เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 255 เมื่อ 06 ก.ค. 10, 19:13
|
|
ระหว่างที่ฝรั่งเศสกำลังรบกับไทยอยู่นั้นเอง ญี่ปุ่นก็ถือโอกาสเพิ่มกำลังพลเข้ามาในญวนจนเต็มไซ่ง่อนไปหมด พอเห็นว่าทั้งคู่ซัดกันพอหอมปากหอมคอ สูญเสียทั้งสองฝ่ายพอประมาณแล้วก็ดำเนินการเข้าไกล่เกลี่ยทันที เรือประจันบานนาโตริที่ลอยลำอยู่ในทะเลหลวงก็แล่นเข้าไปทอดสมอบีบฝรั่งเศสถึงแม่น้ำหน้าเมืองไซ่ง่อน แปลกที่ไม่ยักต้องออกแรงขู่ไทย แค่แจ้งให้ทราบหลวงพิบูลรีบส่งคณะทูตไปเซ็นสัญญาหยุดยิงบนเรือรบของญี่ปุ่น การเจรจาดำเนินต่อไปเล็กน้อยก็ได้ข้อยุติ ไทยได้ดินแดนกลับคืนมาบางส่วน 4 จังหวัด คือ จำปาสัก ศรีโสภณ มงคลบุรีและพระตะบอง รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 24,039 ตารางกิโลเมตร ไทยกับฝรั่งเศส ลงนามในอนุสัญญาสันติภาพที่กรุงโตเกียว เมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 หลวงพิบูลประกาศเป็นชัยชนะของไทย และเริ่มต้นโครงการก่อสร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ยังดำรงอยู่มาจนทุกวันนี้
ไปพบรายละเอียดอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับการประกาศชัยชนะของไทยในครั้งนี้ คือ รัฐบาลยุบเลิกตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด และพลตรีหลวงพิบูลสงคราม ได้เลื่อนยศรวดเดียวจากพลตรีเป็นจอมพลทั้งสามกองทัพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 256 เมื่อ 06 ก.ค. 10, 21:33
|
|
มาครับ มาค่ำเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
prickly heat
อสุรผัด

ตอบ: 22
|
ความคิดเห็นที่ 257 เมื่อ 06 ก.ค. 10, 22:47
|
|
ขออนุญาติเช็คชื่อว่ายังตามติดและติดตามอยู่ด้วยครับ.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yanang
อสุรผัด

ตอบ: 32
|
ความคิดเห็นที่ 258 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 00:12
|
|
ขออนุญาตเข้ามารายงานตัวด้วยคนค่ะ  ติดตามอ่านตั้งแต่กลางวัน แสบตาไปหมดเลย แต่ไม่สามารถละสายตาได้ เพราะได้รับความรู้มากจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่กรุณานำความรู้ดีๆ แบบนี้มาเผยแพร่ให้ได้ติดตามนะคะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 259 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 07:52
|
|
ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ ชื่นใจจริงๆ
วันนี้ผมขอต่อสั้นหน่อยนะครับ เพราะต้องไปวัดมกุฏฯในช่วงสายๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 260 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 07:57
|
|
เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าคณะผู้แทนไทยจะเดินทางมาไซ่ง่อนเพื่อเจรจาเรื่องการปักปันชายแดนนั้น พระยาทรงท่านพลางตัวไปซุ่มดูอยู่ไกลๆในสนามบินว่า ใครเป็นใครในคณะที่มา เผื่อจะมีคนรู้จักจะได้หาทางเชื่อมโยงแนวความคิดที่จะจัดตั้งขบวนการใต้ดินที่กำลังคิดวางแผน แต่ก็ผิดหวัง ทั้งคณะที่มาท่านไม่รู้จักหน้าว่าใครเป็นใคร พอที่จะไว้เนื้อเชื่อใจเจรจาความเป็นความตายระดับนี้ได้ จึงจำต้องสงบตนไว้
