เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 60911 อดีตชาวสยามผู้ถูกยกย่องให้เป็นบิดาของประเทศมาเลเซีย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 13:47

อ้างถึง
ไม่ทราบว่าเป็นโชคหรือเป็นแผนของผู้ใหญ่ คุณถวิลเพื่อนรักของท่านก็ได้เป็นคนหนึ่งในเหล่าข้าราชการไทยที่ถูกส่งมาด้วย ท่านตนกูพบว่าคุณถวิลได้ไปเรียนอเมริกาจนจบจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ขณะนี้เป็นใหญ่เป็นโตมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณหลวง

เข้าใจว่าคุณหลวงเพื่อนรักท่านตนกู  คือหลวงอังคณานุรักษ์(ร.อ.ถวิล เทพาคำ) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๔๘๖-๒๔๘๙
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 14:10

ขอประทานโทษ ไม่ใช่ครับ ท่านผู้นี้คิอ ถวิล คุปตารักษ์ คือลูกชายเจ้าของบ้านที่ท่านตนกูเคยอยู่ในกรุงเทพ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักที่โรงเรียนเทพศิรินทร์

ถวิล คุปตารักษ์ เป็นวิศวรกร ต่อมารับราชการ ทำงานอยู่กรมรถไฟ ได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงถวิลเศรษฐพณิชการ ไม่ทราบว่าถูกส่งไปทำหน้าที่อะไรในเคดะห์ระหว่างสงคราม

รูปข้างล่างคุณเพ็ญชมพูเคยเอามาฝาก ตอนนี้คุณเพ็ญหายไป ไม่ทราบว่าไปทำใจอยู่ที่ไหน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 14:16

อ้าว ผิดคน    อายจัง  ขออภัยค่ะ
คุณเพ็ญ น่าจะไปเตรียมสระน้ำต้อนรับเพื่อนอยู่แถวๆปราสาทตาพรม   เดี๋ยวก็คงกลับมา
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 14:17

ตอนนี้คุณเพ็ญหายไป ไม่ทราบว่าไปทำใจอยู่ที่ไหน

(ยกมือ) อยู่ที่นี่จ้า กำลังเพลิดเพลินกับม้าแคระ่ตัวเล็กน่าเอ็นดู๊..เอ็นดู อยู่ใกล้ ๆ คุณนวรัตนนี่แหละ

ติดตามอ่านอยู่เสมอจ้า

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 15:02

อ้อ เห็นแล้วครับ

ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าเหลือแต่ผมคนเดียวนั่งส่งงานกับคุณครูประจำชั้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 15:09

ถ้าเหลือคนเดียว  คงปิดชั้นเรียน  อนุญาตให้ไปพักนานแล้ว
แต่นี่ เห็นหลายสิบคน  นั่งแอบๆอยู่หลังประตูเรือน ค่ะ ยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 21:05

ความคิดเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง

เรื่องท่านตนกูพาสุลต่านผู้พ่อหนีภัยสงคราม vs คำสั่งของพี่ชาย   สะท้อนให้เห็นว่าใครมีคุณสมบัติเป็นผู้นำ  ใครไม่ใช่
อย่างหนึ่งที่เห็นคือพี่ชายท่าน เป็นพวกคำสั่งนิยม  ไม่ชอบคิดอะไรเอง    พวกนี้ มักจะเคร่งครัดต่อการรับคำสั่ง  เพื่อจะมาเคร่งครัดต่อการสั่งคนอื่นอีกที   นิยมอยู่แค่นั้น
ส่วนท่านตนกู  ต่อให้ไม่มีเทพสังหรณ์ในฝัน  ท่านก็ต้องคิดออกอยู่ดีว่าหอบหิ้วพ่อผู้ชราเต็มที ระหกระเหินหนีภัย  เป็นการทรมานพ่อยิ่งกว่าถูกทิ้งระเบิดตายเสียอีก   บางทีพ่ออาจจะหัวใจวายกลางทางเสียก่อนลี้ภัยสำเร็จ
อย่างที่สอง ท่านน่าจะมีวิสัยทัศน์พอจะดูออกว่า ปีนังไม่รอดมือญี่ปุ่นแน่      หนีไปปีนังก็คือหนีเสือปะจระเข้ 
หาที่ใหม่เช่นหมู่บ้านเล็กๆ  ไร้ความสลักสำคัญในสายตาญี่ปุ่นดีกว่า

