เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 5
  พิมพ์  
อ่าน: 20644 หลวงบุณยมานพพาณิชย์ - "แสงทอง"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 29 พ.ค. 10, 08:34

เมื่อเรียนอยู่ปี 4  พวกเราจัดมีตติ้งใหญ่ เป็นการส่งท้ายชีวิตนิสิตไปด้วยในตัว   ยกโขยงกันไปฉลองที่ชะอำ   ค้างที่บ้าน "แสงทอง" ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศริมทะเล    
เพื่อนคนหนึ่งของเราเป็นหลานตาของ"แสงทอง"   พวกเพื่อนๆที่เรียนวรรณคดีด้วยกันมากระซิบบอก     ทำเอาตื่นเต้นไปหลายวัน เพราะเรียนกันมา 4 ปีแล้วเพิ่งจะรู้   พอรู้ก็เรียนใกล้จบพอดี
ไม่มีโอกาสรู้จักคุณตาของเพื่อน   ท่านถึงแก่กรรมไปตั้งแต่ก่อนดิฉันเข้ามหาวิทยาลัย

ตอนเด็กๆ แม่เคยเล่าเรื่อง "อติรูป" ที่เป็นงานดังที่สุดของ "แสงทอง" ให้ฟัง  แต่ไม่มีหนังสือที่บ้าน
อยากอ่านก็ไปหาอ่านงานของ "แสงทอง" เอาจากห้องสมุด   อีกนานหลายสิบปีจึงไปหาผลงานของท่านมาเป็นสมบัติส่วนตัวได้
งานของท่านเป็นหนังสือแปล รวมเล่ม  ในแต่ละเล่มมีหลายเรื่อง รวมเป็นชุด  
ท่านเรียกงานของท่านว่า "วรรณวิจิตร"  ซึ่งเป็นคำที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

หนังสือชุดนี้เหลืออยู่ในกรุหนังสือหลังวังบูรพา  ขายด้วยราคาหายากมาก คือ 20 บาท ซื้อมาได้ 2 เล่ม  ลูกศิษย์ไปเจอเล่มสุดท้าย  ซื้อมาฝากครูด้วยราคาหายากยิ่งกว่า  คือ 10 บาท

เก็บหนังสือไว้ในตู้เหล็ก   เพราะกลัวที่สุดว่าถ้าปลวกมาเยือนแล้วจะหาที่ไหนไม่ได้อีก  ใช้สอนประกอบวรรณกรรมแปลให้นศ.ปริญญาโท ทั้งที่ม.ศิลปากรและม.มหิดล มาหลายปี
เสียดายอย่างเดียวคือหาต้นฉบับภาษาอังกฤษไม่ได้   ครั้งหนึ่งโทร.ไปหาเพื่อนคนนั้น เธอก็ใจดีมาก  ถ่ายเอกสารบางเรื่องส่งมาให้  เธอมีอยู่แค่นั้นเอง
จนกระทั่งเกิดโลกไซเบอร์ขึ้นมา   ดิฉันก็ไปท่องเที่ยวอยู่ในนั้น หาวรรณกรรมอังกฤษเก่าๆมาอ่าน   แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอต้นฉบับภาษาอังกฤษของ "วรรณวิจิตร"
จนกระทั่งมาเจอเมื่อไม่กี่วันนี้เอง  ว่ามีเว็บหนึ่งเขาเอามาลงแล้ว    แม้ว่ายังไม่ครบทุกเรื่อง ก็มากพอจะเอามาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 09:00

ดิฉันเคยถามเพื่อนด้วยความทึ่ง ว่า คุณตาของเธอเรียนจบจากเมืองนอกหรือ ถึงเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษขนาดแปลงานได้อย่างวิจิตรถึงเพียงนี้    
เพื่อนบอกว่าคุณตาไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก แต่ท่านเป็นคนสนใจใฝ่รู้เรื่องหนังสือหนังหา   เคยไปดูงานรอบโลกมาแล้วสมัยรับราชการ
ไปเปิดประวัติของท่านดู     นึกถึงที่ผู้ใหญ่เคยเล่าว่า นักเรียนในโรงเรียนดังๆของกรุงเทพ ในยุครัชกาลที่ ๖ หรือที่ ๗    แค่จบมัธยมปลาย  ก็แตกฉานภาษาอังกฤษ   สามารถแปลหนังสือและบทหนังได้สบาย  
นึกถึงคำบอกเล่านี้ได้อีกครั้ง เมื่ออ่านประวัติท่าน" แสงทอง"  

