เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 5104 รู้สึกอย่างไรกับการที่ไทยเผากรุงเวียงจันทน์เสียราบคาบตอนสมัย ร.๓
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 29 มี.ค. 01, 15:56

กระทู้ต่อเนื่องจากกระทู้พม่าเผาเมือง
บันทึกการเข้า
tonphai
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 06 ก.พ. 01, 17:23

เสียดายเมืองนะครับ  ทั้งที่เวียงจันทน์ในสมัยนู้นน่าจะเป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดในสามหัวเมืองลาวและน่าจะเป็นเมืองมากที่สุด(หลวงพระบาง,เวียงจันทน์และนครจำปาศักดิ์)แต่นั่นก็เพราะไทยเราไม่ต้องการผลที่ตามมาจากการรบที่จะเกิดขึ้นต่อนั่นคือไม่อยากให้คนในราชวงศ์เวียงจันทน์จะอาศัยเวียดนามก่อสงครามเพื่อยึดเวียงจันทน์อีกครั้ง   แต่ที่แน่ๆนะครับเจ้าพระยาบดินทร์เดชาที่ไปทำหน้าที่เผาเมืองก็ไม่ได้เผาวัดวาอารามเลย
บันทึกการเข้า
รักเมืองลาวเเหมือนรักเมืองไทย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 07 ก.พ. 01, 00:39

รู้สึกเหมืือนตอนที่พม่ามาเผาเมืองไทยครับ
บันทึกการเข้า
นิรันดร์
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 ก.พ. 01, 13:13

สงคราม ไม่น่าจะดีกับใครเลย
ทุกฝ่ายเจ็บปวด เพียงอาจเจ็บมาก เจ็บน้อย
แต่เจ็บทุกฝ่าย
ลาวกับไทยก็พี่น้องกัน เราพูดภาษาไทย คนลาวก็ฟังรู้เรื่อง
เขาพูดลาวมา เราก็ฟังออก
ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมก็เหมือนกันอยู่เป็นจำนวนมาก
น่าสงสารเขา คิดถึงว่าเราเจ็บปวดเพราะพม่าเผาบ้านเรา
ลาวก็คงเจ็บปวดเหมือนกัน แล้วก็อาจเจ็บใจมากเพราะคนเผาเป็นพี่

ตอนนี้ก็กรุ่น ๆ กับพม่าอยู่
เจ้าประคู้น เลิกทะเลาะกันเร็ว ๆ เถอะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 ก.พ. 01, 20:01

สงครามไม่มีความปรานี แต่ละฝ่ายทำเพื่อความดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ครับ ผมอยากจะชี้ประเด็นนี้แหละ ถ้าเราใช้ลัทธิชาตินิยมมากำหนดทิศทางความคิดของเรา จะทำให้เราไม่เห็นความจริง
กรณีที่แม่สายตอนนี้พม่ารบกับชานซึ่งก็คือไทยใหญ่ คนเผ่าพันธุ์เดียวกับเราพูดภาษาเดียวกับเราและถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เป็นกำลังสำคัญในทัพพม่าของบุเรงนองในสงครามคราวเสียกรุงครั้งแรกด้วยครับ
ชาวบ้านไม่มีใครอยากรบหรอกครับ อยู่บ้านกินเป็ดกินไก่สบายกว่ากันเยอะเลย
บันทึกการเข้า
koong
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 13 ก.พ. 01, 16:12

มีแต่คนไทยล่ะครับ  ที่คิดว่าไทยลาวเป็นพี่น้องกัน
 
คนลาวเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกครับ  เขามาองว่าคนไทยคือคนที่ไปเอาเปบรียบเขา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 13 ก.พ. 01, 17:26