คนเป็นผู้นำ  องค์ประกอบสำคัญคือมีวิสัยทัศน์   เห็นอะไรที่คนใหญ่ๆคนอื่นมองไม่เห็น    นอกจากนี้ก็อย่างที่ชาลส์ เดอโกล บอกไว้ ก็คือ
The leader must aim high, see big, judge widely, thus setting himself apart form the ordinary people who debate in narrow confines.

Charles de Gaulle
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 21 พ.ค. 10, 21:53

ขอบคุณครับ
.
.
สุลต่านอับดุล ฮามิดถึงแก่พิราลัยในเดือนพฤษภาคมของปี2483นั้นเอง คืนวันหนึ่งท่านตนกูเกิดเทพสังหรณ์อีกครั้ง ท่านฝันเห็นท่านสุลต่านกำลังพูดว่า  “ปุตรา…พ่อไม่สบายเลย..”
ท่านตนกูอยู่คนละเมืองแต่ก็รีบเดินทางไปอลอร์ สะตาทันที สมัยสงครามน้ำมันหายากมากต้องซื้อหาจากตลาดมืดด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แต่มันก็ทำให้ท่านไปพอดีได้เห็นใจพ่อ ท่านสุลต่านยังสามารถส่งภาษากายว่าจำลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ แต่ก็แค่นั้น ก่อนที่จะสงบ และสัญญาณแห่งชีวิตจะค่อยๆหรี่ลง.หรี่ลง.จนดับในที่สุดสองสามวันหลังจากนั้น
.
.
ในช่วงสงครามเป็นที่ประจักษ์ว่า งานหลักของท่านตนกูคือการช่วยเหลือผู้ประสพทุกข์ภัยจากพิษสงคราม ค่ายผู้ลี้ภัยของท่านได้้ใช้งานจริงอย่างคุ้มค่า ระยะหลังเป็นที่พักฟื้นของกรรมกรทาษ ญี่ปุ่นได้เกณฑ์ชาวมาเลย์บ้านนอกไปเป็นกุลีก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะในไทยนับหมื่นคน หลายคนซมซานหนีค่ายนรกกลับบ้านมาได้ แต่ร่างกายเหมือนศพที่ยังมีชีวิต เคดะห์เป็นด่านหน้าที่จะรับคนพวกนี้คืนสู่มาตุภูมิ แต่ก็ต้องให้ที่คุ้มภัย มีอาหารและยาเพื่อบำรุงสังขารให้แข็งแรงพอที่พวกน่าสงสารทุกคนจะเดินทางต่อ กลับไปหาพ่อแม่หรือลูกเมียได้ หลังสงครามแล้วท่านมีโอกาสพบคนเหล่านี้อีก มีจำนวนมากที่ตระหนักดีว่าเขารอดชีวิตได้ก็เพราะท่าน

ท่านตนกูอยู่ในเครือข่ายที่ให้สนับสนุนการต่อสู้ของกองกำลังต่อต้านญี่ปุ่นที่ยึดมีฐานที่มั่นในป่า ทำสงครามกองโจรด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่อังกฤษสนับสนุนให้อย่างเต็มที่ ระยะหลังส่งนายทหารที่พูดมาเลย์ได้หรือเป็นคนมาเลย์ที่ผ่านการฝึกแล้วแทรกซึมเข้ามา คล้ายๆกับขบวนการเสรีไทย หลานของท่านสองคนเป็นตนกูเช่นกันได้โดดร่มลงในป่า รอเวลาที่จะร่วมปฏิบัติการขั้นแตกหักกับญี่ปุ่น ข่าวระเบิดปรมาณูทำให้ทุกฝ่ายทราบดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในลำดับต่อไป