แต่สงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศสก็นำผลกระทบในทางดีมาให้ท่าน ตอนที่ตึงเครียดระหว่างกันก็เหมือนฝีกลัดหนอง พอฝีมันสุกงอมแตกออก คัดหนองออกไปแล้วแผลก็เริ่มหาย เมื่อเลิกรบกับไทยแล้ว ทางการฝรั่งเศสก็แจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้หมดความจำเป็นที่จะต้องกักบริเวณท่าน พระยาทรงเป็นอิสระ จะไปตั้งถิ่นฐานในที่แห่งใดก็ได้ในดินแดนของฝรั่งเศส
ทุกคนรีบเก็บข้าวเก็บของอยากไปพนมเป็ญโดยเร็ว เขมรกับไทยเหมือนพี่เหมือนน้องกันมากกว่าคนญวน อยู่ที่นั่นโอกาสอดข้าวตายน้อยมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 261 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 08:03
|
|
รัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศสก็ดีใจหาย พอทราบว่าท่านจะเดินทาง ก็จัดรถบรรทุกมาให้ ขามาก็ขนท่านมา ขากลับก็จะเอาไปส่ง ท่านสามารถทุ่นเงินค่าเช่ารถไปได้100เหรียญที่จะถนอมไว้เป็นทุนสำหรับการค้าขายได้ ถึงพนมเปญแล้วท่านเลือกได้บ้านเช่าเล็กๆในสวน จัดข้าวจัดของเสร็จสรรพ ทุกคนก็พร้อมที่จะต่อสู้ในสงครามแห่งชีวิตภาคต่อไป
ท่านอาจารย์เทาชมพูท่านเปรยไว้ในคคห.ต้นๆตอนหนึ่งว่า ถ้าคุญหญิงทรงสุรเดช (จนแล้วจนรอดผมก็หาชื่อตัวท่านไม่พบ) มีฝีมือในการทำอาหารการกินบ้าง ครอบครัวคงไม่ลำบากขนาดนี้ ตอนนั้นผมก็ยังไม่อยากไปออกรับแทน ก็ท่านแจ้งว่ารสชาดแบบไทยๆไม่ถูกปากคนญวน ท่านเดินทางจากประเทศไทย ตั้งใจมาอยู่พนมเปญกับสามี พอลูกไม้ลูกมือพร้อมแล้วก็จะทำขนมขาย แต่ฝรั่งเศสก็บังคับให้ท่านเจ้าคุณสามีไปอยู่เมืองญวน ท่านก็ต้องติดตามไปด้วย พอลูกไม้ลูกมือมากันครบที่พนมเปญ กลับกลายเป็นนายทหารยศร้อยเอกผู้ไม่เคยทำครัว แต่ดำรงตำแหน่งเชฟใหญ่แสดงฝีมือทำข้าวแกงขายคนเขมร ก็ยังพอขายได้ไม่อดตายแหละ ขณะนี้ท่านกลับมาใหม่แล้วพร้อมดรีมทีม ทุกคนล้วนกระตือรือล้นที่จะทำขนมแบบไทยๆให้คนเขมรลองชิมดูสักครั้ง
เริ่มต้นเอาน้ำตาลปึกจากคคห.โน้นมา ตามคุณวี_มีมาชิม อันไหนทำจากจั่นตาลรสละมุนก็เอาไว้ทำขนม อันไหนทำจากมะพร้าวรสแหลมก็เอาไปทำหอก เอ้ย..ขอประทานโทษ เอาไปรอไว้ทำข้าวแกง ขนมของท่านไม่ขี้เหนียวกระทิ จึงทั้งอร่อยหวานมัน ทั้งสะอาด วันแรกที่ลองทำขายก็ขายหมดเกลี้ยงทุกถาด วันต่อมาเพิ่มปริมาณก็เกลี้ยงอีก ขยายยอดขายทุกวันคนก็แน่นร้าน พระยาทรงท่านสะสมกำไรวันละเล็กละน้อยเป็นทุนเพิ่มในการทำขนมให้มากอย่างมากประเภท ขายดิบขายดี กิตติศัพท์ร่ำลือกันตรึมไปจนถึงระดับไฮโซ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 262 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 08:35
|
|
อ้าว ถ้างั้นก็ต้องขอขมาลาโทษคุณหญิงทรงสุรเดชละค่ะ เพราะไม่นึกว่าขนมที่ไม่ถูกปากญวน กลับกลายเป็นถูกปากเขมรเอามากๆ นึกว่าขนมอร่อย ใครกินก็อร่อยทั้งนั้น คุณนวรัตนบรรยายกับข้าวไทยและขนมไทยได้ฉาดฉาน ราวกับย้อนเวลาไปทำครัวกับคุณหญิงทรงสุรเดชมาเอง ค.ห.ข้างบนนี้คงจะทรมานใจคุณ proudtobethai ผู้หวนหาอาหารไทยไม่มากก็น้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sirinawadee
|
ความคิดเห็นที่ 263 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 08:43
|
|
อ่านแล้วเห็นภาพชัดเจนยังกับดูหนังแน่ะค่ะ เนื้อหาตั้งแต่พระยาทรงท่านออกจากเมืองไทยไปลำบากอยู่ต่างแดน ทั้งที่รู้ตอนจบ แต่ก็อดเอาใจช่วยท่านไม่ได้ สงสารท่าน แต่ก็ประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายของท่านมากๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 264 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 08:55