" แสงทอง "มีชื่อจริงว่า อรุณ บุณยมานพ  เป็นบุตรคนแรกของมหาอำมาตย์ตรี พระยาสัตยพรตสุนันท์ (บุ๋น บุณยมานพ) กับคุณหญิงปุก  เกิดเมื่อ  ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๖
ท่านได้รับการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนแหม่มศรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเป็นแห่งแรก แล้วย้ายไปศึกษาต่ออีกหลายแห่งคือ ที่โรงเรียนบำรุงสตรีวิทยา โรงเรียนมัธยมวัดราชบูรณะ โรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์ และไปจบมัธยมศึกษาปีที่ ๘ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปากคลองตลาด จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนกฏหมาย ของกระทรวงยุติธรรม ในช่วงพ.ศ.๒๔๕๖ - ๒๔๖๒

*ท่านเป็นศิษย์เก่าร.ร.เดียวกับท่านตนกูอับดุล เราะห์มาน ด้วย* ยิงฟันยิ้ม

เริ่มรับราชการในโรงภาษี หรือ กรมศุลกากร กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๔ จากนั้นได้ย้ายไปทำงานในกระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเศรษฐการ แล้วโอนไปเป็นหัวหน้ากองการสังคีต และที่ปรึกษาการละครกรมศิลปากร ซึ่งขึ้นตรงกับ สำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาโอนไปเป็น หัวหน้ากองกระจายเสียง กรมประชาสัมพันธ์ จากนั้น  ลาออกจากราชการมาประกอบอาชีพส่วนตัว


เนื่องจาก"แสงทอง" เป็นคนชอบอ่านหนังสือตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักเรียน เมื่อไปรับราชการที่กรมศุลกากร ในปี พ.ศ.๒๔๗๔  จึงได้เริ่มทดลองประพันธ์ โดยสมัยนั้นละครปรีดาลัย และคณะปราโมทัย เป็นมหรสพที่ได้รับความนิยมมาก โดยมีพระโสภณอักษรกิจ (เล็ก สมิตศิริ) แห่งคณะปราโมทัยซื้อบทประพันธ์ในราคาเรื่องละ ๕๐บาท แสงทองจึงได้แต่งบทละครชื่อว่า "ซ้อนกล" ส่งไปชิ้นแรกและปรากฏว่าใช้ได้

ในประวัติของท่านที่ลงในเว็บไซต์ร.ร.เทพศิรินทร์  เล่าถึงนามปากกาของท่านผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย คือเล่าว่า
"หลวงประสานอักษรพรรณ ผู้ตรวจบทละคร ได้ถามว่าจะใช้นามปากกาว่าอะไร จึงตอบไปว่า "แสงทอง" และใช้นามปากกานี้เรื่อยมา"
ความจริง "แสงทอง" เล่าถึงนามปากกาของตัวเองว่า
"เมื่อข้าพเจ้าแต่งละครไปให้โรงปราโมทัยเล่น   ข้าพเจ้ายังไม่มีนามปากกา    หลวงประสานอักษรพรรณ(ช่วง อิศรภักดี) ผู้ตรวจรับบทละครถามว่า จะให้ลงนามปากกาว่าอะไร    ข้าพเจ้าตอบว่าอะไรๆที่คล้ายนามตัวข้าพเจ้า คือ อรุณ ก็ได้    คุณหลวงประสานฯ ก็ตั้งให้ว่า "แสงทอง"  และได้เริ่มเป็นนามปากกาของข้าพเจ้ามาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๕๕"

