สัตว์ประหลาด

[เพ็ญชมพู]

ด้วยความยินดียิ่ง  

คนทั่วไปมักมองนักวิทยาศาสตร์ว่าเป็นคนเคร่งขรึม ไร้อารมณ์ขัน  แต่จากเรื่องยีนเม่นสายฟ้าคงเผยความจริงให้เห็นว่านักวิทยาศาสตร์ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีอารมณ์ขันเป็นเหมือนกัน

แต่ภาระหนักคงจะตกอยู่กับคุณหมอเมื่อต้องอธิบายลึก ๆ ถึงสาเหตุของความผิดปรกติให้พ่อแม่ของคนไข้เด็กฟัง  พ่อแม่ของเด็กที่มีความผิดปรกติมาก ๆ เช่นเด็กนางเงือก, ตาเดียว หรือสองหน้า คงแปลกใจเป็นนักเป็นหนาว่าคุณหมอพูดตลกหรือเปล่าเมื่อบอกว่าสาเหตุของสิ่งเหล่านั้นเกิดจากยีนที่ชื่อว่า เม่นสายฟ้า sonic hedgehog

ความจริงชื่อยีนแปลก ๆ ที่ชื่อเหมือนหรือเอามาจากวิดีโอเกมไม่ใช่มีแค่ยีนเม่นสายฟ้า

นิตยสาร Nature ฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงบทความชื่อ "Pokemon causes cancer" ของนักพันธุศาสตร์ชื่อ Pier Paolo Pandolfi  แห่งศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan-Kettering ที่นิวยอร์ค ว่าสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเกิดจากยีนตัวหนึ่งที่ชื่อว่า POK erythroid myeloid ontogenic gene หรือเรียกสั้น ๆ ว่า  POKEMON ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับวิดีโอเกมดังของนินเทนโด

เรื่องนี้ทำให้บริษัทโปเกมอนตัวแทนของนินเทนโดในอเมริกาไม่พอใจ เพราะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเกมโปเกมอนโดยตรง เตรียมดำเนินคดีกับศูนย์มะเร็งที่นำเอาชื่อโปเกมอนไปเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งในทางลบ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย  สุดท้ายจบลงด้วยดีเมื่อทางศูนย์มะเร็งตัดสินใจยินยอมเปลี่ยนชื่อย่อของยีนตัวนี้ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Zbtb7 แทน

อารมณ์ขันก็ทำให้เกิดปัญหามากเหมือนกัน

 

[เพ็ญชมพู]

ถึงแม้ว่ายืนโปเกมอนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Zbtb7

แต่โปเกมอนยังไม่สิ้นเชื้อในโลกวิทยาศาสตร์

นิตยสาร Nature ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ลงบทความเรื่อง Pikachurin, a dystroglycan ligand, is essential for photoreceptor ribbon synapse formation โดย ทีมนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น ๑๘ คนนำโดย ดร. Shigeru Sato แห่ง สถาบันชีวศาสตร์แห่งโอซากา (Osaka Bioscience Institute) เป็นการค้นพบโปรตีนตัวหนึ่งซึ่งมีความสำคัญคือเป็นสื่อนำสัญญาณภาพจากตัวรับแสงในดวงตาไปยังเซลล์ประสาทนั่น และให้ชื่อว่า พิกะจูริน

ชื่อโปรตีนตัวนี้ตั้งตามชื่อของสัตว์ประหลาดโปเกมอน (Pokémon มาจากคำว่า pocket + monster) ตัวน้อยที่ชื่อว่า พิกะจู ซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วประดุจแสงทั้งยังสามารถปล่อยไฟฟ้าได้ในระดับที่สูงมาก



รายการนี้เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของโปเกมอน

จึงไม่ถูกฟ้อง

 

[เพ็ญชมพู]

