http://osknetwork.com/modules.php?name=News&file=read_article&sid=671&mode=&order=0&thold=0ตำนานแห่งความอดอยากปากแห้ง ของนักเขียน นัก นสพ. และศิลปินแห่งชาติ
ตำนานแห่งความอดอยากปากแห้ง ของนักเขียน นักนสพ.ชื่อ OSK ส.อาสนจินดา
ดัดแปลงและเพิ่มเติมจากบทความโดย ลัดดา ผู้จัดการ Online 9 สิงหาคม 2546 21:46 น.
เช้านี้อากาศกรุงเทพฯ สดใสหลังฝนใหญ่ต้นเดือนสิงหา ลัดดาคิดถึงครูหนังสือพิมพ์อีกคน OSK ครู ส.อาสนจินดา
เป็น ครู ส.อาสนจินดา ผู้รู้จักมักคุ้นเป็นอันมากกับความอดอยากปากแห้งแห่งวิชาชีพ
เป็น ครู ส.อาสนจินดา ผู้มีชีวิตพลิกผันจากครูสอนหนังสือชั้นมัธยม เสมียนสหกรณ์ นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ พระเอกละครเวที ผู้กำกับการแสดง ผู้อำนวยการสร้าง กระทั่งถึงศิลปินแห่งชาติ
เป็น ครู ส.อาสนจินดา ที่ในปี2530 ได้รางวัลดาราประกอบยอดเยี่ยมจากเรื่อง " บ้าน " ในงานงานภาพยนตร์แห่งเอเซีย
เป็น ครู ส.อาสนจินดา ผู้ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2531 ในฐานะดาราสนับสนุนดีเด่น (ชาย) และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย
เป็นครู ส.อาสนจินดา ผู้กำกับบทภาพยนตร์คลาสสิคเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาที่เป็นตำนานของเมืองไทยอย่าง “7 ประจัญบาน” ในฐานะฮีโร่ซึ่งคนไทยรู้จักกันดี
ลัดดาจะกล่าวเฉพาะเรื่องราวแห่งชีวิตพิสดารของ ส.อาสนจินดา ที่ในความทรงจำของลัดดาคนวัย 73 พอจำได้หลายเรื่อง บังเอิญ 4-5 นาทีนี้นึกได้บางเรื่อง ก็อยากบันทึกไว้
เรื่องแรก เกิดราวปีพุทธศักราช 2492
หลังตกเก้าอี้บรรณาธิการ ‘8 พฤศจิ’ ได้ไม่กี่วัน ส.อาสนจินดา ไม่มีบ้านของตนเอง ต้องกลับไปอาศัยนอนในกุฏิพระวัดมหรรณพฯ
วันหนึ่งเขาสวมเครื่องแต่งกายที่มีอยู่ชุดเดียว นุ่งกางเกงก้นปะตัวเก่า นำต้นฉบับเรื่องสั้นชื่อ ‘หมึกพิมพ์บนฝ่ามือ’ ไปขาย อิศรา อมันตกุล ผู้ให้ความอบอุ่น ให้ความเมตตาเสมอมานับนาน
อิศรา อมันตกุล ช่วงนั้นเป็นบรรณาธิการ ‘เอกราช’ มีสำนักงานอยู่หลังอาคาร 9 ถนนราชดำเนิน
พลันที่ก้าวเข้าไปห้องกองบรรณาธิการ ได้ยินเสียงอิศรา อมันตกุล ดังขึ้นก่อนว่า
“นี่ไง เพื่อนฝูงนี่แหละ ม.จ.นิรันดร์ฤทธิ์ธำรง พระเอกละครเวทีของนาย เขาเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าพวกเราแล้ว”
อิศรา อมันตกุล บอกกับ ศักดิ์เกษม หุตาคม เจ้าของนามปากกา ‘อิงอร’ ชาวสงขลา ที่เข้ามารับราชการในกรุงเทพ แล้วเขียนนวนิยายเรื่อง 'ดรรชนีนาง' ลงในหนังสือประชามิตรมีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อนำมาแสดงละครที่ศาลาเฉลิมนคร โดยมีพระเอกนักประพันธ์ คือ ส. อาสนจินดา
ควรทราบว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ศักดิ์เกษม หุตาคม นั่งตื๊อปั้นหน้าอย่างคนมีปัญหาความคิด ให้อิศรา อมันตกุล ตกลงปลงใจรับบท ม.จ.นิรันดร์ฤทธิ์ธำรง พระเอกละครเรื่อง ‘ดรรชนีนาง’ ที่จะแสดงบนเวทีศาลาเฉลิมนครในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้าแทน สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ พระเอกตัวจริงผู้ตกปากรับคำแล้วกลับถอนตัวอย่างปัจจุบันทันด่วน