ทหารป่ากลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของจีนเป็ง หรือที่เรียกว่าโจรจีนคอมมิวนิสต์เริ่มเคลื่อนไหวอย่างน่ากลัว การถอนทหารของญี่ปุนจะสร้างสูญญากาศระหว่างที่กองทัพอังกฤษยังเดินทางจากซีลอนมาไม่ถึง เป็นโอกาสดีของโจรจีนคอมมิวนิสต์ที่จะเคลื่อนทัพออกจากป่ามายึดเมืองในเคดะห์ได้อย่างง่ายดาย ท่านตนกูได้ข่าวนี้ด้วยความประหวั่นพรั่นใจ ท่านรีบเดินทางไปยังฐานลับของอังกฤษทันที ผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอหลานชายทั้งสองที่ท่านใช้ชื่อเป็นใบเบิกทางไปถึงตัวผู้บังคับบัญชา แต่ก็ได้มีโอกาสเสนองานยากให้นายทหารอังกฤษซึ่งเห็นด้วยกับท่าน แต่มอบหมายให้นายร้อยเอกคนหนึ่งไปปฏิบัติการแทน

ท่านตนกูจะนำร้อยเอกเบอร์เสี่ยงไปหาผู้บังคับบัญชาทหารญี่ปุ่นที่ยังคุมทัพอยู่ที่อลอร์ สะตาร์เพื่อขอร้องในสิ่งที่ทั้งสองก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จ แต่ก็คุ้มที่จะลองเสี่ยงดู

นายพันเอกแม่ทัพลูกพระอาทิตย์ต้อนรับร้อยเอกเบอร์ในห้องรับรองที่มีล่ามนั่งอยู่แล้ว ด้วยใบหน้าที่ปราศจากความรู้สึกและไม่พูดอะไรเลย ล่ามแปลคำพูดของร้อยเอกเบอร์ว่าทหารอังกฤษลงเรือมาแล้วจากโคลัมโบและจะถึงปินังในสองสามวันนี้ แต่ในขณะนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพญี่ปุ่นที่จะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองมิให้เกิดกลียุค มิฉนั้นอังกฤษอาจเอาผิดแก่ท่านในข้อหาอาชญากรสงครามได้ ร้อยเอกเบอร์อธิบายสถานะการณ์และขอให้ท่านแม่ทัพสั่งการให้ทหารญี่ปุนออกไปตั้งด่านสกัดพวกทหารป่าที่ถนนโปกอกเสนา ซึ่งเป็นถนนเล็กๆจากป่ามาสู่เมือง และรักษาไว้จนกว่าทหารอังกฤษจะมาถึง

ถึงตอนนี้ท่านแม่ทัพลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้องไปทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียว สักครู่จึงได้ยินเสียงทหารญี่ปุ่นสั่งการกันลั่น ครึ่งชั่วโมงต่อมาล่ามได้เข้ามาเชิญร้อยเอกเบอร์กลับ แต่ก่อนที่รถของนายทหารอังกฤษจะเทียบเข้ามารับนาย ร้อยเอกเบอร์ได้มีโอกาสเห็นรถบรรทุกทหารญี่ปุ่นอาวุธครบมือสามคันที่ขนรั้วลวดหนามวิ่งฝุ่นตลบออกไปจากค่ายด้วย

ท่านตนกูรออยู่ที่บ้านอย่างกระวนกระวาย และได้ฟังที่ร้อยเอกเบอร์กลับมารายงานด้วยความโล่งอก แผนการณ์ของท่านสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อกองกำลังฝ่ายหน้าของทหารป่าลาดตระเวณมาเห็นกองทหารญี่ปุ่นตั้งด่านปิดถนนที่จะเข้าเมือง จีนเป็งจึงไม่อยากเสี่ยงกับความสูญเสียที่ไม่จำเป็น อะลอร์ สะตาร์ก็รอดจากการถูกยึดครองโดยโจรจีนคอมมิวนิสต์ได้ในครั้งนั้น

