NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 135 เมื่อ 30 พ.ค. 10, 09:17
|
|
.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 136 เมื่อ 10 มิ.ย. 10, 08:00
|
|
พระยานครศรีธรรมราชได้ให้บุตรของตน คือพระยาภักดีบริรักษ์ (แสง) เป็นผู้รักษาเมืองไทรบุรี และให้นายนุช มหาดเล็ก (บุตรอีกคนหนึ่ง) เป็นปลัดเมือง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระภักดีบริรักษ์เป็นพระยาอภัยธิเบศร์ และเป็นเจ้าเมืองไทรบุรี นายนุชปลัดเมืองไทรบุรี เป็นพระยาเสนานุชิต จวบจนพ.ศ.2373 ตนกูเดน ซึ่งเป็นบุตรของตนกูรายาพี่ชายต่างมารดาของตนกูปะแงรัน ซ่องสุมไพร่พลได้จำนวนมากจึงยกเข้าตีเมืองไทรบุรีคืน พระยาอภัยธิเบศร์เจ้าเมืองไทรบุรีและคนไทยในเมืองต้องหนีร่นไปตั้งหลักที่เมืองพัทลุง เจ้าพระยานครมีใบบอกเข้ามายังกรุงเทพฯ จึงโปรดให้จัดทหารลงไปช่วย4ทัพ แต่กำลังไม่พอ เนื่องด้วยเมืองกลันตันและเมืองตรังกานู ได้ยกทัพขึ้นมาช่วย จึงโปรดให้เจ้าพระยาคลัง (ดิศ บุนนาค หรือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์) สมุหพระกลาโหมและกรมท่า เป็นแม่ทัพใหญ่ยกกองเรือตามลงไปอีก กองทัพสยามได้เข้าล้อมพวกมลายูไว้ ตนกูเดนกับพวกนายกองทั้งหลายเห็นว่าจะหนีไม่พ้นแน่ก็พากันฆ่าตัวตายทั้งหมด (บันทึกทางมาเลย์ว่าเป็นการสังหารหมู่) เมืองไทรบุรีจึงยังคงอยู่ใต้สยามต่อไป
ปีพ.ศ.2381 ในรัชกาลสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ได้เกิดความยุ่งยากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากตนกูมะหะหมัดสหัส ตนกูอับดุลละ ซึ่งเป็นหลานอดีตเจ้าพระยาไทรบุรี (ตนกูปะแงรัน) ได้ตั้งตนเป็นนายโจรสลัดรวบรวมสมัครพรรคพวกมากระทั่งถึงพวกมุสลิมที่เกาะยาวที่พังงา ได้มากพอควรแล้วก็เข้าตีเมือง พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) เจ้าเมืองไทรบุรีกับพระยาเสนานุชิต (นุช) ปลัดเมืองไทรบุรีเห็นว่าเหลือมือ จึงหนีมาอยู่ที่พัทลุงอีกก่อนจะมีหนังสือบอกเข้ามายังกรุงเทพ เมื่อตีได้เมืองไทรบุรีคืนมาได้แล้ว ตนกูมะหะหมัดสหัสก็ได้ใจ เห็นว่าเจ้าเมืองฝ่ายสยามทางปักษ์ใต้ส่วนมากขึ้นไปช่วยงานออกพระเมรุพระศพสมเด็จพระศรีสุลาไลยในกรุงเทพฯ จึงได้ยกทัพมาทางทะเลเข้าปล้นเมืองตรัง(อำเภอกันตัง) แล้วเตรียมจะไปตีเมืองสงขลาต่อไป สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าฯทรงโปรดให้เจ้าเมืองทั้งหลายรีบกลับไปรักษาเมืองโดยทันที และทรงเกรงว่าพวกเมืองปัตตานีและเมืองบริวาร รวมทั้งเมืองกลันตัน ตรังกานู จะกำเริบขึ้นมาอีก จึงทรงโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัด บุนนาค ต่อมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ) เป็นแม่ทัพใหญ่ยกกำลังทางเรือไปป้องกันเมืองสงขลา เมื่อทัพใหญ่เดินทางไปถึงนั้น ทัพหน้าจากนครศรีธรรมราชก็ยึดเมืองไทรบุรีคืนได้แล้ว
เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกษาพิจารณาแล้วเห็นว่า การจะจัดการเมืองไทรบุรีให้เป็นที่เรียบร้อยต่อไปแล้ว หากตั้งคนไทยเป็นเจ้าเมืองก็คงจะมีความยุ่งยากไม่จบ พวกบุตรหลานของตนกูปะแงรัน คงจะยกมารบกวนอีก จึงได้จัดแบ่งเมืองไทรบุรีออกเป็น 4 เมืองเล็ก แต่งตั้งตนกูเชื้อสายเจ้าเมืองเก่าให้เป็นเจ้าเมืองเหล่านี้ ส่วนเมืองไทรบุรีนั้น ให้พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) รักษาราชการอยู่ตามเดิม โดยมีตนกูอาหนุ่ม เป็นรายามุดา (ผู้ว่าราชการเมือง) เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์จัดราชการเรียบร้อยแล้ว จึงยกทัพกลับมาพักที่เมืองสงขลาและได้สถาปนาพระเจดีย์อีกองค์หนึ่งคู่กับองค์เดิมที่พี่ชายของท่านได้สร้างไว้บนยอดเขาแดง ปากทะเลสาปเมืองสงขลา ชาวบ้านเรียกเจดีย์สองพี่น้อง เสร็จแล้วจึงได้ยกกองทัพกลับเข้ากรุงเทพ สืบเนื่องจากคคห.6ข้างต้น ขณะเมื่อเขียนถึงตรงนี้นั้น ผมพยายามจะหารูปเจดีย์สองพี่น้องมาประกอบ เพราะเคยเดินขึ้นภูเขาที่เรียกว่า”หัวเขาแดง”ไปถึงเจดีย์คู่นี้มาสองสามครั้งมีความประทับใจกับประวัติศสาตร์ที่นั่นมาก แต่หารูปเก่าๆที่ถ่ายไว้เองไม่เจอ เลยละไว้ เช้านี้เข้าไปเดอะเนชั่นบล็อก เจอภาพถ่ายนี้เข้า คุณเคียงดินผู้ที่นำมาลงแจ้งว่าเป็นฟอร์เวิร์ดเมลมาอีกทีหนึ่ง ขออนุญาตกันมาเป็นต่อๆผมก็ต่อท้ายแถวขออนุญาตรูปนึงเอามาคู่กับของคุณบังรุณที่เคยโหลดไว้เดิม เพื่อประกอบเรื่องให้สมบูรณ์สำหรับผู้สนใจศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองไทรบุรีในรัชกาลที่3จะได้บันทึกเก็บไว้นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 137 เมื่อ 10 มิ.ย. 10, 18:29
|
|
ขอบคุณสำหรับรูปถ่ายที่นำมาลงให้ดูกันค่ะ เคยเอ่ยถึง "หัวเขาแดง" ไว้นิดหน่อย ในบทความ สุลต่านสุไลมานกับราชวงศ์จักรี แต่ประวัติศาสตร์ ไทรบุรี ดิฉันยังไม่เคยศึกษา ถ้าใครรู้ก็กรุณาเล่าเพิ่มเติมด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
proudtobethai
มัจฉานุ
 
ตอบ: 79
|
ความคิดเห็นที่ 138 เมื่อ 14 มิ.ย. 10, 19:01
|
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
เป็นสมาชิกใหม่วันนี้เองค่ะ เพราะค้นหาประวัติศาสตร์ของไทยสมัยต่างๆ ทำให้เจอเวปไซด์นี้ด้วยความโชคดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากได้เจอประวัติศาสตร์บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ดีใจจริงๆเลยค่ะ จะเข้ามาทยอยอ่านข้อมูลที่สนใจ คงต้องใช้ เวลานานหน่อย แต่จะพยายามค่ะ
ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้และทุกท่านในที่นี้นะคะ ที่กรุณานำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้คนรุ่นหลังได้ทราบ
ขอบพระคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CVT
|
ความคิดเห็นที่ 139 เมื่อ 14 มิ.ย. 10, 21:30
|
|
ขอบคุณสำหรับรูปถ่ายที่นำมาลงให้ดูกันค่ะ เคยเอ่ยถึง "หัวเขาแดง" ไว้นิดหน่อย ในบทความ สุลต่านสุไลมานกับราชวงศ์จักรี แต่ประวัติศาสตร์ ไทรบุรี ดิฉันยังไม่เคยศึกษา ถ้าใครรู้ก็กรุณาเล่าเพิ่มเติมด้วย
อาจารย์ครับผมมีไฟล์ประชุมพงศาวดารภาค ๒ มีพงศาวดารเมืองไทรบุรีด้วย ผมฝากไฟล์ให้ดาวน์โหลดที่นี่ครับ http://www.4shared.com/document/Xgdpz32X/2_online.html
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 140 เมื่อ 15 มิ.ย. 10, 21:41
|
|
เคยเข้ามาอ่านกระทู้นี้ (อย่างยาวนาน) ครั้งหนึ่งแล้ว คงต้องใช้เวลาอ่านอีกสักพักครับ
ขอบพระคุณคุณ Navarat.C มากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 141 เมื่อ 16 มิ.ย. 10, 06:25
|
|
คุณม้ามีความรู้เรื่องมาเลย์มากมาย วันหน้าคงจะได้เล่าอะไรสู่กันฟังบ้างนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 142 เมื่อ 16 มิ.ย. 10, 08:12
|
|
ถ้าคุณนวรัตนขอจบกระทู้แค่นี้ ดิฉันก็เข้ามาขอบคุณ ที่เล่าเรื่องอันมีค่าและหาฟังยากให้ชาวเรือนไทยได้ฟังกัน ขอขอบพระคุณอย่างสูง และ... หวังว่าเมกะโปรเจคที่เกริ่นไว้ พวกเราคงไม่ต้อง ยืน เดิน นั่ง นานเกินรอ นะคะ
ป.ล.แต่ถ้ายังไม่จบกระทู้ จะคุยต่อก็ไม่มีปัญหาอันใดค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 143 เมื่อ 23 มิ.ย. 10, 17:29
|
|
อ่านกระทู้นี้มาหลายวันกว่าจะจบ ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงเป็นอันมาก
มีเรื่องหนึ่งที่ผมเคยสงสัยมานาน คือเรื่องจีนเป็ง เพราะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดว่าคนจีนคนไหนจะเรียกตัวเองโดยใช้สรรพนามว่า "จีน" นำหน้า ยิ่งเป็นคนจีนในแดนมลายูด้วย
มีรูปหนึ่งที่คุณ Navarat.C ได้กรุณาโพสต์ไว้ ทำให้คลายข้อสงสัยของผมลงได้ คือมีรูปของจีนเป็ง พร้อมคำว่า Chin Peng และ 陳平 ปรากฏอยู่พร้อมกัน
ทำให้พอจะเข้าใจได้ว่า ชื่อจีนเป็งนั้น คนไทยเราถอดเสียงมาจาก Chin Peng ซึ่งน่าจะถอดมาจากเป็นคำอ่าน 陳平 ในสำเนียงแต้จิ๋วว่า ฉิ่งเพ้ง ตัว 陳 นี้เป็นแซ่ อ่านอย่างแมนดารินว่า เฉิน โดยทั่วไปพวกแต้จิ๋วจะอ่านว่า ตั๊ง (ซึ่งเมื่อประกอบกับเพ้งแล้วจะเลื่อนเสียงเป็น ตั่งเพ้ง) แต่ก็มีที่อ่านว่า ชิ้ง อยู่บ้างเหมือนกัน (รวมกับเพ้งแล้วเลื่อนเสียงเป็น ฉิ่งเพ้ง) ถ้าเป็นพวกไหหลำ ก็คือแซ่ด่านนั่นเองครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 144 เมื่อ 23 มิ.ย. 10, 17:56