เมื่อ อิศรา อมันตกุล ปฏิเสธอย่างหัวเด็ดตีนขาดว่าเล่นไม่เป็น เล่นไม่ได้ ศักดิ์เกษม หุตาคม จึงหันมาร้องขอ ส.อาสนจินดา ให้ช่วยขายผ้าเอาหน้ารอด
ในชั้นต้น ส.อาสนจินดา ขัดข้องว่าตนเองกำลังเตรียมการจะลาบวช ที่พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา ทว่าเมื่อเห็นตัวเลขรายได้ประมาณ 1,000 บาท จากการเล่นเป็นพระเอกละคร 12 วัน 32 รอบ
ส.อาสนจินดา นั่งอึ้งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบตกลงใจให้เพื่อนฝูงไชโยโห่ร้องกันลั่นโรงพิมพ์
ถามว่า ส.อาสนจินดา คิดอย่างไรกับการตัดสินใจในวันนั้น
ส.อาสนจินดา เคยตอบผู้สนิทสนมบางคนว่า เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก ในความเป็นจริง วันนั้นเขาหิวโหยมากกว่ากินกาแฟ 8 ถ้วยต่างข้าวตั้งแต่เช้า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ 6 บาท และดีใจตายโหงเมื่อยินว่าค่าตัวพระเอกจะได้ตั้งพัน
อนึ่ง มีเกร็ดเรื่องเพลงสากลเพลงหนึ่งที่ใช้ทำนองเพลงไทยเดิมนั่นคือเพลง "เดือนต่ำ-ดาวตก"
เดือนต่ำดาวตก (ฮัม) วิหคร้อง เหมือนเสียงน้องครวญคร่ำร่ำเฉลยสารภีโชยกลิ่นเรณูเชย เหมือนพี่เคยจูบเกศแก้วกานดา หอมระรวยชวนชื่นระรื่นจิตถวิลคิดครั้งเมื่อขนิษฐา สละศักดิ์ฐานันดรดวงดอกฟ้าต้องหนีหน้าวงศ์ญาติมาด้วยกัน ณ เวิ้งอ่าวชายฝั่ง ณ ที่นี้ น้องช่วยพี่สร้างห้องหอสวรรค์ กระท่อมน้อย (ฮัม) คอยเตือน เรือนผูกพัน ระลึกวันขวัญสวาท อนาทรัก
เพลงพม่าแปลง อัตราสองชั้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ม.ล. ต่วนศรี วรวรรณ ได้ดัดแปลงทำนองมาจากเพลง มอญแปลง และเรียกชื่อใหม่ว่าเพลง มะตะแบ แต่คนทั่วไปเรียกว่า พม่าแปลง ใช้บรรเลงตอนนางเอกโศกเศร้า ต่อมา ศ.ดร. อุทิศ นาคสวัสดิ์ ได้นำเพลงพม่าแปลงสองชั้น มาแต่งขยายเป็นอัตราสามชั้น และตัดลงเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา เพลงเดือนต่ำ-ดาวตก นี้ ครูแจ๋ว วรจักร หรือสง่า อารัมภีร ได้เขียนเล่าความเป็นมาของเพลงไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2492 “อิงอร” หรือนายศักดิ์เกษม หุตาคม ไปที่บ้านคุณชลหมู่ ชลานุเคราะห์ (ท่านเป็นสามีผู้ล่วงลับของคุณสุวรรณี ศิลปินแห่งชาติอีกท่าน และยังมีศักดิ์เป็นปู่ของ อุ้ม จารุตม์ OSK110) และไปแต่งเนื้อเพลง เดือนต่ำ-ดาวตกใช้เวลาเพียงสั้นๆเท่านั้นก็แต่งได้สำเร็จแล้วนำทำนองเพลงพม่าแปลง สองชั้นมาดัดแปลงบรรจุคำร้อง ให้ชื่อว่าเพลง เดือนต่ำ-ดาวตก
เพลงนี้ ปรีชา บุนยเกียรติ เป็นผู้ร้องหลังฉาก แทนพระเอก ส. อาสนจินดา โดยให้พระเอกทำลิปซิ้ง ทำให้เพลงโด่งดังมาก ปรีชา บุนยเกียรติ ได้นำติดตัวไปร้องตามวิทยุ กรมโฆษณาการ และกรมไปรษณีย์ที่่กระจายเสียงอยูที่ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า แถวๆโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ทำให้ปรีชา บุนยเกียรติ มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วไปนับแต่นั้นมา