เขียนมาถึงตรงนี้ ผมขอแสดงความคารวะต่อสุภาพบุรุษทั้งสามท่าน สุดยอดลูกผู้ชายจริงๆ



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 09:42

สงครามโลกจบลงแล้ว แต่สงครามในชาติยังคุกรุ่นอยู่ อังกฤษนายเก่ากลับเข้ามาพร้อมแผนการปกครองใหม่เรียกว่า “ข้อตกลงสหพันธ์มลายา ” (The Federation of Malaya Agreement) ซึ่งมีความแตกต่างจาก “สหภาพมลายู ” (Malayan Union) เดิมที่แบ่งระดับการปกครองในรัฐต่างๆต่างกันไปดังที่ผมเล่าไปแล้ว ของใหม่นี้ทุกรัฐจะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลสหพันธ์รัฐมลายา(รัฐบาลกลาง)ในระดับเดียวกัน แม้รัฐบาลท้องถิ่นภายใต้อำนาจสุลต่านของแต่ละรัฐก็ยังคงมีอยู่  แต่ชนวนที่เป็นปัญหาคือหมวดการให้สิทธิความเป็นพลเมืองของสหพันธ์รัฐมลายา ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่นึกถึงชาวจีนและอินเดียที่อังกฤษนำเข้ามาใช้งาน แต่ส่วนหนึ่งกุมเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะชาวจีนที่จัดตั้งอยู่แล้วในนามพรรคคอมมิวนิสต์มลายานำโดย ‘จีนเป็ง' หรือนายหวัง เหวินหัว ผู้นำกองกำลังทหารป่าผู้เคยเป็นพันธมิตรรบญี่ปุ่นจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของอังกฤษ บัดนั้นหันกระบอกปืนมาที่ผู้ให้ (ในรูปโจรจีนคอมมิวนิสต์ได้ออกมาสวนสนามตอนเสร็จสงครามใหม่ๆ) ไม่นานก็เริ่มปรากฏจากการหยุดงานประท้วงของกรรมกรจีน และการปะทะกันด้วยอาวุธ ทหารอังกฤษเข้าปราบรุนแรงจนพวกนี้ต้องหนีกลับไปตั้งหลักในป่า แล้วใช้ยุทธวิธีลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และเจ้าของสวนยางพาราหลายแห่ง ที่ร้ายแรงที่สุดคือการลอบสังหารเซอร์ เฮนรี เกอร์นี ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษ เพื่อหวังให้บ้านเมืองระส่ำระสายจนเกิดจราจลล้มล้างรัฐบาลอังกฤษ และสถาปนาระบอบคอมมิวนิสต์ขึ้นมาแทนนั่นเอง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเป็นปี เมื่อเหตุการณ์สงครามสงบได้ไม่นาน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เซอร์ ฮาโรลด์ แมคไมเคิลได้บินมามลายูพร้อมกับ“ข้อตกลงสหพันธ์มลายา ” เพื่อเยี่ยมเยียนเป็นทางการต่อสุลต่านของรัฐต่างๆและบีบให้ทุกท่านลงนามในข้อตกลง ยอมเป็นข้าของอังกฤษโดยดีอีกครั้งหนึ่ง สุลต่านบาดิชาร์แห่งเคดะห์คนใหม่ได้ประกาศกับเหล่าพี่น้องว่า มันเป็นความเศร้าสลดและเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ที่ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้นโดยไม่มีทางเลือก

