิษย์เป็นกลุ่มๆ ให้ไปรังวัดวิหารวัดร้างต่างๆ เพื่อมาขึ้นรูปวิหารทั้งหลังว่าเดิมมีรูปทรง และลวดลายอย่างไร กลุ่มของผมได้วัดกุฎีดาว สมัยนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้สวยงามแต่ตอนนั้นสภาพเกือบจะเป็นป่า ทางเดินต้องเรียงหนึ่งฝ่านดงโครตรกมหารก คดไปเคี้ยวมาไปกว่าจะถึงตัววิหาร เสียงคนข้างหน้าตะโกนกลับมาว่า เฮ้ย ระวังหมามุ่ยนะโว้ย ทุกคนก็ระวังตัว พอพ้นเหลี่ยมโค้งผมก็เห็นเถาไม้เลี้อย ดอกสีม่วงเข้มเป็นพวงสวยงาม มีฝักแก่เหมือนถั่วแระขนาดใหญ่สีเหลืองอร่าม ความรู้จากพลนิกรกิมหงวนบอกผมว่าไอ้นี่แหละคือหมามุ่ย ฝักของมันนั้นมีละอองขนเล็กๆ โดนเข้าไปแล้วคันคะเยอทั้งตัว ไอ้แห้วคนขับรถเคยโดนจนต้องลงไปนั่งแก้ผ้าร้องไห้แช่น้ำในโอ่งมาแล้ว ผมก็เดินให้เฉียดไป  ไอ้ตั๋งอยู่ถัดไปจากผมเป็นคนสุดท้าย เดินหันหน้าหันหลังอยู่นั่นแหละจนไปชนเถาหมามุ่ยเข้าจนได้ พอถึงวิหารมานั่งเกาขะเยอ เป็นผื่นแดงไปทั้งตัว เพื่อนฝูงแทนที่จะสงสารกลับประนามว่าไอ้โง่เอ้ย ก็เขาร้องบอกกันแล้วให้ระวัง ดันเดินหันหลังมันก็โดนซีวะ ไอ้ตั๋งเสียงเขียวกลับมาว่า ก็ใครจะไปรู้เล่าโวัย พวกมึงไม่บอกนี่หว่าว่าหมามุ่ยเป็นพืช กูก็นึกว่าให้ระวังหมาวัดจะมากัดน่ะซีวะ
 
เพื่อนฝูงเลยขำกลิ้งนักเรียนนอกกันอีกยกใหญ่ ไม่นานเรื่องนี้ก็รู้กันไปทั้งคณะ

นี่คือหมามุ่ย อาวุธมหาประลัยที่รัฐบาลจอมพล ป.บอกให้ราษฎรไทยเก็บฝักมันไปโรยใส่ทหารญี่ปุ่นผู้รุกราน



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 379  เมื่อ 10 ก.ค. 10, 23:03

ตั้งแต่ปลายปี ๒๔๘๔-๒๔๘๘ ที่ญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในไทย    จริงอยู่ว่าไทยไม่ได้ถูกญี่ปุ่นถล่มยับเยิน  แต่ทหารญี่ปุ่นอยู่ในพระนครเต็มไปหมดในฐานะผู้อยู่เหนือกว่า     สถานที่ทางราชการหลายแห่งกลายเป็นออฟฟิศของญี่ปุ่น  หนึ่งในนั้นคือโรงเรียนเตรียมอุดม รัฐบาลประกาศให้ญี่ปุ่นเป็น "มหามิตร" ไม่ลืมกำชับกำชาให้ประชาชนร่วมมือและสนับสนุนกับทางญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ การกระทำใด ๆ ที่เป็นปรปักษ์มีโทษถึงประหารชีวิต ทำให้คนไทยไม่กล้าต่อต้านญี่ปุ่นตรงๆ   มีแต่เป็นปรปักษ์อย่างลับๆ ตั้งแต่ระดับชาวบ้านไปจนระดับชาติ

ระดับชาติคือขบวนการเสรีไทย ของคนไทยนอกประเทศ ทั้งอังกฤษและอเมริกา     ผู้นำของอเมริกาคือม.ร.ว.เสนีย์ปราโมช เอกอัครราชทูตไทย   ของอังกฤษคือท่านชิ้น  หม่อมเจ้าศุภสวัสด์วงศ์สนิท สวัสดิวัฒน์

ระดับชาวบ้าน เรียกว่า ขบวนการไทยถีบ  ดักปล้นสินค้ายุทธปัจจัยต่าง ๆ ของกองทัพญี่ปุ่นที่ขนส่งโดยทางรถไฟ  โดยลอบถีบลงกลางทาง เอาไปซ่อนตามป่าเขา บางครั้งยังแอบเข้าไปลักลอบขโมยดาบซามูไรของทหารญี่ปุ่นในเวลาหลับอีกด้วย เรียกว่า ไทยลักหลับ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ขบวนการขโมยแม้แต่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทยเอง เช่น ลวดทองแดง สายโทรศัพท์  ขบวนการเสรีไทยก็ไม่ได้นับขบวนการไทยถีบเป็นแนวร่วม