|
|
มาลงชื่อเข้าเรียน ให้กำลังใจคุณครูอยู่เสมอ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 265 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 09:50
|
|
กระทู้นี้ กองเชียร์คึกคักจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 266 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 10:03
|
|
ขออนุญาตคุณนวรัตน แวะเชียร์ร่วมกับคุณเทาชมพูหน่อย When C.U. boys say "Boom - ba - la - ka !" They mean to say "Dear,I love you !" When C.U.girls say "Chick - a - la - ka ! ' They mean to say " I love you too !" 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 267 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 10:45
|
|
จะร้องตอบอีกเพลง ก็เกรงว่าจะหาทางจากสามย่านกลับพนมเปญไม่เจอ เอาไว้เปิดกระทู้คาราโอเกะกันวันหลัง(เร็วกว่าวันหน้า)นะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
proudtobethai
มัจฉานุ
 
ตอบ: 79
|
ความคิดเห็นที่ 268 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 10:49
|
|
คุณนวรัตนบรรยายกับข้าวไทยและขนมไทยได้ฉาดฉาน ราวกับย้อนเวลาไปทำครัวกับคุณหญิงทรงสุรเดชมาเอง ค.ห.ข้างบนนี้คงจะทรมานใจคุณ proudtobethai ผู้หวนหาอาหารไทยไม่มากก็น้อย
ที่สุดเลยค่ะอาจารย์....... อ่านเรื่องนี้ทรมานต่อมน้ำลายจริงๆค่ะ เพราะจินตนาการภาพขนมไทยไม่ขี้เหนียวกะทิไปด้วย โอย.. สงสารตัวเอง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 269 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 11:16
|
|
เห็นใจมากค่ะ คุณพราวด์ กลับบ้านเกิดเมื่อไร อย่าลืมตรงดิ่งไปกินขนมไทยเสียให้หายอยาก จะเอารูปมาลงให้ดูก็เกรงว่าจะเป็นการทรมานคนไกลบ้านหนักขึ้น
ระหว่างดาราตัวจริงยังไม่กลับเข้ากระทู้ ดิฉันก็หาเรื่องราวมาเล่ากันหน้าม่านไปพลางๆก่อนนะคะ ********************** จอมพล ป. ในตอนนั้นดูออกว่าไทยจะต้องเจอพิษสงครามที่เริ่มต้นในยุโรปมาแต่แรก ไม่มากก็น้อย ตอนแรกก็ประกาศว่าไทยเป็นกลางอย่างเคร่งครัด แต่ต่อมาดูออกว่า ไทยจะต้องพัวพันในสงครามอย่างดิ้นไม่หลุด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก็เลยมีประกาศพระราชบัญญัติออกมาอีก กำหนดหน้าที่คนไทยในเวลารบ ต่อต้านมิให้ต่างชาติรุกเข้ามาได้ ต้องป้องกันสุดความสามารถชนิดเอาชีวิตเข้าแลก มีประกาศรัฐนิยมว่าคนไทยต้องต่อสู้ป้องกันประเทศยังไงบ้าง รวม ๑๒ ฉบับด้วยกัน
ในช่วงนี้เองเป็นช่วงที่เปลี่ยนปีใหม่ คือแทนที่จะเริ่มต้นปีใหม่จาก ๑ เมษายน อย่างที่ใช้กันมาแต่เดิม ก็เปลี่ยนเป็น ๑ มกราคม เหตุผลคือ " เพื่ออนุโลมตามปีประเพณีของไทยแต่โบราณ หรือให้ตรงกับที่นิยมใช้กันในต่างประเทศที่เจริญแล้วในปัจจุบัน" มาอธิบายให้ฟังอีกทีว่า ๑ เดิมไทยเราถือเดือนอ้ายเป็นเดือนแรกของปี ๒ ต่อมานับปฏิทินตามสุริยคติ คือนับเดือนมกรา กุมภา มีนา เมื่อจะกลับไปนับแบบโบราณคือเดือนอ้าย และก็ยังทันสมัยแบบตะวันตกด้วย ก็ไม่มีวันใดจะเหมาะเท่า ๑ มกราคม เพราะเป็นวันต้นเดือนอ้าย
สรุปแล้วในปีนั้น เลยมีแค่ ๙ เดือน เพราะอีก ๓ เดือนกลายเป็นของปีใหม่ไปแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|