ผลของการลงนามที่กระทบกับท่านตนกูโดยตรงก็คือ รัฐบาลกลางได้ส่ง “ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการศึกษา” คนใหม่เป็นชาวอังกฤษมารับหน้าที่แทน แล้วแขวนท่านไว้ในตำแหน่งที่ไม่มีสาระ ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรจะต้องกลับไปทำเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ให้จบ ท่านตนกูบอกกับภรรยาและลูกๆว่า ถ้าท่านเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษไม่ได้ ท่านก็จะอยู่เสียที่นั่น ไม่กลับมามลายูอีก




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 11:09

ท่านตนกูไปเรียนคราวนี้ไปแบบผู้ใหญ่อายุสี่สิบแล้ว ไม่มีคราบของเพลย์บอยรถสปอร์ตเหลืออยู่เลย ท่านเช่าแฟลตห้องเล็กๆ เช่าแม้กระทั่งเตาแกสไว้ทำอาหารกินเอง(สงสัยเตาแกสออกใหม่ๆคงจะแพงจัด) หลังสงครามช่วงนั้น คนอังกฤษยังต้องปันส่วนอาหารให้พลเมืองกันอยู่ แต่ท่านจะมีของกินที่ภรรยาส่งมาให้ทางเมล์เสมอๆ  ห้องเล็กๆของท่านเลยกลายเป็นแม่เหล็กดูดนักศึกษามาเลย์ไปโดยปริยาย ตอนนี้ท่านได้พวกหัวเปรื่องเป็นเพื่อนใหม่หลายคน หนึ่งในนั้นต่อมาภายหลังคือตุนอับดุล ราซัก รองนายกรัฐมนตรีสมัยของท่านและนายกรัฐมนตรีสืบต่อจากท่าน สมาคมนักเรียนมาเลย์แห่งสหราชอาณาจักรที่ท่านเป็นหัวแรงจัดตั้งขึ้นได้ถูกปลุกให้มีความคึกคักขึ้นมาอีก ท่านตนกูได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมแทบจะทันทีโดยมีเจ้าหนุ่มราซักเป็นเลขาธิการ กรรมการสมาคมตอนนั้นล้วนแต่กลับมาเป็นคนดังของมาเลเซียในกาลต่อมาแทบทั้งสิ้น

ท่านตนกูจ้างนักกฎหมายชาวอังกฤษซึ่งเป็นโค้ชมืออาชีพด้านนี้ให้ดูแลการเรียนของท่าน และยังได้เพื่อนอัจฉริยะรุ่นน้องมารวมหัวกันอ่านและตีความภาษากฎหมายของอังกฤษที่คนมาเลย์เข้าใจได้ยาก แต่แม้จะมุ่งมั่นอย่างไร ทุกวันเสาร์ท่านก็ไม่เคยพลาดการดูฟุตบอลในสนาม ข่าวไม่แจ้งว่าท่านตนกูของเราเป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมอะไร แต่กระซิบว่านอกจากฟุตบอลแล้ว บางอาทิตย์ท่านยังไปเชียร์ม้าด้วย เรื่องม้าๆนี่ท่านเลิกรักมันไม่ได้จริงๆ ตอนเป็นนายกแล้วยังไปจูงม้าสุดที่รักหลังจากวิ่งเข้าวินอยู่เลย แต่ข่าวไม่ได้แจ้งว่านอกจากม้าแข่งแล้ว ท่านรักม้าแคระที่เป็นสัตว์ประหลาดอยู่ในห้องข้างๆนี้ด้วยหรือไม่

ท่านตนกูใช้เวลาไปอีก3ปี ทั้งดูตำราทั้งสวดมนต์อ้อนวอนอัลเลาะห์อย่างเต็มที่ขอให้ช่วย ในที่สุดท่านก็ได้ปริญญาเนติบัณฑิตที่ชาวเคมบริดจ์เรียกว่า Barrister at the Inner Temple วันที่ทราบข่าวความสำเร็จที่ยากลำบากยิ่งนี้ ท่านถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม
เป็นอันว่าท่านกลับบ้านได้แล้ว