นอกจากนี้ มีการปล้นทหารญี่ปุ่นกันอย่างหนัก ซึ่งมีทั้งใช้การปล้นสะดมด้วยการรมยาให้หลับ ที่สุดมีแม้แต่การปล้นในเวลากลางวัน โดยที่โจรถึงกับทักทายทหารญี่ปุ่นก่อนลงมือปลดทรัพย์ทรัพย์และอาวุธ หรือ ปล้นทหารญี่ปุ่นด้วยไม้ตะพดชิงเอาอาวุธปืนไปได้ โดยไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน

หลังสงคราม ตำรวจต้องระดมกำลังปราบปรามบรรดาโจรผู้ร้ายซึ่งมีอาวุธที่ชิงมาจากทหารญี่ปุ่น และ บรรดาเสือร้ายต่าง ๆ เช่น กรณีการถล่มชุมโจรที่บางไผ่ ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่าง อำเภอปากท่อ ราชบุรี และ จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อ ปี พ.ศ. 2490 กว่าจะราบคาบ ก็กินเวลานานหลายปี
บันทึกการเข้า
prickly heat
อสุรผัด
*
ตอบ: 22


ความคิดเห็นที่ 380  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 00:03

เข้ามาเช็คชื่อและกราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งหลายในเรื่องกบฏแมนฮัตตันครับ.....

จะขอกรุณาติดตามเรื่องราวไปเรื่อยๆนะครับ..... ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 381  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 07:09

เพื่อให้เรามองกันครบทุกด้าน ผมจึงเอาบทสัมภาษณ์ของอดีตว่าที่ร้อยตรีหญิงจีรวัสส์ พิบูลสงคราม บุตรสาวของจอมพล ป. มาลงให้ไว้ ปัจจุบันท่านใช้นามสกุลปันยารชุน ผู้ที่สัมภาษณ์เรียกท่านว่า “คุณป้าจี” ตัดตอนเฉพาะเรื่องที่เราว่ากันในกระทู้นี้ก่อน ถ้าลงหมด เดี๋ยวได้บานไปถึงพันคคห.ดังที่ท่านอาจารย์เทาชมพูอยากให้เป็นแน่ๆ

ในยุคจอมพลป.คนจะมองว่า... (เราถามยังไม่จบคำ)

"เป็น dictator เผด็จการ ชอบว่าคุณพ่อเป็นเผด็จการ พี่พูดในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะว่าคุณพ่อเป็นเผด็จการได้ยังไง คุณพ่อให้มีเลือกตั้งแล้วก็เป็นคนเดียวที่ไม่เคยยุบสภา นายกฯตั้งหลายคนยุบสภากันมาทั้งนั้น แล้วคุณพ่อเป็นคนที่รักชาติ พี่เป็นลูกนี่พี่พูดได้เลย คุณพ่อนี่ชาติอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจะว่าชาตินิยมเลวยังไง พี่ว่าคุณพ่อนี่ชาตินิยม รักชาติที่สุดเลย อะไรๆ ก็นึกถึงชาติ พี่ว่าที่เราเปลี่ยนจากสยามเป็นไทยแลนด์ ขณะนี้มีคนพูดว่าก็ไม่เป็นไรคุณอยากเปลี่ยนเป็นสยามก็เปลี่ยนไปสิ แต่พี่ว่าสมัยเป็นสยามไม่ค่อยดีใช่ไหม อะไรๆ ก็ขึ้นกับต่างชาติ เปลี่ยนเป็นไทยแลนด์ คือรู้สึกมันเป็น independent ดี สยามต้องขึ้นอยู่กับญี่ปุ่น และก็ไม่ใช่คุณพ่อคนเดียวนะ พระองค์วรรณ (ไวทยากร) คณะรัฐมนตรีก็เห็นด้วย แต่ว่าอยากจะเป็นสยามอีกก็ไม่เห็นเป็นไร ส่วนที่ว่าภาษาไทยเป็นภาษาวิบัติ ที่ตัด ฅ.คน ออก ก็เพราะญี่ปุ่นจะบังคับให้เราเรียนภาษาญี่ปุ่น บอกว่าทางมลายู เขาเรียนภาษาญี่ปุ่นกันหมดแล้ว ทำไมเมืองไทยไม่เรียน เราบอกไม่ได้หรอก เพราะเรากำลังเรียนภาษาใหม่ของเรา สมัยนั้นเราต้องแก้เกมญี่ปุ่น"
 