|
|
Chin Peng ออกสำเนียงจีนกลางว่า เฉินเพ้ง หรือคะ คุณม้ายังไม่ได้ไขคำหลัง ว่าแมนดารินออกเสียงยังไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 145 เมื่อ 23 มิ.ย. 10, 19:45
|
|
ขออภัย ลืมไปครับ
陳平 ออกเสียงจีนกลางว่า เฉินผิง เขียนด้วยอักษรโรมันควรเป็น Chen Ping ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเข้าใจว่า Chin Peng น่าจะเป็นสำเนียงแต้จิ๋วครับ
ความหมายของชื่อจีนเป็ง 平 นี่ก็ช่างขัดแย้งกับพฤติกรรมดีเหลือเกิน เพราะเป็นชื่อยอดนิยมที่จะให้ความหมายว่า สันติ ครับ
สงสัยคงต้องพยายามเลี่ยงแปลว่า เท่าเทียม กระมัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 146 เมื่อ 23 มิ.ย. 10, 21:23
|
|
พอคุณม้าเอ่ยถึง"จีนเป็ง" ก็เลยลองไปค้นในกูเกิ้ล อ่านเพิ่มเติม พบด้วยความประหลาดใจว่าจีนเป็ง หรือเฉินผิง ยังมีชีวิตอยู่ อายุ ๘๗ แล้ว รู้สึกว่าเหตุการณ์ยุคเขาเกิดขึ้นนานเหลือเกิน คนรุ่นเดียวกันก็จากไปหมดแล้ว เลยนึกว่าล่วงลับไปตามอายุขัยแล้วเสียอีก ที่แท้ ลี้ภัยอยู่ในประเทศไทยทางใต้นี่เอง เขาทำเรื่องขอกลับมาเลเซีย แต่ศาลฎีกายกคำร้อง เพราะเขาไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าเป็นชาวมาเลย์โดยกำเนิด ทำให้ยังกลับไม่ได้จนบัดนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 147 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 11:47
|
|
ส่งท้ายกระทู้ ด้วยคลิปวิดีโอ พฤษภาทมิฬของมาเลเซียเมื่อปี 1969
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Diwali
มัจฉานุ
 
ตอบ: 96
|
ความคิดเห็นที่ 148 เมื่อ 07 ก.ค. 10, 22:43
|
|
ขอส่งท้ายด้วยขอรับ
เข้ามาขอพระคุณทุกๆท่าน ทั้งคุณอาหม่อมฯท่านเจ้าของกระทู้ คุณครูใหญ่เทาชมพู และคุณม้าคลั่งพิโรธ รวมไปถึงท่านอื่นที่ผมมิได้เอ่ยนาม
กระทู้นี้ สนุกสนานปนด้วยสาระ เปี่ยมด้วยบันเทิง ทั้งจากเนื้อหาและจากสำบัดสำนวนชั้นครู
หากกระทู้เช่นนี้มีมากๆ ผู้อ่านดังเช่นผม คงได้ความรู้ประดับก้อนไขมันในกะโหลกศีรษะจนเนืองแน่นอย่างแน่นอนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 149 เมื่อ 25 ต.ค. 15, 19:09
|
|
แฟนานุแฟนคุณนวรัตนโปรดอดใจรอเรื่องราวในกระทู้นี้ในรูปของหนังสืออีกไม่ช้า  ข่าวจากนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๓๑๘๓ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|