***************************
เรื่องที่สอง เกิดระหว่างปี 2490
มีสองเหตุการณ์ที่ ส.อาสนจินดา ไม่เคยลืมความอดอยากปากแห้งแสนสาหัสระหว่างเป็นบรรณาธิการ ‘8 พฤศจิ’ ต้องอาศัยนอนโรงพิมพ์เพราะไม่มีบ้านอยู่
คืนหนึ่งท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เสื้อหนาวไม่มีใส่ ส.อาสนจินดา หลบลงนอนคุดคู้ห่มผ้าผวยอยู่ใต้โต๊ะทำงานที่โรงพิมพ์ 2 คูหาละแวกสะพานผ่านฟ้า กับเพื่อนรุ่นน้องสองคนชื่อ ประทีป โกมลภิส กับ สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช
มีเพื่อนเก่า ตมธ.รุ่น 4 ของ ประทีป โกมลภิส ชื่อ สนิท เอกชัย แวะมาเยี่ยมเยียน
เมื่อยินเสียงขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวกุกกักใต้โต๊ะทำงานในห้องที่แสงไฟสลัว สนิท เอกชัย ถาม ประทีป โกมลภิส ว่า
‘เอ็งเอาลูกหมามาเลี้ยงไว้ใต้โต๊ะนี้ด้วยหรือวะ’
ประทีป โกมลภิส รีบบอก
‘ไม่ใช่ลูกหมาโว้ย เขาเป็นลูกพี่อั๊ว เขาเป็นบรรณาธิการ เขาชื่อ ส.อาสนจินดา
พลันที่ สนิท เอกชัย ยินชื่อ ส.อาสนจินดา เขาลิงโลดยินดีว่ารู้จักชื่อเสียงเป็นนักเขียนหน้าใหม่เขียนเรื่องสั้นชื่อ ‘รอยไม้ที่หลังแขน’ กับ ‘เจ็บถึงหัวใจ’ ลงใน ‘สุภาพบุรุษ-ประชามิตร’ เขียนดีมาก ‘อั๊วเพิ่งอ่านวานนี้ อั๊วอยากรู้จัก’
แล้ว สนิท เอกชัย ก็นั่งคุกเข่าลงคารวะบรรณาธิการ ‘8 พฤศจิ’ ที่เลิกผ้าผวยยื่นหน้าในชุดเสื้อกล้าม นุ่งผ้าขาวม้า ขึ้นมารับไหว้ให้เห็นว่าเป็น ส.อาสนจินดา หาใช่ลูกหมาไม่
อีกเหตุการณ์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เมื่อ ส.อาสนจินดา ท้องกิ่วหิวโหย ไม่มีเงินเลยสักบาท ลูกน้องอีก 6-7 คน ก็โรยแรงตั้งแต่เช้าหามีอะไรตกถึงท้องไม่
ส.อาสนจินดา ตัดสินใจถอดนาฬิกาข้อมือให้ สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช นำไปเข้าโรงรับจำนำเยื้องโรงพิมพ์ ฟากถนนฝั่งตรงข้าม
หลงจู๊โรงรับจำนำพิจารณาแล้วบอกนาฬิกาข้อมืออะไรวะ เสียงดังยังกับโรงสี พลางหยิบเงินรับจำนำให้แค่ 2 บาท
สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช บอกหลงจู๊ว่า นาฬิกาเรือนนี้เป็นของลูกพี่บรรณาธิการ คนร่างสูงหล่อผมหยักศก เขาจะเอาเงินไปซื้อข้าวซื้อน้ำให้พวกอั๊วกินแค่ 2 บาท จะพอยาไส้อะไรที่ไหนกัน
ปรากฏว่า หลงจู๊เห็นใจเพิ่มให้จาก 2 บาท เป็น 8 บาท อาหารคนในกองบรรณาธิการ ‘8 พฤศจิ’ เที่ยงวันนั้น จึงมีทั้งข้าวผัด ทั้งก๋วยเตี๋ยว กินอย่างอิ่มหมีพีมันกัน 7-8 ห่อ
ที่มา:
http://www.thaiday.com/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=4621380135416 http://www.dontrithai.com/other/other13.htm# เพลง%20เดือนต่ำ-ดาวตก
http://www.meetingmall.com/society/glad/subject/51.htm http://www.thaitv3.com/aboutus/about_award-tv1.html http://www.businessthai.co.th/content.php?data=402619_Media