"คุณพ่อทำชาตินิยม ไม่ให้คนกินหมาก ไม่ให้นุ่งผ้าโจงกระเบน เพื่ออะไรรู้ไหม ให้ญี่ปุ่นเขารู้ว่าเรานิยมฝรั่ง แต่อันนี้มันพูดไม่ได้ระหว่างสงคราม อยากให้เข้าใจเหตุผลที่เราทำอย่างนี้เป็นเพราะอะไร ญี่ปุ่นมันทันเราตลอดเวลา คุณพ่อป่วยมันก็รู้นะ ปรอทขึ้นเท่าไหร่มันยังรู้เลย แม่ทัพนากามูระยังพูดตอนที่ไปเป็นพยานคดีอาชญากรสงคราม ยังบอกว่าพูดได้คำเดียวว่าจอมพล ป.รักชาติ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาปล่อย คุณพ่อนึกถึงชาติตลอดเวลา"
 
"คุณรู้ไหม พวกคนไทยเขายังพูด คนที่เข้าข้างญี่ปุนมากที่สุดไม่ใช่จอมพลป. เป็นใครรู้ไหม-คุณควง เขาพูดถึงขนาดนั้น คุณควงกินข้าวกับนากามูระทุกวัน คุณพ่อซะอีกเวลาให้ไปกินข้าวคุณพ่อไม่ไป ส่งลูกไปเท่านั้น ให้ไปญี่ปุ่นคุณพ่อไปเมื่อไหร่ ให้พระองค์วรรณไป เครื่องบินเกือบตก ให้ไปประชุมอินโดนีเซียคุณพ่อก็ไม่ไป เมื่อตอนโตโจมามอบดินแดน 4 จังหวัดปักษ์ใต้ เขาบอกว่าจอมพลป.ไม่ได้แสดงกริยาดีอกดีใจแม้แต่น้อย และตอนที่เราต้องคืน 4 จังหวัด คุณควงให้พี่สงค์ไปกับคณะ" (ตอนนั้น พล.ร.ท.ประสงค์ พิบูลสงครามเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ)
 
"กับท่านปรีดีก็ไม่มีอะไร ก็เปลี่ยนแปลงการปกครองมาด้วยกัน แต่ช่วยไม่ได้พวกลูกน้องอาจจะไม่ค่อยชอบกัน ต่างคนต่างมีเจ้านาย แต่ในที่สุดแล้วรุ่นหลังก็มีความรู้สึกว่าทั้ง 2 คน จอมพลป. ท่านปรีดี ก็ทำเพื่อชาติทั้งนั้น ถ้าคุณพ่อไม่ปล่อยให้ญี่ปุ่นเดินทัพผ่านบ้านเมืองเราก็เละ ท่านปรีดีท่านเป็นเสรีไทยท่านก็ช่วยให้เมืองไทยอยู่รอด"
 
"คุณพ่อยังพูดในงานเลี้ยงว่าเสรีไทย ถ้าเผื่อจะสู้ มาสู้ในเมืองไทยสิ มาช่วยกันสู้ รู้ไหมยุวชนใช้หลังรองปืนกลที่ปักษ์ใต้ตั้งเท่าไหร่ ทหารญี่ปุ่นมาถึงใช้ดาบฟันพวกเราตั้งกี่คน พวกเรารู้บ้างไหมว่าสู้กันมาตั้งเท่าไหร่ แล้วจะมาบอกว่าจอมพล ป.เข้ากับญี่ปุ่นได้ยังไง ญี่ปุ่นตอนนั้นเหมือนเป็นน้ำแรงมา เขาต้องผ่านเพื่อที่จะไปสิงคโปร์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราต่อสู้เขา เขาต้องบอมบ์ทิ้งหมด เขาบอกแล้วว่าต้องเอาผ้าขาวไปปูที่สนามม้านางเลิ้ง ว่ายอมให้เขาผ่านไปหรือเปล่า ทางรัฐบาลไทยต้องประชุมกันและต้องยอมให้ผ่าน คนญี่ปุ่นที่มีหน้าที่เอาผ้าขาวไปปูที่สนามม้า เครื่องบินลำแรกมาแล้วเขาก็ไม่เห็นผ้าขาวเพราะเรายังไม่ได้ตัดสินใจ ญี่ปุ่นคนนี้บอกเขาใจหายใจคว่ำ เขาจะต้อมบอมบ์กรุงเทพฯเพราะกองทัพเขาจะต้องไปสิงคโปร์ และกำลังกองทัพเขาสด ไปดูสิสิงคโปร์ราบเรียบเท่าไหร่ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ถ้าคุณไปยุโรปจะเห็นตึกที่เป็นรูกระสุน แต่เมืองไทยเราไม่มีนะ วัดพระแก้วเรายังอยู่ ทุกอย่างเรายังอยู่"
 
แต่ดั้งเดิมมา จอมพล ป.เกลียดคนกินหมากไหม ป้าจีบอกว่าเปล่าเลย
 
"คุณย่าคุณยายก็กิน แต่เมื่อเป็นนโยบายของลูกชายไม่ให้กินหมาก ท่านก็ไม่กิน"
 