สมัยนั้นหนังสือพิมพ์สนามมวย ออกเป็นรายเดือนประกาศค่าเขียนหน้าละ ๑บาท แสงทองจึงแปลเรื่อง "นักสืบสตรี" ส่งไปเป็นเรื่องแรก และมีกำลังใจเขียนต่อไปเพราะทุกๆเรื่องได้พิมพ์หมด ถึงขนาดที่รับเงินเดือนจากกรมศุลกากร ๕๐  บาทแต่ได้รับจากบทละครเดือนละ ๒๕๐ บาทเลยทีเดียว

ดิฉันก็ไม่รู้ว่าค่าของเงินสมัยรัชกาลที่ ๗ เมื่อเทียบกับสมัยนี้ จะต้องคูณเข้าไปกี่เท่า    ลองสมมุติบนพื้นฐาน  ว่าคุณหลวงเป็นข้าราชการกรมศุลกากร  ทำงานจนอายุสามสิบปลายๆ  ถ้าเป็นปัจจุบัน เงินเดือนอาจจะประมาณสองหมื่นห้าพันบาท
๕๐ อดีต  = ๒๕,๐๐๐ ปัจจุบัน
๒๕๐ คือ ๕ เท่าของเงินเดือน   เท่ากับท่านได้ค่าบทละคร  ๑๒๕,๐๐๐ บาท ต่อเดือน   ตกใจ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 09:45

           ดีใจมากครับ ที่อาจารย์ตั้งกระทู้นี้
       ตอนเป็นเด็กมัธยมเคยอ่าน "วรรณกรรมของแสงทอง" จากห้องสมุดโรงเรียน
ยังประทับใจมาจนปัจจุบัน

        มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ตัวเอกคือนางเอกนั้นฉลาดล้ำ ชายใดตั้งปัญหาที่เธอตอบไม่ได้จึงจะ
คู่ควรสมเป็นคู่ครองเธอ
        หลากชายหลายคนต่างผิดหวังกลับไป เหลือแต่พระเอกคนเดียวที่เฝ้าขบคิดหาคำถาม
จนในที่สุดก็สำเร็จ ด้วยคำถามที่เหมือนหญ้าปากคอก
       นางเอกชื่อ อปราชิตา ซึ่งในอรรถกถามีข้อความแก้อรรถว่า - อันใครๆ ให้แพ้ไม่ได้
   
 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 10:08

ใจชื้นว่าได้กองเชียร์มา ๑ คนแล้ว   เป็นคนที่เคยอ่านวรรณกรรมของแสงทองเสียด้วย  ยิงฟันยิ้ม
อาจจะเลี้ยวแยกซอย ออกนอกเรื่องไปบ้างนะคะ   โปรดคิดเสียว่า มีแต่ข้าวผัดล้วนๆก็หนักท้อง  ต้องมีแกงจืด  ซดแก้ฝืดคอ

ชื่อ อปราชิตา  = invincible   ความหมายตรงกับชื่อผู้หญิงอังกฤษว่า Victoria    ถ้าเป็นชายชื่อ อปราชิต   แกก็ต้องชื่อ Victor  ถ้าแปลงสัญชาติเป็นอังกฤษ
*********************
แสงทองเป็นนักประพันธ์คุณภาพแถวหน้า ที่มีความสามารถหาตัวจับยากอีกอย่างคือผลิตงานวรรณศิลป์ได้ทุกประเภท     
นักเขียนส่วนใหญ่จะถนัดแนวเดียว หรืออย่างดีก็ ๒ แนว   เช่นเขียนนวนิยายกับเรื่องสั้น  หรือเขียนบทกวีกับบทความ   บางคนเริ่มมาแนวหนึ่งแต่พอไปจับอีกแนว ถูกใจกว่า ก็เลิกแนวแรกไป 

แสงทองเขียนได้ถึง ๕ แบบ คือ
๑  เรื่องสั้น
๒  บทละคร
๓  เรื่องแปล
๔  กวีนิพนธ์
๕  บทความด้านภาษาและหนังสือ

ในที่นี้ขอเล่าเรื่องสั้นกับเรื่องแปล
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 15:53

