คุณนวรัตนอุบคำตอบว่าผู้ยิ่งใหญ่ ๒ คน ๒ ขั้วนั้นเป็นใคร ยั่วให้ระทึกไปพลางๆ
ถ้าใครอยากรู้คำตอบก่อนท่านเฉลย เห็นจะต้องหารายชื่อไปหย่อนลงตู้ แล้วค่อยติดสินบนคุณพอลยอดปลาหมึกให้เลือกตู้อีกที
กลับมาเรื่องจอมพล ป. กับญี่ปุ่น
หลังจากรัฐบาลไทยยอมให้พ่อดอกมะลิกรีฑาทัพผ่านไทย โดยระหว่างผ่านก็มาประจำอยู่ในประเทศไทยไม่ว่ากัน ๓ วันต่อมาคือ ๑๑ ธันวาคม จอมพล ป.ก็แถลงกับค.ร.ม.อีกว่า ตอนนี้ญี่ปุ่นเขาอยากให้ร่วมมือกันมากกว่านี้ คือไม่ใช่แค่เปิดประตูให้ผ่านบ้านเข้ามาเฉยๆ แต่ขอให้ร่วมรบ เรียกว่า military co-operation
ในระหว่างรอคำตอบร่วมรบ ญี่ปุ่นก็ปลดอาวุธตำรวจทหาร ในหลายจังหวัด แม้แต่ข้าหลวงผู้ว่าราชการจ.ว. ของมหาดไทยก็โดนด้วย ชาวอังกฤษอเมริกันในไทยที่ไทยส่งขึ้นรถเพื่อพาออกไปชายแดน ญี่ปุ่นก็ดักจับเอาตัวเข้าค่ายไปดื้อๆเช่นกัน
จอมพลป.ก็ใช้นโยบายผ่อนปรน เช่นเดิม ไม่สู้ ไม่ต่อต้าน ไม่ห้ามปราม ปล่อยญี่ปุ่นทำไปตามความประสงค์
จากนั้นเหตุการณ์วันประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น ในเดือนเดียวกันนั้นเอง ถัดมาอีก ๑๐ วัน รัฐบาลไทยยินยอมลงสัญญากติกาสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น มีใจความสำคัญคือตกลงเป็นพันธมิตรร่วมรบกัน คือถ้าใครมารบกับญี่ปุ่นก็เท่ากับมารบกับไทยด้วย ว่างั้นเถอะ นอกจากนี้ยังร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ การเมืองและการทหาร
สัญญานี้ ไปทำพิธีลงนามกันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เบื้องพระพักตร์พระแก้วมรกต เพื่อให้แน่นอนมั่นคงว่าสาบานต่อหน้าพระแก้ว
ถัดมาอีก ๑ เดือนกว่าๆ ไทยก็ประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เป็นพระบรมราชโองการ แต่ผู้ลงนามตัวจริงคือคณะผู้สำเร็จราชการ ประกอบด้วยพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา (ในประกาศไม่ลงฐานันดรศักดิ์ว่าเป็นพระองค์เจ้า ลงแต่ยศทางทหาร ว่า พล.ต. อาทิตย์ทิพอาภา) เจ้าพระยาพิชเยนทร์โยธิน( ลงยศว่า พลเอกพิชเยนทร์โยธิน) และคนสุดท้ายคือ นายปรีดี พนมยงค์