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 13:09

ท่านตนกูกลับมลายู คราวนี้เคด่ะห์คับไปสำหรับท่านเสียแล้ว มีผู้ใหญ่ชวนท่านไปทำงานในกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวง ท่านจึงมิได้รั้งรอ เริ่มงานในฐานะนักกฏหมายโดยเป็นผู้ช่วยอัยการแผ่นดิน และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานศาลชั้นต้น

การเมืองในช่วงที่ท่านกลับมานี้เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

ก่อนที่ท่านจะกลับมา อังกฤษได้ส่งเสริมให้ชาวมาเลย์ได้เรียนรู้ประชาธิปไตย โดยให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเพื่อบริหารระดับท้องถิ่นของตนก่อน  ส่วนระดับรัฐหรือระดับชาติ อังกฤษอ้างว่าหากปล่อยทันที  ประชาชนจะพากันเรียกร้องการปกครองตนเองในฉับพลัน  ซึ่งอาจจะส่งผลเสียมากกว่าได้ นโยบายของอังกฤษนั้นต้องการปูรากฐานประชาธิปไตยให้มั่นคงก่อนแล้วจึงจะให้เอกราชแก่มลายา ไม่อยากให้คนมาเลย์ปกครองตนเองโดยมีอุบัติเหตุทางการเมืองบ่อยๆ(เช่นประเทศเพื่อนบ้าน (ตรงนี้อังกฤษไม่ได้ว่า ผมว่าเอง))

ด้วยเหตุนี้พรรคการเมืองต่างๆก็ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นโดยมีพรรคใหญ่ที่สุดชื่อพรรคอัมโน The United Malays National Organization (UMNO) ซึ่งเป็นพรรคอำมาตย์ที่ประกอบด้วยบรรดาสุลต่าน ขุนนางและคนมาเลย์มีระดับเป็นผู้สนับสนุน มีนโยบายอนุรักษ์นิยมและคัดค้านระบอบอังกฤษ และด้วยอิทธิพลทางดีและไม่ดีของคนชั้นสูงเหล่านี้ บรรดาคนมาเลย์รากหญ้าก็พากันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกันล้นหลาม และก็ยังมีพรรคสำคัญๆอื่นๆด้วย เช่นพรรคพาส  Pan Malayan Islamic Party (PMIP) ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง มีนโยบายให้มลายาใช้กฎหมายอิสลามปกครองประเทศ พรรคนี้มีฐานเสียงอยู่ที่รัฐแถบด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับชายแดนไทย และพรรคสมาคมจีนมาเลเซีย (Malaysian Chinese Association : MCA) ที่ถึงแม้จะเล็กกว่าแต่ก็ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจยิ่ง
ขณะที่พรรคต่างๆรณรงค์หาเสียงกันอยู่นั้น การก่อการร้ายโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมลายาก็ยังดำเนินไปหาได้บรรเทาลงไม่ ทั้งทหารอังกฤษและทหารมาเลย์ต้องพลีชีพไปเยอะ

ท่านตนกูได้รับเชิญให้เข้าพรรคอัมโน และเป็นประธานสาขาพรรคของเคด่ะห์อย่างปราศจากคู่แข่ง
แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่ง ส้มก็หล่นใส่ท่านอีก