เรื่องสั้นที่ดังที่สุดของ "แสงทอง" คือเรื่อง "เงินฟุบ"
เรื่องมีอยู่ว่า  ยุคหนึ่ง  เกิดภาวะวิกฤตการเงินของประเทศไทย   เงินเฟ้อจนฉุดไม่อยู่   รัฐบาลก็เลยสร้างนโยบายใหม่เฉียบคม   คือ "เงินฟุบ" พลิกล็อคให้เงินกลายเป็นหนี้    แทนที่คนไทยจะเป็นหนี้สิน  หาเงินไม่พอใช้กันทั้งประเทศ  นโยบายนี้สั่งให้จ่าย จ่ายและจ่าย เพื่อการอยู่รอด
รัฐบาลจ่ายเงินให้ประชาชนใช้   โดยกำหนดว่าจะต้องจ่ายให้มากที่สุดจนไม่มีเหลือ     ไม่งั้นใครมีเงินมากเกินไป จะล้มละลาย
เปิดฉากขึ้นมา สามีภรรยาตัวละครเอก นั่งทุกข์ร้อน  มีเงินกองกันอยู่เต็มโต๊ะ      ค้นคิดกันหัวแทบผุว่าจะจ่ายยังไงให้หมด  เพราะมีแต่รายรับเข้ามาเกินรายจ่าย
เมียบ่นว่าไปตลาด   ซื้อของกิน ต้องต่อรองกับแม่ค้าเอาเป็นเอาตาย     จะซื้อปลาทูเข่งละ ๑๐ บาท  ขอต่อว่ารับเงินจากแม่ค้าแค่ ๖  บาทได้ไหม   แม่ค้าไม่ยอม จะจ่ายให้ลูกค้าเข่งละ ๘ บาทอย่างต่ำ      ในที่สุดลูกค้าต้องยอมรับมาในราคา ๘ บาท  ไม่งั้นอดกิน
เมียต่อว่าสามีว่าไม่รู้จักหาวิธีใช้เงินให้หมด    จ่ายยังไม่ทันหมด รัฐบาลจ่ายมาให้อีกแล้ว  จนฐานะรวยจะแย่  สู้เพื่อนบ้านไม่ได้ เขาหาทางจ่ายหมดไม่เหลือสักสตางค์     เลยสบายกันทั้งผัวเมีย  
มีรายละเอียดอีกค่ะ แต่จำได้แค่นี้

เป็นเรื่องตลกที่ขำ ด้วยวิธีคิด  ไม่ใช่ตลกแบบเหยียบเปลือกกล้วยลื่นหกล้ม    
อ่านแล้วทำให้ต้องคิดต่อยอดไปว่า ถ้ามันเกิดกับตัวเราจะทำยังไงดี    ไม่ว่าจะไปช็อปปิ้งที่ไหน   มีแต่เงินกลับมาบ้านเป็นกระสอบ    ทำยังไงจะหมดตัวให้ได้
จะโกงรัฐบาลด้วยวิธีเอาเงินยัดที่นอนหรือใส่ตุ่มฝังดิน  หลอกว่าไม่มีเงิน   ก็ผิดกฎหมาย   มีสิทธิ์ถูกจับถูกปรับได้เงินมาอีกหลายเท่าตัว

" แสงทอง" เป็นนักเขียนอารมณ์ขัน     นอกจากเรื่องนี้ก็มีเรื่องสั้นชุดคุณถึก สิขาทร กับเพื่อนๆอีกชุด  จี้เส้นไม่แพ้สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 16:44

