กระทู้นี้ น่าจะยาวถึง ๕๐ ได้ไม่ยาก แต่ดิฉันตั้งใจจะปั่นให้ได้ถึง ๑๐๐

ลากเสื่อมาปูนั่งแถวหน้า รอฟังเมกะโปรเจคเรื่องของพระยาทรงสุรเดช จากคุณนวรัตนต่อไปนะคะ ชีวิตของพระยาทรงฯ ดิฉันไม่ทราบมากนัก ก็จะไม่แตะต้อง
ระหว่างนี้ ขอย้อนกลับมาปูแบคกราวน์ ถึงบรรยากาศในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อน
ย้อนกลับไปถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อสยามตัดสินใจเปิดประตูรับประเทศมหาอำนาจด้วยมิตรไมตรี เพื่อรักษาตัวให้รอด นโยบายเท่าทันตะวันตกอย่างหนึ่งคือ ส่งนักเรียนไทยไปเรียนในยุโรป เพื่อจะรับความศิวิไลซ์มาพัฒนาประเทศ
นโยบายนี้สืบต่อมาเรื่อย อย่างแข็งขันในรัชกาลที่ ๕ และเรื่อยต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๖ บรรดานักเรียนไทยหัวนอกทยอยกันกลับมาตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕
ในรัชกาลที่ ๖ และ ๗ พวกนี้ก็กระจายกันอยู่ในราชการหลายหน่วยงาน ทั้งทหารและพลเรือน
ความคิดที่เข้มข้นและแข็งขันของอดีตนักเรียนนอกเหล่านี้ จะหนักไปทางพัฒนาประเทศมากน้อยแค่ไหน ยังไม่เห็น แต่ที่เห็นก็คือความคิดว่า คนเก่งสามัญชนไม่สามารถขึ้นถึงยอดได้ เพราะว่ามีบุคคลที่เกิดมาเป็น "เจ้า" ครองพื้นที่ส่วนยอดในราชการไว้แล้ว และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆได้ก็เพราะโหน "เจ้า" อยู่
สังคมไทยแบบเดิม จึงไม่ถูกต้องในสายตาของนักเรียนไทยหัวนอกพวกนี้ ส่วนเรื่องความประสงค์จะเปลี่ยนสังคมเพื่อราษฎรส่วนใหญ่ที่ด้อยโอกาส อาจมองเห็นร่องรอยได้ในนโยบายของดร.ปรีดี พนมยงค์
ความมุ่งหวังจะเห็นประชาธิปไตย คือประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงสมกับเป็นระบอบการปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่
เห็นได้อีกครั้งในหนังสือ "ความฝันของนักอุดมคติ" หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไปแล้ว
บรรยากาศที่ไม่ค่อยมีใครพูดกันเต็มปากนัก จึงเป็นบรรยากาศ เกลียดเจ้า ที่แพร่สะพัดอยู่ในต้นรัชกาลที่ ๗ จนถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
หาอ่านได้ในพระนิพนธ์ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ของม.จ.พูนพิศมัย ดิศกุล เดี๋ยวจะขอเวลาย่อยมาให้อ่านกันค่ะ