ในการสงคราม ผู้แพ้ย่อมเจ็บปวด  ผู้ชนะย่อมยินดี
แต่ไม่เห็นด้วยถ้าเราจะมองอย่างเฉยเมยว่าเป็นเรื่องธรรมดา  จนไม่ควรเอาอารมณ์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
การมองแบบชาตินิยมมีอยู่ในทุกประเทศไมว่าชนะหรือพ่ายแพ้สงคราม
ถ้าการมองแบบนั้นเป็นบทเรียนสอนใจคนในประเทศ ให้เอาอดีตมาสอนปัจจุบันและอนาคต  ไม่ใช่มองเพื่อเจ็บแค้นหรือรุกรานตอบ  ดิฉันเห็นว่าดีกว่าจะมองข้ามไปค่ะ
บันทึกการเข้า
นิรันดร์
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 19 ก.พ. 01, 11:08

อย่างนี้คุณ koong คิดว่า คนกรุงเทพฯ เอาเปรียนคนต่างจังหวัดหรือเปล่า
แล้วเราเป็นพี่น้องกันไหม
อย่างนี้คุณ koong คิดว่า คนอำเภอเมือง เอาเปรียนคนต่างอำเภอนอก ๆหรือเปล่า
แล้วเราเป็นพี่น้องกันไหม
อย่างนี้คุณ koong คิดว่า คนปากซอย เอาเปรียนคนก้นซอยหรือเปล่า
แล้วเราเป็นพี่น้องกันไหม
คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบกันด้วยความจงใจเลยหรือ
เวลาให้ข้าวหมากิน หมาตัวใหญ่แย่งกินก่อน หมาตัวเล็ก อย่างนี้เรียกเอาเปรียบหรือเปล่า

คุณว่าคนลาวน่าจะรักฝรั่งเศส มากกว่าคนไทยหรือ
ผมเคยรู้จักคนลาว เขาพูดภาษาไทยชัดกว่าคนไทยในกรุงฯเสียอีก
เขาเรียนหนังสือก็ใช้ตำราไทย สสวท.
คุณพูดไทยไป ลาวก็พอฟังรู้เรื่อง
ลาวพูดไทยมา เราก็พอฟังออก

บางที คนในครอบครัวเดียวกัน พูดภาษาไทยด้วยกัน
ออกมาจากท้องแม่เดียวกัน พูดกันฟังไม่รู้เรื่องก้อมีถมไป

สรุป อย่ารบกัน ดีที่สุดครับ
ได้เปรียบเสียเปรียบกันบ้าง ทนได้ก็ทนไป
บันทึกการเข้า
koong
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 20 ก.พ. 01, 18:07

คุณนิรันดร์ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ ว่าข้อความชองคุณต้องการจะบอกอะไรผม
บันทึกการเข้า
วราริฤนธิ์
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 30 มี.ค. 01, 03:56

ดิฉันว่าดิฉันเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณkoong นะคะ เพราะคนไทยเรานั้นมักจะลืมเรื่องที่ไม่ดีของตนเสียแทบทั้งสิ้น พูดแต่ในส่วนดี และ พอใจ ภาคภูมิในสิ่งที่บรรพบุรุษท่านได้ทรงทำ และ ทำ ไว้ แต่เราไม่ใคร่จะนำบทเรียนเก่าๆมาประยุกต์ใช้กับเรื่องราวที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน เราจึงประสบแต่ปัญหา และ พัฒนาได้ไม่ก้าวไกลเสียที แต่ สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ เป็น "นิสัยเสีย" ของคนไทยก็คือ ลืมอะไรง่ายๆ (ในสิ่งที่ไม่ดี) ยกตัวอย่างที่เห็นกันได้ชัดๆก็เช่น เหตุการณ์ที่ไทยเราเคยตกเป็นทาส IMF มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ทศวรรษ ที่แล้ว แต่ พอมาครั้งนี้ เราก็ลืมไปนึกว่าเป็นครั้งแรกของเรา นี่แหละค่ะ คำนิยามของ "ความเป็นไทย"
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 19 คำสั่ง