"ไม่ใช่ว่าท่านไม่ชอบ แต่เป็นนโยบายที่เราจะต้องทำให้เห็นว่าเราเป็นตัวของเรา ที่ให้แต่งตัวแบบฝรั่งโดยลึกซึ้งคือให้แกรู้ว่าฉันไม่ได้เข้าข้างแก ฉันเข้าข้างฝรั่ง บางทีมันลึกซึ้งละเอียดอ่อน ตอนนั้นมันพูดไม่ได้"
 
ป้าจีบอกว่าตอนเล็กๆ ก็ไม่ได้ใส่หมวก
 
"ไม่มี เป็นไปตามสมัย เมื่อเด็กๆ เคยนุ่งผ้าซิ่นยังไงเราก็นุ่งผ้าซิ่นอย่างนั้น คุณย่าคุณยายก็นุ่งโจงกระเบน ต่อมาก็ตอนเช้ากินไข่ แทนที่จะเป็นข้าวต้มข้าวสวย กินไข่ง่ายดี ได้กำลังด้วย คุณพ่อเป็นคนบอกให้กินไข่ สนับสนุนคุณหลวงสุวรรณฯ รณรงค์ให้กินไข่ กระทรวงเกษตรคุณพ่อเป็นคนตั้ง แต่ไม่ได้พูดถึงคุณพ่อเลย สมัยนั้น กะ อุ พา กรรม ให้รวมกัน กระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ มาสมัยนี้แหมคนไทยต้องใช้ของไทยกินของไทยเที่ยวเมืองไทย สมัยท่านจอมพลทำมาจนคนจะแตกอยู่แล้ว แล้วใครให้เครดิตท่านบ้างไหม ไม่มีเลย ไม่สงสารท่านจอมพลป.บ้างเลย"




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 382  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 07:14

สมัยจอมพล ป. ดูหนังจบนี่มีภาพจอมพล ป.ใช่ไหม

"แต่พอคุณโตมา เรื่องจอมพล ป.เหมือนกับเป็นนิยายไปแล้ว เวลานี้ไปถามเด็กรุ่นนี้จะรู้จักแค่จอมพลสฤษดิ์ ถ้าถามถึงเรื่องจอมพลป.เขาบอกว่ามันเหมือนกับนิยาย จอมพล ป.ในขบวนผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นคนที่ถูกทำร้ายมากที่สุดนะ เป็นคนถูกจ้องทำลายมากที่สุด คุณพ่อถูกวางยา กินข้าวด้วยกันนายพลเยอะแยะ รวมทั้งจอมพลฟื้นด้วย ที่นั่งกินข้าวด้วยกัน คุณพ่อยังถูกวางยา และคุณพ่อถูกยิงอีก 2 หน ที่สนามหลวงเกือบตาย ระยะเผาขนเลย มาอยู่ตรงประตูรถ พอดีก้มลงหยิบกระบี่ ตอนเผาคุณพ่อยังเห็น ข้างหลังกระโหลกยังเป็นรอยกระสุนถากไป อีกหนหนึ่งก็ไอ้ลี (บุญตา) คนสวน ไล่ยิงระยะติดๆ คุณพ่อกำลังแต่งตัวไปกินข้าวที่สถานทูตอังกฤษ มันเข้าไปยิง คุณพ่อก็วิ่งออกมาห้องพี่ แล้วออกมาอีกห้องหนึ่ง พอดีคุณเผ่าเขาอยู่ข้างล่าง ขึ้นมาล็อคไอ้ลีถึงบันได ดีที่มันยิงไม่ถูกคุณแม่ คุณแม่มาแต่งตัวห้องพี่ โต๊ะเครื่องแป้งยังเป็นรูกระสุนเลย ตอนนั้นลูกๆ ไม่อยู่บ้าน พี่อยู่โรงเรียนวัฒนา"
 
ป้าจีก็รู้จักนายลีเพราะเป็นคนในบ้าน
"มันเป็นคนสวนในบ้าน เป็นคนอุบลฯ วันนั้นนายลีไปรับน้องสาวที่อยู่โรงเรียนประจำด้วยกัน ไปรับยายเล็กกลับบ้าน เคราะห์ดีมันไม่ฆ่า ตกกลางคืนมาไล่ยิงคุณพ่อ"
 
นายลีโดนยิงเป้า "เขาว่าเวลามันจะตาย มันตะโกนบอกไหนว่าจะช่วยผมไงๆ"


แล้วคิดว่าใครสั่ง

"ต้องไปค้นคำสั่งศาล"
 
เป็นการแย่งอำนาจกันหรือ
"พี่ว่าไม่ใช่การแย่งอำนาจ เป็นการตัดคนที่มีอำนาจ"

 


บันทึกการเข้า
proudtobethai
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