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 19:51

อ้างถึง
เขียนมาถึงตรงนี้ ผมขอแสดงความคารวะต่อสุภาพบุรุษทั้งสามท่าน สุดยอดลูกผู้ชายจริงๆ
หลังจากปรมาณูลงที่ฮิโรชิมา   แม่ทัพญี่ปุ่นในมลายู และแม่ทัพอื่นๆก็ย่อมรู้แน่แก่ใจว่าความหวังจะชนะสงคราม เหลือศูนย์    เรื่องเจอข้อหาอาชญากรสงครามที่ท่านตนกูยกมา คงเป็นเหตุผลหนึ่ง  แต่เหตุผลอื่นๆน่าจะมีอีก 
อย่างแรกคือความรับผิดชอบตามหน้าที่ของแม่ทัพ
อย่างที่สองคือปล่อยโจรจีนเข้าบุกเมืองอะลอร์ สะตาร์ได้  ก็คงบาดเจ็บล้มตายกันทั้งทหารญี่ปุ่นและมลายู
ถ้าไปสะกัดตั้งด่านตรวจไว้ ยังมีโอกาสว่าโจรจีนจะไม่กล้าเสี่ยงเข้ามา ไม่เสียเลือดเนื้อญี่ปุ่น  เรียกว่าตัดไฟแต่ต้นลม
อย่างที่สาม คือสามคนนี้มีศักดิ์ศรี พอกันทั้งหมด

ไม่อยากนึกว่าถ้าท่านตนกูชวนทหารอังกฤษไปพบแม่ทัพญี่ปุ่น แล้วท่านแม่ทัพใส่เกียร์ว่างเอาดื้อๆ   ถือหลัก"ไม่สั่ง ไม่สู้ ไม่ทำอะไร  จะได้ไม่ผิด"   ป่านนี้ประวัติชีวิตท่านตนกูจะเปลี่ยนไปหรือไม่  และถ้าเปลี่ยน ประวัติศาสตร์มาเลย์คงเปลี่ยนตาม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 21:14

อ้างถึง
เขียนมาถึงตรงนี้ ผมขอแสดงความคารวะต่อสุภาพบุรุษทั้งสามท่าน สุดยอดลูกผู้ชายจริงๆ

ลูกผู้ชายที่ถือหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อชาติ และชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์

อยู่เหนือความกลัวที่จะบุกบั่นเข้าป่าไปหาที่ตั้งกองบัญชาการลับของอังกฤษ แล้วอาจจะถูกลอบยิงเนื่องจากความเข้าใจผิดโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เมื่อไหร่ก็ได้

และอยู่เหนือความขลาดที่จะไปขอเข้าพบแม่ทัพของฝ่ายศัตรูขณะที่สงครามยังไม่ยุติ เพื่อไปขู่แกมขอร้องให้เขาทำในสิ่งที่หากเขาไม่เห็นด้วยแล้ว อาจจะเกิดอะไรขึ้นแก่ตนก็ไม่มีใครทราบ

และสุดท้าย อยู่เหนือความถือศักดิ์ศรีของนายทหารญี่ปุ่นระดับแม่ทัพ ที่ได้ชื่อว่ายอมตายดีกว่าจะก้มหัวให้ศัตรู แต่ยอมกระทำตามคำขอของนายทหารอังกฤษชั้นผู้น้อย ทั้งๆที่ยังไม่มีใครเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ

การกระทำของท่านทั้งสาม เป็นความงดงามประดับหน้าประวัติศาสตร์สงคราม มิให้เห็นแต่ความเลวร้ายของมนุษยชาติเพียงอย่างเดียว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 22 พ.ค. 10, 21:30

To be able to lead others, a man must be willing to go forward alone.
                                                                                         - Harry Truman
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 23 พ.ค. 10, 08:48

เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่  ๒  บรรดาแม่ทัพญี่ปุ่นถูกส่งตัวขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม   บางคนชิงฮาราคีรีตัวเองไปก่อนที่จะกลายเป็นจำเลย    นายพลโตโจแม่ทัพใหญ่ถูกตัดสินประหารชีวิต  นายพลฮาตะถูกจำคุก
ดิฉันไม่รู้ว่าแม่ทัพญี่ปุ่นที่ท่านตนกูเข้าถ้ำเสือไปเจรจา คือใคร   เจอชื่อนายพลโตโมยูกิ  ยามาชิตะ เป็นแม่ทัพในการรบที่มลายูและสิงคโปร์    ถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อค.ศ. 1946  รายนี้รบแพ้ที่สิงคโปร์
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 20 คำสั่ง