คำพูดของจอมพล ป. คือ
"ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้าน เพราะเราไม่มีกำลัง . . . "
และอีก ๓ วันต่อมาคือวันที่ ๑๑ ธันวาคม จอมพลป.ก็ให้ความเห็นประวัติศาสตร์ อีกครั้งหนึ่งว่า
"..แต่ในใจของผมเห็นว่าเมื่อเราจะเข้ากับเขาแล้ว ก็เข้าเสียให้เต็ม ๑๐๐ % เขาก็คงเห็นอกเห็นใจเรา . . ."
คำพูดนี้ทำให้นึกถึงคำปฏิญาณของทหารหญิงบรรทัดสุดท้ายที่ว่า
ส่วนความเสียสละเพื่อชาติ จะให้เบากว่าปุยนุ่นแต่กรณี "แมนฮัตตัน" นี่อยู่ราว ๆ 2486 แล้วครับ คงต้องรอ คุณ Navarat.c และ อ.เพ็ญชมพู เล่าอีกสักหน่อยนะครับ
คิดว่าคุณ samun007 อาจหมายถึงคุณเทาชมพูมากกว่า แต่เพ็ญชมพูก็เพ็ญชมพู
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ ผู้ก่อการกบฏที่เป็นผู้นำสำคัญ คือ พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ นายทหารนอกราชการ อดีตผู้บังคับการกรมนาวิกโยธิน นาวาเอก อานนท์ ปุณฑริกาภา ผู้บังคับการกองสำรองเรือรบ นาวาตรี มนัส จารุภา ผู้บังคับการเรือหลวงรัตนโกสินทร์ นาวาตรี ประกาย พุทธารี สังกัดกรมนาวิกโยธิน และนาวาตรี สุภัทร ตันตยาภรณ์ สังกัดกรมนาวิกโยธิน นอกนั้นเป็นทหารชั้นผู้น้อย ส่วนผู้นำฝ่ายอื่น ๆ นั้นก็ได้รับการชักชวนจากทหารเรือที่มียศระดับกลาง ๆ โดยไม่มีการให้คำมั่นเท่าที่ควร จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การกบฏประสบความล้มเหลว
เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ เวลา ๑๕.๐๐ น. ซึ่งเป็นวันและเวลาที่ทางราชการได้กำหนดให้ประกอบพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนชื่อ แมนฮัตตัน ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบให้รัฐบาลไทยตามโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบ พิธีนี้จัดขึ้นที่ท่าราชวรดิฐ เมื่อประกอบพิธีรับมอบเสร็จแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงครามก็ได้รับเชิญไปชมเรือ ขณะนั้นเอง นายทหารเรือกลุ่มหนึ่งนำโดย นาวาตรี มนัส จารุภา ได้ใช้ปืนกลจี้บังคับให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปลงเรือเปิดหัวที่เตรียมไว้ แล้วนำไปยังเรือหลวงศรีอยุธยา และคุมขังจอมพล ป. พิบูลสงคราม ไว้ ณ ที่นั้น
คณะผู้ก่อการกบฏได้ประกาศยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องทำการครั้งนี้ เพราะการบริหารงานที่เหลวแหลกของรัฐบาลซึ่งใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์และกดขี่ข่มเหงราษฎร แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติการใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากถูกโจมตีก่อน ต่อมาเมื่อถึงเวลา ๐๔.๐๐ น. ของวันที่ ๓๐ มิถุนายน การเจรจาตามมติคณะรัฐมนตรีไม่เป็นผลสำเร็จ จึงเกิดการสู้รบกันขึ้นเมื่อเวลา ๐๔.๓๐ น. ของวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ เริ่มจากฝ่ายรัฐบาล โดยกองทัพบกภายใต้การนำของ พลโท สฤษดิ์ ธนะรัชต์ กองทัพอากาศภายใต้การบัญชาของพลอากาศเอก ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี และกำลังตำรวจโดยพลตำรวจโท เผ่า ศรียานนท์ การสู้รบแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง ทหารบกเริ่มโจมตีจากด้านพระนคร กองทัพอากาศเริ่มทิ้งระเบิดที่กรมอู่ทหารเรือ และตำแหน่งคลังเชื้อเพลิง ระหว่างการสู้รบกันนั้น การเจรจาต่อรองก็ยังคงดำเนินอยู่ จนกระทั่งเวลา ๑๕.๐๐ น. เครื่องบินของกองทัพอากาศได้ทิ้งระเบิดเรือหลวงศรีอยุธยา จนกระทั่งไฟลุกไหม้และอับปางลง แต่จอมพล ป. พิบูลสงครามได้รับการช่วยเหลือจากทหารเรือให้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ณ ที่ทำการกองทัพเรือ ฝั่งธนบุรี ได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายทหารอากาศยังคงโจมตีต่อไปจนกระทั่งเวลา ๑๗.๐๐ น. เรือหลวงคำรณสินธ์ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองคลังน้ำมันอยู่ที่บริเวณกรมอู่ทหารเรืออับปางลงอีกลำหนึ่ง
รายละเอียดอ่านได้จาก
กบฎแมนฮัตตัน เรียบเรียงโดย ศุภการ สิริไพศาล และ รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
http://www.thaipoliticsgovernment.org/wiki/กบฎแมนฮัตตันคุณวิกกี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภายหลังเหตุการณ์ผู้ก่อการได้แยกย้ายกันหลบหนีไปพม่าและสิงคโปร์ น.ต.มนัส จารุภา รน. ผู้ทำการจี้จอมพล ป. ได้หลบหนีไปพม่าได้สำเร็จ แต่ถูกจับกุมได้หลังจากลักลอบกลับเข้าประเทศเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕
http://th.wikipedia.org/wiki/กบฏแมนฮัตตัน