จำได้อีกตอนหนึ่งใน "เงินฟุบ" คือสามีถูกภรรยาไล่ออกจากบ้าน ให้ไปหาหนทางใช้เงินให้หมด ไม่งั้นไม่ต้องกลับบ้าน
เดินๆไป ขอทานตามมาฉุดชายเสื้อ   อ้อนวอนขอให้รับเงินไปหน่อย   เพราะใครๆก็ให้เงินแก   จนแกรวยจะแย่   ทำให้คุณสามีต้องสะบัดหนี  กลัวแกจะเอาเงินมายัดเยียดให้  ตาขอทานคนนี้คงจะมีเงินในตัวเป็นหมื่นๆแล้ว  
ขึ้นรถเมล์  มีป้ายเตือน "ระวังถูกยัดกระเป๋า" (ไม่ใช่ ระวังถูกล้วงกระเป๋า) ผู้โดยสารโหนรถเมล์ ยืนหน้าเคร่งเครียด เหลียวลอกแลก กลัวว่าถ้าเผลอ ใครจะเอาเงินมายัดกระเป๋าตัวเองได้ง่ายๆ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 29 พ.ค. 10, 23:53


อยากฟังคุณเทาชมพูเล่าเรื่องงานแปลของแสงทองอันแสนไพเราะหมดจดงามสง่า


เรื่องสั้นของแสงทองดิฉันชอบเรื่อง ที่นั่งอิ่ม  ที่ท่านขุนสภาธรรมสารต้องแย่งที่นั่งในโต๊ะอาหาร กับเรื่องขออีกจาน ที่มีในสามเกลอรู้สึกว่าจะเป็นเรื่องกินจุ

ตลกร้ายจริง ๆ ค่ะ       
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 07:56

ขอต้อนรับมานั่งคุยกันในกระทู้นี้ค่ะ     นึกแล้วว่าคุณวันดีต้องรู้จักงานของ "แสงทอง" ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องแปล 
เรื่องสั้นที่คุณเล่า อยู่ในชุดคุณถึก  ดิฉันจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว     
จำได้แต่ เรื่อง "เห็ดเพาะ" ซึ่งเป็นเรื่องกระต่ายตื่นตูม จากฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด

เรื่องแปลนั้นมีแน่   แต่ต้องค่อยๆเล่าไปทีละนิดทีละหน่อย   เพราะต้องพิมพ์ฉบับภาษาไทยให้เห็นทีละย่อหน้า   ไม่สามารถลาก copy&paste อย่างฉบับภาษาอังกฤษที่มีในเว็บได้ค่ะ
วรรณวิจิตรของท่านแสงทอง อ่านงามสง่า แต่พิมพ์ยากเหลือเกิน    เศร้า
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 09:52



ขออนุญาตรับฟังวรรณวิจิตรไปก่อนนะคะ  เพราะคงไม่มีโอกาสที่ดีปานนี้ที่ไหน

คุณหลวงเล็กที่นับถือของดิฉันเพิ่งอธิบายเรื่องการใช้พจนานุกรมสันกฤต-อังกฤต     ให้ฟังเมื่อหลายวันก่อน
ดิฉันเคยถามคุณหลวงว่า แสงทอง ก็ไม่ได้บวชเรียนนาน  ทำไมภาษางามปานนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 10:04

ตอบไปแล้วถึงค่อยฉลาดขึ้นมาได้   จะไปเสียเวลาพิมพ์อยู่ทำไม  ก็สแกนทั้งหน้ามาลงให้อ่านกันดีกว่า
เสียแต่ว่า ดิฉันมักใช้เวลาสแกนนานมาก เกือบเท่าๆกับพิมพ์     คุณวันดี สนทนาเรื่องสันสกฤต-อังกฤษกับคุณหลวงเล็กไปก่อนนะคะ


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 10:27


คุณหลวงป่วยเล็กน้อยค่ะเพราะท่านขนย้ายสมบัติ(หนังสือ)เข้าบ้านทุกวัน

สายลับมารายงานค่ะ

ขอเวลาสักครู่  เดี๋ยวจะมาคุยเรื่องหนังสืออนุสรณ์ ๓ เล่ม ของแสงทอง ซึ่งแน่นอนที่เป็นหนังสือน่าอ่าน
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 13:51


หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ  หลวงบุณยมานพพาณิชย์  เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๘     มี  ๓  เล่มค่ะ


เล่ม ๑  เป็นของครอบครัว

ภรรยา คือ  สาย  กุลวัลลกี  ธิดานายสังวาลย์และนางเขียน กุลวัลลกี
บุตรธิดา ๑๐ คนมี

นายอาสา
น.ต.ศศี
ด.ช. เถา
นางพรรณี  อุดมศิลป
เด็กหญิงระพา
นางสาวรพี
นางพัฒนา
นายเสมา
ร.ท. ชาลี
นายกองกูณฑ์