ขออนุญาตต่อเรื่องแมวสองหน้า

ลักษณะเช่นนี้ ศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า "Diprosopus" (ภาษากรีก แปลว่า สองหน้า) พบได้ในสัตว์หลายชนิด

ที่พบบ่อย ๆ เห็นจะเป็นแมว แต่กระนั้นส่วนมากก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วันหลังจากคลอด

ดังที่เคยเล่าไว้ว่า แมวสองหน้านั้นอายุสั้น แต่กระนั้นก็มีข้อยกเว้น

แฟรงก์และลูอี เป็นชื่อแมวตัวเดียวที่มีสองหน้า มีสองจมูก สองปาก แต่มีสามตา ครองสถิติแมวสองหน้าที่อายุยืนที่สุดในโลก ขณะนี้มีอายุ ๑๓ ปี ได้รับการบันทึกไว้ใน กินเนสบุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ดส

เจ้าของคือ มาร์ตี้ สตีเวนส์ นักเทคนิคการสัตวแพทย์ อยู่ที่เมืองวูร์สเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตต์ กล่าวว่าตัดสินใจเลี้ยงมันไว้ด้วยความสงสาร หลังจากมีคนนำมันมาที่คลินิก เพื่อให้ฉีดยาให้ตาย เนื่องจากมันเกิดมาผิดปกติมีสองหน้า สิ่งที่มันชอบมาก ก็คือการนั่งรถเล่น และเดินเล่นโดยใช้สายจูง เธอยังบอกด้วยว่า รู้สึกตลก เมื่อเห็นอาการตกใจของคนที่ได้เห็นหน้าของแฟรงก์และลูอีแบบชัด ๆ

แฟรงก์และลูอีมีสมองก้อนเดียว ดังนั้นการเคลื่อนไหวของใบหน้าจะไปพร้อม ๆ กัน ตาที่อยู่ทั้งสองข้างเป็นปรกติ แต่ตาที่อยู่ตรงกลางใช้การไม่ได้

ถึงแม้จะมีสองหน้า แต่ว่ามีใจเดียว

พูดอย่างนี้ก็คงได้

 

[เพ็ญชมพู]

ถึงจะมีสองหน้า แต่ก็น่ารัก



 

[กระต่ายหมายจันทร์]

ดีใจจังที่เค้าไม่ฆ่าแมวตามความประสงค์ของอดีตเจ้าของนะคะ โชคดีได้คนเลี้ยงในวงการสัตวแพทย์แถมยังมีอารมณ์ขันในการตั้งชื่อ ... เป็นโชคของแฟรงก์และลูอีจริงๆ

[เพ็ญชมพู]

ในคลิป คุณมาร์ตี้ (เจ้าของแมว เสื้อสีชมพู) พูดถึงชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของแมวสองหน้าคือ แมวเจนัส (Janus cat)

Janus เป็นชื่อเทพของชาวโรมัน มีหน้าที่อารักขาประตูและเป็นเทพแห่งการเริ่มต้นทั้งปวง  มีสองหน้าจึงสามารถมองข้างหลังถึงอดีตที่ผ่านและมองข้างหน้าถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น

ชื่อเดือนมกราคม January ก็มาจากนามของเทพองค์นี้



นามของเทพเจนัสใช้สำหรับเรียกชื่อแมวสองหน้าเท่านั้น

สัตว์สองหน้าชนิดอื่น ไม่เกี่ยว

 

[เทาชมพู]

อย่าเอาเรื่องและภาพของลาลิมาลงในกระทู้สัตว์ประหลาดเลยค่ะ คุณเพ็ญชมพู
เธอเป็นคน.   และเป็นเด็กที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นเทพเจ้าจุติลงมา.   จะะจริงหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็ให้เกียรติเธอ
ขอลบนะคะ

[เทาชมพู]

มาดูสัตว์ประหลาดในเมืองจีนดีกว่า

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000077882

เอเจนซี/ASTVผู้จัดการออนไลน์--สื่อจีนรายงานพบ “สัตว์ประหลาดในน้ำ” ในทะเลสาบคานาสแห่งเขตปกครองตัวเองชนชาติอุยกูร์มณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตกของประเทศจีน โดย หวัง หงเฉียว คนงานในเขตทัศนียภาพทะเลสาบคานาสเล่าว่า เขาเห็นหลังปลาในทะเลสาบคานาส ช่วงเช้าราว 6.30 น. ของวันที่ 21 มิ.ย. และได้บันทึกภาพไว้
       
       หวัง หงเฉียว บอกกับผู้สื่อข่าวจีนว่า “พวกเราเห็นริ้วคลื่นประหลาดๆที่ผิวน้ำปรากฎขึ้นอย่างฉับพลัน และก็ได้บันทึกภาพไว้ ซึ่งก่อนหน้าก็เคยมีคนพบเห็นมาก่อน มันเป็นริ้วคลื่นจาก “สัตว์น้ำประหลาด”
       
       เพื่อนของหวัง หงเฉียว เล่าว่าเขาได้เห็นร่องรอยของ “สัตว์น้ำประหลาด” 3 ตัว โดยในเวลา 7.17 น. เขาได้เห็นสิ่งที่ต้องสงสัยว่าเป็น “สัตว์น้ำประหลาด” 3 ตัว พวกมันเคลื่อนไปหลายร้อยเมตร จนเวลา 8.39 น. เจ้าแสงสีขาวๆก็เริ่งหันหัวไปทางตะวันออก
       
       หวัง หงเฉียวกล่าวว่า พวกเขาคิดว่าร่องรอยประหลาดในน้ำที่เห็นนั้น น่าจะเป็นปลาแดงยักษ์ (大红鱼 / Giant Red Fish) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ ปลาไทแมน (Hucho taimen/哲罗鲑) หรือปลาไซบีเรียนแซลมอล
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า สิ่งประหลาดที่คนงานเห็นจะเป็นเรือเล็กหรือเปล่า
       
       หวัง หงเฉียวกล่าวว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะพวกเราได้เปรียบเทียบภาพที่บันทึกไว้กับเรือเล็กแล้ว เจ้าตัวประหลาดนั่นใหญ่กว่าเรือเล็กเลย และไม่ใช่ห่านป่าแน่นอน เพราะเรารู้จักห่านป่าดีมันเล็กมาก มันไม่อาจแหวกว่ายน้ำกระเพื่อมเป็นริ้วคลื่นใหญ่ขนาดนั้น”
       
       ผู้สื่อข่าวพยายามพิสูจน์คำพูดของคนงาน ได้โทรศัทพ์สอบถามผู้เชี่ยวชาญที่ทำการวิจัย “สตว์ประหลาด” ในทะเลสาบคานาส หยวน กั๋วอิง “เราเชื่อว่าภาพ(ของคนงาน)นี้ คือ ปลาไทแมน แน่นอน ที่เห็นในภาพคือ ปลายักษ์กำลังไล่กวดลาเล็ก มันไล่กวดมาจนถึงผิวน้ำ
       หยวน กั๋วอิง ยังแนะนำอีกว่า ปลาไทแมน เป็นปลากินเนื้อที่ดุร้าย อาหารของมัน ได้แก่ ปลาเล็ก สัตวปีกในน้ำ เป็นต้น
       
       ทั้งนี้ ชาวจีนเรียกปลาชนิดนี้เล่น ๆ ว่า ปลาปีศาจ โดยเชื่อว่า ปลาปิศาจนี้ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดถึง 10-15 เมตร และหนักถึง 4 ตัน ความเชื่อเรื่องปลาไทแมนนี้กลายเป็นนิทานพื้นบ้านของจีนและมองโกเลีย โดยเล่ากันว่ามันอาศัยอยู่ในแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง และอาศัยอยู่ในทะเลสาบคานาส ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์มณฑลอุยกูร์ ซึ่งเป็นที่ ๆ เชื่อว่ามีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่เช่นเดียวกับทะเลสาบเนสส์ของสกอตแลนด์ โดยปลาไทแมนตัวนี้มีน้ำหนักถึง 3,000 ปอนด์ และมีสีแดงก่ำ

[เพ็ญชมพู]

อ่านข่าวสัตว์ประหลาดของคุณเทาชมพูแล้ว

มีหลายเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ

๑.

       หวัง หงเฉียวกล่าวว่า พวกเขาคิดว่าร่องรอยประหลาดในน้ำที่เห็นนั้น น่าจะเป็นปลาแดงยักษ์ (大红鱼 / Giant Red Fish) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ ปลาไทแมน (Hucho taimen/哲罗鲑) หรือปลาไซบีเรียนแซลมอล

       เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า สิ่งประหลาดที่คนงานเห็นจะเป็นเรือเล็กหรือเปล่า
       
       หวัง หงเฉียวกล่าวว่า “ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะพวกเราได้เปรียบเทียบภาพที่บันทึกไว้กับเรือเล็กแล้ว เจ้าตัวประหลาดนั่นใหญ่กว่าเรือเล็กเลย และไม่ใช่ห่านป่าแน่นอน เพราะเรารู้จักห่านป่าดีมันเล็กมาก มันไม่อาจแหวกว่ายน้ำกระเพื่อมเป็นริ้วคลื่นใหญ่ขนาดนั้น”

ปลาที่กล่าวถึงนี้มีชื่อสามัญว่า taimen ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Hucho taimen

ร่องรอยที่เห็นเป็นเส้นตรงอยู่บนผิวน้ำ  ไม่น่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของปลา เรือเล็กน่าจะพอเข้าเค้ากว่า

 

[เพ็ญชมพู]

๒.

              ทั้งนี้ ชาวจีนเรียกปลาชนิดนี้เล่น ๆ ว่า ปลาปีศาจ โดยเชื่อว่า ปลาปิศาจนี้ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดถึง 10-15 เมตร และหนักถึง 4 ตัน ความเชื่อเรื่องปลาไทแมนนี้กลายเป็นนิทานพื้นบ้านของจีนและมองโกเลีย โดยเล่ากันว่ามันอาศัยอยู่ในแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง และอาศัยอยู่ในทะเลสาบคานาส ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์มณฑลอุยกูร์ ซึ่งเป็นที่ ๆ เชื่อว่ามีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่เช่นเดียวกับทะเลสาบเนสส์ของสกอตแลนด์ โดยปลาไทแมนตัวนี้มีน้ำหนักถึง 3,000 ปอนด์ และมีสีแดงก่ำ

ปลา taimen ตัวใหญ่ที่สุดในโลกจับได้ที่แม่น้ำ Kotui ในรัสเซีย ยาว ๒๑๐ เซนติเมตร หนัก ๑๐๕ กิโลกรัม ขนาดและน้ำหนักห่างไกลจาก "ปลาปีศาจ" ยิ่งนัก หากปลาปีศาจมีจริงก็น่าจะเป็นคนละพันธุ์กับปลา taimen

หน้าตาของปลา taimen เป็นอย่างนี้

[เพ็ญชมพู]

๓.



ปลาตัวนี้ไม่ใช่ปลา taimen  โปรดสังเกตว่ามีหนวด เป็นปลา Wels catfish อยู่แถวยุโรปตะวันออก เป็นญาติห่าง ๆ กับปลาบึกบ้านเรา

ปลาพวกนี้เรียกรวม ๆ กันว่า ปลาแมว (catfish) ลักษณะสำคัญคือเป็นปลาหนัง (ไม่มีเกล็ด) และมีหนวดเหมือนแมว

ปลาบึกก็เป็น ปลาแมว เหมือนกัน เรียกกันว่า ปลาแมวยักษ์แห่งแม่น้ำโขง  Mekong giant catfish หนวดสั้นมาก ไม่สังเกตก็ไม่เห็น ถือเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

[เพ็ญชมพู]

มาดูสัตว์ประหลาดที่ไอซ์แลนด์กันบ้าง

จาก ครอบครัวข่าวดอตคอม รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕

เกษตรกรชาวไอซ์แลนด์ ที่ถ่ายคลิปวิดีโอ ที่อ้างว่าเป็นสัตว์ประหลาดในน้ำของไอซ์แลนด์ ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นตัวหนอนแห่งลาการ์ฟลีออต ตามตำนานของไอซ์แลนด์ อ้างว่าคลิปวิดีโอของเขาไม่ใช่ของปลอม



คลิปวิดีโอ ที่แสดงภาพบางอย่างเลื้อยผ่านน้ำ กลายเป็นคลิปสุดฮิตหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต มีผู้คลิกเข้าไปชมแล้วกว่า ๒ ล้านครั้ง นับแต่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ ๒ เดือนนี้



นายฮอร์ตูร์ คเจอรุล์ฟ วัย ๖๗ ปี เกษตรกรผู้ถ่ายคลิปนี้ กล่าวว่า เขากำลังชงกาแฟอยู่ในครัวของเขาในเมืองฮรัฟน์เคลส์สตาเดอร์ ทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ ตอนที่เขาสังเกตเห็นบางอย่างแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำข้างบ้าน เขาจึงรีบคว้ากล้องของเขาแล้ววิ่งลงไปยังแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในเรื่องการไล่ล่าหนอนแม่น้ำลาการ์ฟลีออตในตำนาน หนอนแม่น้ำลาการ์ฟลีออตเป็นสัตว์ประหลาดที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดในตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์ มันถูกกล่าวถึงครั้งแรกใน ค.ศ. ๑๓๔๕ หรือ พ.ศ. ๒๓๘๘

คุณเทาชมพูเชื่อหรือเปล่าว่ามันคือหนอนยักษ์

ถ้าไม่เชื่อ คิดว่ามันคืออะไร

 

[เทาชมพู]

งู
แต่เป็นงูจริง หรืองูไม้ระกำของฝรั่ง ไม่รู้นะคะ

[เพ็ญชมพู]

ตามไปดู ..... ๔ เดือนต่อมา



หนอนยักษ์, งูยักษ์, พญานาค  ?

ฤๅเป็นเพียงแหหรืออวนเก่า ๆ ที่ลอยล่องมาตามกระแสน้ำ

 

[เทาชมพู]

สัตว์ไม่ประหลาด แต่ข่าวนี้ประหลาด เลยนำมาฝากค่ะ

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000080148
     
       เหล่านักวิทยาศาสตร์ในวันศุกร์(29) ยังมึนงง ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุการตายอย่างลึกลับของเต่าตนุกว่า 70 ตัว ที่เกยตื้นตามชายหาดต่างๆทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสตรเลีย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
       
       เจ้าหน้าที่ของรัฐควีนส์แลนด์ระบุว่าเตาตนุ 62 ตัว นอนตายกระจาดกระจายตามชายหาด ส่วนราว 10 ตัวที่เหลือ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งพบเห็นพวกมันลอยแอ้งแม้งอยู่กลางทะเล
       
       มาร์ต แมคลาฟลิน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของศูนย์อุทยานและพิทักษ์สัตว์ป่าควีนส์แลนด์ระบุไม่พบสัญญาณอาการป่วยในเต่าเหล่านี้ "เรายังไม่ทราบถึงสาเหตุการตายของมัน เราลองทดสอบสำหรับเหตุผลปกติทุกเหตุผลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโดนเรือชนหรือหิวโซ แต่มันก็ไม่ใช่ตามข้อสันนิษฐานนั้น"