ความคิดเห็นที่ 383  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 07:38

เคยฟังผู้ใหญ่ในบ้านเล่าให้ฟังถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2ว่า แถวบ้านที่ต่างจังหวัด มีบ้านบางหลังมีห้องใต้ดิน เลยโดนทหารญี่ปุ่นยึดเป็นที่พัก
หรือกองบัญชาการฯไม่แน่ใจค่ะ พอญี่ปุ่นกลับไป ห้องใต้ดินนั้น ก็กลายเป็นห้องลับเอาไว้สำหรับแอบเล่นไพ่กันเป็นประจำ ยิงฟันยิ้ม

หมามุ่ยนี่ รู้จักดีเลยค่ะ  เด็กๆแอบซนกับเพื่อน เอาหมามุ่ยไปโรยตามโต๊ะแกล้งคนอื่นซะงั้น  ขยิบตา
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 384  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 07:49

เด็กกรุงเทพอย่างผม ถึงจะรู้จักหมามุ่ยว่าไม่ใช่สัตว์ก็ไม่เคยเห็นหรอกครับ เพิ่งจะเห็นตัวจริงเสียงจริงก็พร้อมๆกับไอ้ตั๋งในวันนั้น

เอ้า..เอามาให้อ่านอีกฉบับนะคร้าบ
 
เอ๊ะ หรือผมจะกลายเป็นคนปั่นกระทู้ไปเสียเอง

ใน พ.ศ.๒๔๘๘ ตอนปลายสงคราม ค่ำวันหนึ่งได้มีการเลี้ยงแบบกันเองระหว่างฝ่ายไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งจัดสองอาทิตย์ต่อครั้งตามปกติ วันนั้นมีการรับประทานอาหารที่บ้านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ที่ถนนเพชรบุรี คืนนั้นนายกรัฐมนตรีควงได้แสดงสุนทรพจน์เป็นภาษาญี่ปุ่น คืออ่านจากตัวหนังสือไทย ที่เขียนออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วได้มีการล้อเลียนสัพยอกถึงเรื่องลูกระเบิดแบบใหม่ ที่สหรัฐทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา ว่ามีฤทธิ์เดชมากสองวันแล้วยังมีฝุ่นคลุ้งอยู่

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จก็ออกมารับประทานกาแฟ บรั่นดี และคุยกันที่ห้องกลาง ขณะนั้นมีผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น ๒-๓ นายรีบร้อนมาพบเอกอัครราชทูต และนายพลนากามูรา ซุบซิบอะไรกันอยู่ แล้วนายพลนากามูราก็รีบลากลับไปก่อนทั้ง ๆ ที่ยังรับประทานกาแฟไม่เสร็จ

ทางฝ่ายไทยก็ได้ข่าวจากขบวนการเสรีไทยว่าญี่ปุ่นได้ยอมแพ้ วันรุ่งขึ้นนายกรัฐมนตรีจึงได้เชิญนายพลนากามูรากับพวกผู้ใหญ่ฝ่ายญี่ปุ่นมาถามเพื่อยืนยัน แต่นายพลนากามูราตอบปฏิเสธ

เรื่องนี้ พันตรี ควง อภัยวงศ์ ได้เล่าว่า หลวงประดิษฐ์ ฯ ฟังวิทยุแล้วก็เรียกผมไปหา บอกว่าควง...ญี่ปุ่นยอมแพ้แล้ว เขาขอยอมแพ้โดยแจ้งผ่านทางรัสเซีย แล้วทูตญี่ปุ่นก็เชิญผมไปกินข้าว ผมแกล้งพูดสัพยอกทูตว่า ท่านทูตนา ผมนี่ตั้งต้นจับคนมามากแล้ว จับอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส แล้วก้จับพวกเยอรมัน อิตาลี ต่อไปผมเห็นจะต้องจับท่านเสียแล้ว เขาก็หัวเราะ ผมถามว่าจะยอมแพ้ใช่ไหม เขาตอบว่า โอ...ไม่ยอมหรอก ผมก็ว่าเอาเถอะถ้าท่านจะยอมแพ้ก็ขอความกรุณา อย่าเอาผมและเมืองไทยไปเกี่ยวข้องด้วย ท่านยอมไปคนเดียวก็แล้วกัน เขาก็บอกตกลง

ต่อมาไม่ถึงสองวัน นายทหารญี่ปุ่นก็แต่งตัวเต็มยศสวมถุงมือ มาเยี่ยมคำนับผม แล้วยื่นหนังสือให้บอกว่าญี่ปุ่นจะยอมแพ้แล้ว เราจะให้เขาช่วยอะไรบ้าง ผมก็ตอบว่าขอความกรุณาอย่าช่วยฉันเลย ปล่อยให้ฉันทำของฉันเองเถิด โปรดบอกแก่รัฐบาลของท่านตามนี้ด้วย ฝ่ายญี่ปุ่นเขาก็ดี เขาบอกว่าท่านจะหาวิธีอย่างไร ญี่ปุ่นไม่ว่าอะไรทั้งนั้น ขอให้เมืองไทยรอดเถอะ ผมก็ตอบขอบใจเขา

ทีนี้ผมจะหาทางออกอย่างไรเล่า ญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ไปแล้ว แต่เมืองไทยยังรบอยู่คนเดียวถึง ๑๕ วัน จอมพล ป.ก็ประกาศสงครามกับเขาเสียด้วย ใคร ๆ ก็ยอมแพ้กันไปหมดแล้ว เหลือแต่เมืองไทยเท่านั้นที่ยังไม่ยอม ตกลงว่าผมนี่ดูเก่งกาจนัก รบคนเดียวอยู่ได้ตั้ง ๑๕ วัน

ผมให้หลวงประดิษฐ์ ฯ ช่วยร่างประกาศให้ผม แล้วผมก็ไปประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทางสภาพอแว่วข่าวว่าเราจะประกาศว่า การทำสงครามของเราเป็นโมฆะก็เอะอะสงสัยกันใหญ่ ผมบอกว่านี่นิ่ง ๆ นะคุณ ประเดี๋ยวผมจะประกาศเอง แล้วผมก็เดินไปกระซิบกับบรรดาสมาชิกสภาว่า คราวนี้ถ้าพวกคุณไม่ยกมือให้พร้อมเพรียงกันละก็ตายนะคุณ ผมไม่รู้ด้วยนา ในที่สุดพวกนั้นก็ตกลง

พอผมประกาศว่าการทำสงครามเป็นโมฆะ สภาก็ลงมติเห็นชอบแหมยกมือกันพรึ่บหมด แล้วพวกนั้นก็สบายใจนึกว่าหมดธุระแล้ว แต่ไม่ใช่หมดนะ เราต้องฟังอังกฤษและอเมริกาเขาจะว่ายังไง ต่อมาอีกประมาณสามวัน อเมริกาก็ปล่อยข่าวออกมาว่าเห็นด้วย ไม่เอาธุระกับไทย ส่วนอังกฤษยังแบ่งรับแบ่งสู้ ผมก็รอดตัว ภายหลังหลอร์ดหลุยเมาท์แบทเตนโทรเลขมาถึงผม ให้จัดการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยทั้งหมด

ผมก็มาคิดว่าจะทำยังไงดี ถ้าให้ทหารไทยไปปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น ก็จะเกิดเบ่งกันขึ้น แล้วก้อาจเกิดเรื่องใหญ่ ผมจึงเชิญนายพลนากามูรามาบอกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรเขาสั่งมาอย่างนี้จะให้ฉันทำยังไง เพราะเราเป็นเพื่อนกัน นายพลนากามูราบอกว่าท่านไม่ต้องวิตกหรอก ฉันจะปลดอาวุธตัวเอง ท่านส่งทหารไปรับมอบอาวุธตามจำนวนก็แล้วกัน เรื่องก้เป็นอันเรียบร้อย

บัดนี้ผมได้ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นลงแล้ว และผมจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทางอังกฤษและอเมริกาบอกมาว่าไม่ต้องลาออกก้ได้ หลวงประดิษฐ์ ฯ ก็ไม่ยอมให้ผมออก แต่ผมชี้แจงว่าไม่ได้หรอก ผมเป็นรัฐบาลชุดร่วมสงครามกับญี่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้แล้วผมจะต้องไปด้วย จะอยู่ได้ยังไง เมื่อผมลาออกนั้น สมาชิกสภาทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายตรงข้ามก็มาขอบใจผม ที่พาประเทศไทยรอดมาได้

ความจริงเขาไม่ควรจะขอบใจผม เขาควรจะขอบคุณพระสยามเทวาธิราชมากกว่า


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 385  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 09:10

เราก็รับฟังกันได้ทั้งสองด้าน  แต่จะเชื่ออย่างไหน ย่อมเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของแต่ละคน

อ้างถึง
"คุณพ่อทำชาตินิยม ไม่ให้คนกินหมาก ไม่ให้นุ่งผ้าโจงกระเบน เพื่ออะไรรู้ไหม ให้ญี่ปุ่นเขารู้ว่าเรานิยมฝรั่ง แต่อันนี้มันพูดไม่ได้ระหว่างสงคราม อยากให้เข้าใจเหตุผลที่เราทำอย่างนี้เป็นเพราะอะไร ญี่ปุ่นมันทันเราตลอดเวลา คุณพ่อป่วยมันก็รู้นะ ปรอทขึ้นเท่าไหร่มันยังรู้เลย แม่ทัพนากามูระยังพูดตอนที่ไปเป็นพยานคดีอาชญากรสงคราม ยังบอกว่าพูดได้คำเดียวว่าจอมพล ป.รักชาติ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาปล่อย คุณพ่อนึกถึงชาติตลอดเวลา"

คุณป้าจีจำเวลาผิดหรือเปล่าคะ  กฎหมายรัฐนิยมออกมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๒   ให้เลิกกินหมาก ให้สวมหมวกนุ่งกระโปรง   ส่วนญี่ปุ่นเพิ่งมาบุกทีหลังเอาเมื่อธันวาคม ๒๔๘๔ ตอนนั้นน่ะ   รัฐนิยมออกมาหมดทุกฉบับแล้ว

ปั่นกระทู้ต่อ  ไม่ได้ ๑๐๐๐ เอา ๕๐๐ ก็ยังดี 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 386  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 09:39

เล่าต่อนะคะ
เมื่อจอมพลป. แพ้โหวตต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านก็มั่นใจว่าคะแนนเสียงท่านดีพอจะได้รับเลือกให้กลับเข้ามาใหม่   เพื่อนสนิทคู่ใจของท่านคือพล ต.ต.อดุล รมช. มหาดไทยสนับสนุนความคิดนี้อยู่   นายปรีดีก็พอมองเห็น  จึงส่งพระยาพหลลงชิงคะแนนเสียงกับจอมพล ป.   ผลออกมา พระยาพหลได้คะแนนถึง ๘๑ ต่อ ๑๙   แต่พระยาพหลปฏิเสธว่าเป็นอัมพาต    ก็ต้องลงชิงกันใหม่ นายปรีดีจึงสนับสนุนนายควง อภัยวงศ์ ให้ลงแข่ง พร้อมกับหลวงสินธุ์สงครามชัย เป็นตัวรอง   ผลคือนายควง อภัยวงศ์ได้ ๖๙  จอมพลป.ได้ ๒๒ คะแนน
เมื่อผลออกมาอย่างนี้  ประธานผู้สำเร็จราชการคือพระองค์เจ้าอาทิตย์ก็เรียกนายควงไปเจรจาขอให้ถอนตัว    ถ้าไม่ถอนตัวท่านก็จะทรงลาออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ       เราก็คงเดาออกว่านายควงคงจะไม่ถอนตัว  เพราะไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำ ในเมื่อการลงคะแนนในสภาก็ทำกันเปิดเผย ได้ตำแหน่งมาอย่างถูกต้องตามระบอบรัฐสภา
พระองค์เจ้าอาทิตย์ก็ทรงลาออกจริงๆ    ในเมื่อเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินถึงแก่อสัญกรรมไปก่อนหน้านี้   คณะผู้สำเร็จราชการ ๓ คนก็เหลือคนเดียวคือนายปรีดี พนมยงค์

เมื่อนายควงขึ้นเป็นนายก  ก็ยกเลิก "รัฐนิยม" หลายเรื่องด้วยกัน     เรื่องสำคัญสุดก็คือยกเลิกโทษของนักโทษการเมือง ด้วยการประกาศนิรโทษกรรมให้บรรดาผู้ที่ถูกจับกุมคุมขังตั้งแต่ปี ๒๔๘๒   ไปเอาชีวิตไม่รอดอยู่ที่ตะรุเตาเสียมากมาย  ให้กลับคืนสู่อิสรภาพตามเดิม
ตอนนั้นสงครามโลกเดินมาถึงตอนปลายพอดี   ฮิตเลอร์พ่ายแพ้ในศึกครั้งหลังๆหลายครั้งก็ฆ่าตัวตายพร้อมภรรยา เป็นผลให้เยอรมันยอมแพ้ต่อพันธมิตร ด้วยการเจรจาขอสงบศึก    พอศึกด้านยุโรปจบปุ๊บ  อเมริกากับอังกฤษก็ทุ่มกำลังมาทางเอเชีย เผด็จศึกญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องพะวงกับศึกสองด้านอีกต่อไป
๖ และ ๗  สิงหาคม ๒๔๘๘   ระเบิดปรมาณู ๒ ลูกก็ทิ้งลงที่ฮีโรชิม่า  และนางาซากิ    เป็นเหตุให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ต่อฝ่ายพันธมิตร พระเจ้าจักรพรรดิประกาศยอมแพ้ในวันที่ ๑๕ สิงหาคมปีนั้นเอง  สงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็จบสิ้นลง 
ส่วนทางไทย  พอญี่ปุ่นแพ้ สถานการณ์ในไทยก็พุ่งขึ้นสู่ระดับตึงเครียดสูงสุด   เพราะไทยก็ไม่รู้ว่าญี่ปุ่นในไทยจะเอายังไง  ญี่ปุ่นในไทยก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้จะเอายังไง    และที่สำคัญที่นายควงหนักใจก็คือ   ไทยดันไปประกาศเป็นปรปักษ์กันพันธมิตรมาตั้งแต่หลังทำสาบานในวัดพระแก้วครั้งโน้น     พอญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้   กลายเป็นว่าไทยประเทศเดียวยังอาจหาญครองตัวเป็นคู่สงครามกับพันธมิตรอยู่  โดดเดี่ยวประเทศเดียว

ก็ตอนนี้แหละ ที่เสรีไทยโดดเข้ามาประกาศตัวเป็นซูเปอร์แมน   เจรจากับอเมริกาและสหประชาชาติว่ารัฐบาลไทยอยู่ในภาวะจำยอม และประกาศสงครามกับฝ่ายอเมริกาอังกฤษเป็นโมฆะ เพราะลงนามไม่ครบคน  เรื่องก็จบลงด้วยดี   เราก็แค่เจ๊าไม่มีเจ๊ง   อย่างที่ท่านท่านกูรูนวรัตนตัดสินไว้นั่นละค่ะ
ดิฉันจะหยุดไว้แค่นี้ก่อน    รอว่าคุณนวรัตนจะมาเฉลยตอนจบของปริศนาระทึกใจ  ว่าใครคือ ผู้ใหญ่ ๒ ขั้ว ๒ คนที่มีบทบาทมากในขบวนการเสรีไทย   เพราะดิฉันเองก็มีรายชื่อมาเฉลยเหมือนกัน    แต่กำลังหวั่นๆอยู่ตอนนี้ว่าคนตอบกระทู้นี้ ไม่ได้นัดหมายกันเลย  ต่างคนต่างเขียน  หนังสือหนังหาก็ต่างคนต่างอ่าน    เลยไม่รู้ว่าข้อสอบข้อนี้คำเฉลยจะตรงกันหรือเปล่า   
ถ้าไม่ตรงกันขอให้ถือว่า 4 อาจไม่เท่ากับ 2+2 เสมอไป  อาจเป็น 3+1 หรือ 4+0  หรือ 5-1 ก็ได้
เพราะเรื่องใครเป็นใครในเสรีไทยนี้    เป็นเรื่องสนุกให้เล่าและถกเถียงกันได้อีกพักใหญ่   ปั่นกระทู้ได้อีกหลายสิบเชียว
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 387  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 10:22

อ้างถึง
ดิฉันจะหยุดไว้แค่นี้ก่อน    รอว่าคุณนวรัตนจะมาเฉลยตอนจบของปริศนาระทึกใจ  ว่าใครคือ ผู้ใหญ่ ๒ ขั้ว ๒ คนที่มีบทบาทมากในขบวนการเสรีไทย   เพราะดิฉันเองก็มีรายชื่อมาเฉลยเหมือนกัน    แต่กำลังหวั่นๆอยู่ตอนนี้ว่าคนตอบกระทู้นี้ ไม่ได้นัดหมายกันเลย  ต่างคนต่างเขียน  หนังสือหนังหาก็ต่างคนต่างอ่าน    เลยไม่รู้ว่าข้อสอบข้อนี้คำเฉลยจะตรงกันหรือเปล่า    
ถ้าไม่ตรงกันขอให้ถือว่า 4 อาจไม่เท่ากับ 2+2 เสมอไป  อาจเป็น 3+1 หรือ 4+0  หรือ 5-1 ก็ได้

ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ คำว่าผู้ใหญ่ ๒ ขั้วนั้นร.อ. สำรวจ กาญจนสิทธฺ์เป็นผู้กล่าว เหมือนตีหัวแล้ววิ่งเข้าบ้านไม่ได้เฉลยไว้ ผู้ถูกตีหัวก็มึนงงไปเป็นธรรมดา แต่ยังไม่ต้องรีบเดาก็ได้ครับ รออ่านให้จบเรื่องจริงๆ ที่เหลืองวดสุดท้ายนี่เนื้อๆทั้งนั้น ผมทวนไปทวนมายังไม่กล้าฟันธงเลย กลัวว่า 4 จะมาจาก x + y น่ะสิครับ

วันนี้ขอลากิจอีกแล้วครับ แต่เย็นๆจะกลับมา ถ้ากระทู้นิ่งแปลว่าท่านผู้อ่านอยากให้จบไวๆ ผมจะได้เดี่ยวจรเข้เพลงเขมรโศกาสู่ตอนจบเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 388  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 11:02

อ้างถึง
ถ้ากระทู้นิ่งแปลว่าท่านผู้อ่านอยากให้จบไวๆ ผมจะได้เดี่ยวจรเข้เพลงเขมรโศกาสู่ตอนจบเลย

ได้เวลาระดมกองเชียร์อีกแล้วละมัง


บันทึกการเข้า
proudtobethai
มัจฉานุ
**
ตอบ: 79


ความคิดเห็นที่ 389  เมื่อ 11 ก.ค. 10, 11:06

มาลงชื่อปั่นกระทู้ค่ะ  ยิงฟันยิ้ม
ก็เรื่องนี้ มันต่อยอดไปได้อีกตั้งหลายเรื่องนี่คะ ยังสนุกอยู่เลยค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 46
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 19 คำสั่ง