มีบทความและเรื่องสั้นหลายเรื่อง



เล่ม ๒ ขจร  สุขพานิช  พิมพ์แจก ชื่อ ก้าวแรกของหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย 
                         
ในหน้า ๗๒   อาจารย์ขจร เล่าเรื่อง โทมัส น้อกซ์      แบบย่อ และได้เล่าไว้ว่า

"หนังสือเรื่อง Fanny(Knox) and the Regent เป็นนวนิยายในเนื้อเรื่อง  ห่างไกลจากความจริง  ไม่ควรเชื่อถือเป็นเอกสารประวัติศาสตร์"




เล่ม ๓    "แสงทอง" มิตรานุสรณ์      พิมพ์โดย เพื่อนสมาชิกในสมาคมภาษาและหนังสือ   เล่มบางเพียง ๔๕ หน้า    ค่อนข้างจะหายากไปแล้ว

เพราะไม่เห็นใครนำอะไรที่น่าสนใจ มาเล่าไว้เลย         ชมรมนักอ่านทั้งหลายก็ไม่เห็นนำมาเล่า  เรื่องเหล่านี้เล่าออกไปแล้ว   มิตรรักนักอ่านจะไม่มีวันลืม

ขอแนะนำเรื่องที่ดิฉันชอบอ่าน



เสฐียรโกเศศ     เขียนเรื่อง กระทงชีวิต

     "กระทงแห่งชีวิตของแสงทองจะลับหายไปจากพื้นน้ำแล้ว            แต่สิ่งอันเป็นสาระของกระทง  ข้าพเจ้าเชื่อว่ายังคงอยู่

ไม่หนีหายไปไหน          เปรียบเหมือนดวงไฟในหลอดไฟฟ้า      เมื่อปิดสวิทช์ไฟฟ้าก็ดับ         แต่ถึงเวลาอันควรเปิดสวิชต์อีก

ไฟก็กลับติดใหม่ฉะนั้น         สาระของไฟฟ้า  แม้จะปิดสวิชต์แล้ว    ก็ยังมีอยู่นั่นเอง          จะไปรวมอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมวลไฟฟ้าแห่งสกลจักรวาฬ

หรืออย่างไร   เป็นเรื่องลึกลับ          ไม่มีใครซึ่งเป็นมนุษย์ปุถุชนจะทราบได้      ขืนทราบก็เป็นไม่ทราบแหละแน่

จะแน่ได้ก็เป็นแต่แน่ของใจในความเชื่อของเรา   เป็นเฉพาะตัวใครตัวใคร"



เรื่อง  แสงทองจับไก่ 

อาจารย์จินตนา  ยศสุนทรเล่าไว้

(คำนำหน้านามในเวลานั้น)

       ท่านไปงานนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา  นั่งโต๊ะนายกสมาคมคุณพระพิศาลสุขุมวิท      มีคนบอกว่าเอกอัครราชทูตฟิลิปปีนส์ก็นั่งโต้ะนี้ด้วย

อาจารย์ได้นั่งข้างสุภาพบุรุษสูงอายุ  ท่าทางอย่างที่ฝรั่งก็ต้องว่า "distinguished"

ท่านทั้งสองสนทนากันด้วยภาษาอังกฤษ

"ท่านสุภาพบุรุษท่าทางน่ารักใจเย็นผู้นั้นก็ร่วมการสนทนาพาทีเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามธรรมเนียม      พอคุ้นเคยกันสักหน่อยดิฉันก็ถามท่านเรื่องประเทศของท่าน

ท่านก็ยิ้ม             ดิฉันถามถึงภาษาพื้นเมืองของท่าน  ท่านก็ยิ้ม            ดิฉันพูดต่อว่าคงมีโอกาสได้ไปเยี่ยมประเทศของท่านบ้าง  ท่านก็ยิ้ม

ดิฉันนึกท้อใจอยู่  ว่าเห็นจะจนปัญญาที่จะล่อสืบให้รู้ได้แน่แล้วว่า  ท่านผู้นี้ชาติภาษาใด


พอดีท่านถามขึ้นว่า

"คุณคืออาจารย์จินตนา  ใช่ไหม?"

อารามตกอกตกใจดิฉันมัวละล่ำละลักขอโทษขอโพยท่าน     ซึ่งได้ยินแว่วๆที่ท่านพูดว่า       "ผมคือหลวง ..........."


       ปลายสัปดาห์นั้น  คอลัมน์ของแสงทอง แห่งสยามสมัย  มีบทความทำนอง "แปลกแต่จริง"  ว่า

       ที่งานรื่นเริงของเอยูเอ ปีนี้   จินตนา ยศสุนทร  ส่งภาษาฝรั่งอยู่กับ "แสงทอง" เกือบครึ่งชั่วโมง
กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่พูดอยู่กับทูตฟิลิปปินส์!"


     
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 14:02

เอาออเดิฟมาเสิฟก่อน
จาก วนวัลลรี  หรือ In the Great God's Hair  ของ F.W.Bain

In the Great God's Hair.
PROLOGUE.
INVOCATION

Adoration to the Four Eightfold Divinities: the Eight Forms of the Lord of Time: the Eight Cardinal Points of Space: the Eight Sections of the Revelation of Panini: and the Eight Pairs of Petals of the Lotus of the World
ท่านแปลว่า

ปรารัมภ
สดุดี

ขอไหว้อัษฎคุณแห่งไทวัตว์ทั้งสี่    หนึ่งคืออัษฏมูรตตี  อีศวร    หนึ่งคือแปดเทพประจำทิศ    หนึ่งคือแปดบทวยากรณ์ของปานินิ     หนึ่งคือแปดคู่กลีบปัทมา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 14:30

อุตส่าห์พิมพ์  พอส่งพบว่าโพสต์ไม่ติด  ร้องไห้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 30 พ.ค. 10, 14:43

FAR away, in the quarter of the north, there stands a mighty mountain: of supereminence so transcendent, that even the Mother of the World  was willing to call him father: of hue so pure, that even the snowy swans haunting the lake of Mánasa blush in his presence as if ashamed of their own inferiority: of size so gigantic, that the rising and the setting sun throws his shadow on the sky, and
the seven Rishis  in their daily revolution turn their eyes upwards to his peak, glowing like a tongue of flame at sunset or at dawn.



ไกลออกไปทางภาคเหนือ   มีภูเขาหนึ่งใหญ่ยิ่ง  มีความสูงยอดเยี่ยม   แม้มารดาโลกก็ยังเต็มใจเรียกว่าบิดา   มีสีบริสุทธิ์  จนทำให้หิมหงส์ซึ่งสิงอยู่ในทะเลมานัสเผือดไปต่อหน้าผานั้น   เหมือนหนึ่งอายความด้อยของมัน   มีขนาดมหึมาจนแสงอาทิตย์อุทัย แลอัสดงสาดเงาเขาขึ้นฟ้า    เมื่อดาวหมีกระทำการอาวรรตน์อยู่เป็นทินจรรยานั้น    ถึงแก่ต้องเหลือกตาขึ้นดูยอด  ซึ่งเรืองดังลิ้นไฟแลบอยู่ในเวลาอรุณแลสายัณห์

ขอให้สังเกตการแปลคำพวกนี้
snowy swans                   =      หิมหงส์   หิม คือ   หิมะ
rising and the setting sun  =      แสงอาทิตย์อุทัย แลอัสดง
the seven Rishis  in their daily revolution  =   ดาวหมีกระทำการอาวรรตน์อยู่เป็นทินจรรยา

อย่าว่าแต่จะคิดว่าแปลจากอังกฤษเป็นไทยเลย   แม้คิดคำไทยล้วนๆไม่ต้องแปล  ก็ต้องอาศัยทั้งพื้นความรู้ทางภาษาและจินตนาการชั้นยอด
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง