เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 42581 พระยามนตรีสุริยวงศ์
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 06 พ.ค. 10, 11:50

อ่าน ศริพจน์ภาษาไทย์ ฉบับเต็มได้จากลิ้งก์ข้างล่าง

http://library.tu.ac.th/rarebook/rt0128/01หน้าปกในERRATA.pdf

ศริพจน์ภาษาไทย์ฉบับที่คุณเพ็ญฯ บอกมานี้ไม่จบทั้งเล่มนะครับ  มีแต่ส่วนหน้าของหนังสือเท่านั้น   ถ้าอยากอ่านทั้งหมดต้องไปหาอ่านใน www.archive.org


มีใครพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับ บาทหลวง J.L. Vey บ้างไหมคะ    คิดว่าท่านน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง   ไม่งั้นคงทำหน้าที่ revise ไม่ได้


Bishop Jean-Louis Vey, M.E.P.
Deceased
Vicar Apostolic of Eastern Siam {Siam Orientale}
Titular Bishop of Gerasa

--------------------------------------------------------------------------------

Events
Date Age Event Title
6 Jan 1840  Born Araules, France
10 Jun 1865 25.4 Ordained Priest Priest of La Société des Missions Etrangères
30 Jul 1875 35.6 Appointed Vicar Apostolic of Eastern Siam {Siam Orientale}, Thailand
30 Jul 1875 35.6 Appointed Titular Bishop of Gerasa
5 Dec 1875 35.9 Ordained Bishop Titular Bishop of Gerasa
21 Feb 1909 69.1 Died Vicar Apostolic of Eastern Siam {Siam Orientale}, Thailand

a priest for 43.7 years
a bishop for 33.2 years
 
บาทหลวง Jean-Louis Vey เป็นผู้ตัดภาษาละติน ใน ศริพจน์ภาษาไทย์ ออกในฉบับพิมพ์ครั้งต่อมา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 07 พ.ค. 10, 10:06

ตอนนี้ เราก็พอแกะรอยกันได้แล้วว่า เด็กหนุ่มในคณะทูตน่าจะเป็นล่าม   เพราะตำแหน่งที่จะมาถ่ายรูปกับคณะทูตผู้ทรงเกียรติได้  โดยตัวเองไม่ใช่ทูต  ก็มีแต่ล่ามเท่านั้น   
เห็นได้ว่าในรูปนี้แม้แต่กัปตันเรือก็ไม่มายืนปนอยู่ด้วย    อาจจะถ่ายรูปร่วมกันในรูปอื่น   แต่ไม่ใช่รูปที่บอกถึงภาระกิจที่มีร่วมกัน
ก็คงจบได้แค่นี้     ส่วนชื่อก็รู้แต่ว่าชื่อนายโนรี   เกี่ยวข้องกับสังฆราชปาเลอกัวซ์อย่างไร ยังหาหลักฐานไม่พบ

ย้อนกลับมาที่พระยามนตรีสุริยวงศ์     เท่าที่สกุลบุนนาคบันทึกประวัติท่านไว้ก็คือ
๑    เป็นบุตรคนที่ ๙ ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์  กับท่านผู้หญิงจันทร์
๒    เป็นน้องชายสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
๓    เริ่มเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก  เป็นนายพลพันหุ้มแพร
๔    ตำแหน่งพระยามนตรีสุริยวงศ์ คือจางวางมหาดเล็ก
๕    พอกลับจากยุโรป  ทั้งที่ยังเป็นพระยา  แต่ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็นสมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือ    เป็นพระยาคนแรกที่ได้เป็นสมุหกลาโหม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 07 พ.ค. 10, 10:09

ในประวัติไม่ได้บอกว่าท่านเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน   แต่ดูจากตำแหน่งราชทูตที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว เชื่อว่ารู้ภาษาฝรั่งดีพอจะส่งไปเจรจากับฝรั่งได้ที่อังกฤษ
ก็เดาต่อว่าท่านก็เรียนภาษาแบบเดียวกับพี่ชาย คือสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้เรียนมา คือเรียนกับมิชชันนารีฝรั่ง   อาจจะพูดคล่องด้วยซ้ำ เพราะเรียนแบบตัวต่อตัว    หรืออย่างดีก็มีนักเรียนสัก ๒ คนในชั้นเรียน
บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 08 พ.ค. 10, 19:36

๕    พอกลับจากยุโรป  ทั้งที่ยังเป็นพระยา  แต่ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็นสมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือ    เป็นพระยาคนแรกที่ได้เป็นสมุหกลาโหม

กราบเรียน อาจารย์เทาชมพูที่เคารพอย่างสูง
ตำแหน่งสมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือ เป็นที่ พระยา อยู่แล้วครับ
ต้องระดับ สมุหพระกลาโหม ถึงเป็นที่อัครมหาเสนาบดี ที่เจ้าพระยาสุพรรณบัฏ

ส่วนสมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือ บังคับบัญชากรมพระกลาโหมฝ่ายเหนือ (เช่นเดียวกับสมุหนายกฝ่ายเหนือ กรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ) เป็นที่พระยาครับ

สันนิษฐานกันว่า เป็นตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีเมืองพระพิษณุโลก สมัยอยุธาตอนกลาง ที่โปรดให้สมเด็จพระมหาอุปราชครองเมืองพระพิษณุโลก
ต่อมา เมื่อสมเด็จพระนเรศวร เทครัวหัวเมืองเหนือลงมาอยุธยาในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา เพื่อรับศึกพม่า ตำแหน่งทั้งสองจึงลดลงมาเป็นขุนนางกรุงศรีอยุธยา

เมื่อพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) ถึงแก่อนิจกรรม  จึงโปรดฯ ให้ พระเพชรพิสัยศรีสวัสดิ์ (ท้วม บุนนาค) ปลัดเมืองเพชรบุรี (รักษาการตำแหน่งเจ้าเมือง) เข้ามาเป็นสมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือแทนพี่ชายต่างมารดา ที่ พระยาเทพประชุน
พระยาเทพประชุน ทำหน้าที่แทนสมุหพระกลาโหม คราวพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๕ เนื่องจาก เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
หลังจากนั้นไม่นาน พระยาเทพประชุน (ท้วม บุนนาค)  ได้เลื่อนเป็นที่ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ที่กรมท่า ท่านเป็นเสนาบดีกรมท่า (กระทรวงต่างประเทศ) คนแรกของสยาม เรียกกันลำลองว่า ท่านเจ้าคุณกรมท่า
ส่วนตำแหน่งสมุหพระกลาโหมนั้น โปรดฯ ให้ พระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) จางวางมหาดเล็ก บุตรเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค - ซึ่งเมื่อพ้นจากผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแล้ว เป็นที่ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์) เป็น เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ที่สมุหพระกลาโหม เรียกกันลำลองว่า ท่านเจ้าคุณทหาร

เมื่อตำแหน่งพระเพชรพิสัยศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองรักษาการเจ้าเมืองเพชรบุรีว่างลงนั้น ร. ๔ จึงโปรดให้ นายสรรพวิชัยหุ้มแพรมหาดเล็ก (เทศ บุนนาค) บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ น้องต่างมารดาของท่านช่วง ท่านชุ่ม ท่านท้วม เป็นที่ พระเพชรพิสัยศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองรักษาการเจ้าเมืองเพชรบุรี
ท่านเทศ คือผู้ที่ได้ไปในคณะทูตของพระยามนตรีสุริยวงศ์ เพื่อจะไปศึกษาต่อ แต่เกิดเหตุขัดข้องเสีย   เมื่อขึ้นรัชกาลที่ ๕ ท่านได้เป็นที่ พระยาสุรินทรฦๅไชย เจ้าเมืองเพชรบุรีเต็มตำแหน่ง  ต่อมาได้เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี และเลื่อนเป็นที่ เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์
ท่านเป็นบิดาของเจ้าจอมก๊กออ และมีบุตรชายเป็นเจ้าเมืองเพชรบุรี ราชบุรีหลายท่าน

ถ้าท่านพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) ไม่ถึงแก่อนิจกรรมไปเสียก่อน  ท่านต้องถึงที่เจ้าพระยาเสนาบดีอย่างแน่นอน เพราะท่านเป็นน้องชายร่วมมารดากับท่านช่วง
และอาจได้เป็นถึงที่สมเด็จเจ้าพระยา แบบสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ องค์น้อย ในรัชกาลที่ ๔ ก็เป็นได้ เพราะท่านช่วง และท่านชุ่ม เป็น เจ้าคุณพระราชพันธ์ ชั้นที่ ๓ เนื่องจากมีมารดาเป็นเอกภริยา  จึงมีเพียงท่านสองคน ที่เป็นผู้สืบราชินิกุลสายตรง จากเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) และเจ้าคุณนวล ซึ่งเป็นเจ้าคุณพระราชพันธุ์ ชั้นที่ ๑
เพราะผู้ที่เกิดจากอนุภรรยา จะมิได้เป็น "เจ้าคุณชาย" แต่เรียกกันเพียง "คุณชาย" ในสกุลถือว่ามีศักดิ์ต่ำกว่า เช่น เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษธิบดี (ขำ บุนนาค) เมื่อ ร. ๕ จะเลื่อนศักดินาและเครื่องยศเทียบที่สมเด็จเจ้าพระยา นา ๓๐๐๐๐ คู่กับท่านช่วง พี่ชายต่างมารดา  คนในสกุลก็ประท้วงว่าท่านเกิดแต่อนุภรรยา ร. ๕  จึงลดศักดินา เหลือ ๒๐๐๐๐ แทน
สายสมเด็จองค์ใหญ่ (สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)) จึงมีทายาทสายตรงเพียง เจ้าคุณชายช่วง กับ เจ้าคุณชายชุ่ม
ส่วนสายสมเด็จองค์น้อย (สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค)) ไม่มีทายาทสายตรงเลย เนื่องจากบุตรชายที่เกิดจากเอกภริยา คือ เจ้าคุณชายสนิท (บุนนาค) ซึ่งเป็นที่ พระสุริยภักดี เจ้ากรมพระตำรวจ ในรัชกาลที่ ๓ ต้องโทษประหารเมื่อปี ๒๓๘๑

บุตรของท่านที่ได้สืบทอดราชทินนาม พระยามนตรีสุริยวงศ์ มีหลายท่าน เช่น พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค)  และหลาน คือ พระยามนตรีสุริยวงศ์ (วิเชียร บุนนาค) พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ฉี่ บุนนาค)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 08 พ.ค. 10, 20:25

ขอบคุณที่มาชี้แจงคำตอบถูกต้องให้ค่ะ   ดิฉันสับสนเองระหว่างสมุหกลาโหมฝ่ายเหนือ กับสมุหพระกลาโหม


บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 09 พ.ค. 10, 19:26

ส่วนสายสมเด็จองค์น้อย (สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค)) ไม่มีทายาทสายตรงเลย เนื่องจากบุตรชายที่เกิดจากเอกภริยา คือ เจ้าคุณชายสนิท (บุนนาค) ซึ่งเป็นที่ พระสุริยภักดี เจ้ากรมพระตำรวจ ในรัชกาลที่ ๓ ต้องโทษประหารเมื่อปี ๒๓๘๑

ขอแก้คำผิดเล็กน้อยนะครับ  พิมพ์เพลินไปหน่อย  พระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค) เรียกกันเพียง "คุณชาย"  
เพราะท่านถึงแก่กรรมก่อนที่รัชกาลที่ ๔ จะโปรดฯ ให้บุตรธิดาของสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ องค์น้อย ที่เกิดแต่เอกภริยา เป็นที่ เจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์ (รัชกาลที่ ๖ เปลี่ยนเป็น เจ้าคุณพระราชพันธุ์) ชั้นที่ ๓
(ท่านบุนนาค เจ้าคุณนวล เป็นชั้นที่ ๑ สมเด็จองค์ใหญ่ องค์น้อย เป็นชั้นที่ ๒)
คุณชายสนิท จึงยังไม่ถึงที่ "เจ้าคุณ" อย่างเป็นทางการ
ส่วนบรรดาบุตรธิดา ของสมเด็จองค์ใหญ่ องค์น้อย ที่ถึงแก่กรรมไปก่อน ร. ๔  หรือที่เกิดแต่อนุภริยานั้น เรียกกันเพียง "คุณ" เป็น คุณหญิง คุณชาย (เชื้อสายของพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็ออกนาม คุณหญิง คุณชาย เช่นกัน)

ส่วนบุตรธิดาของเจ้าคุณพระราชพันธุ์ ชั้นที่ ๓ (เจ้าคุณชายช่วง เจ้าคุณชายชุ่ม)  ถ้าเกิดแต่เอกภริยา ก็ออกนามว่า คุณชาย คุณหญิง
ในสี่แผ่นดิน ลูกอนุภริยา ก็ออกนามแค่ แม่พลอย พ่อเพิ่ม  แต่เมื่อเป็นลูกคุณหญิงเอกภริยา ก็เป็น คุณชิต เป็นต้น



ในประวัติไม่ได้บอกว่าท่านเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน   แต่ดูจากตำแหน่งราชทูตที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว เชื่อว่ารู้ภาษาฝรั่งดีพอจะส่งไปเจรจากับฝรั่งได้ที่อังกฤษ
ก็เดาต่อว่าท่านก็เรียนภาษาแบบเดียวกับพี่ชาย คือสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้เรียนมา คือเรียนกับมิชชันนารีฝรั่ง   อาจจะพูดคล่องด้วยซ้ำ เพราะเรียนแบบตัวต่อตัว    หรืออย่างดีก็มีนักเรียนสัก ๒ คนในชั้นเรียน


เห็นด้วยกับอาจารย์เทาชมพูอย่างยิ่งครับ
 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 09 พ.ค. 10, 22:10

คุณชายสนิท จึงยังไม่ถึงที่ "เจ้าคุณ" อย่างเป็นทางการ

(เพราะก่อนรัชกาลที่ ๔ คำว่า เจ้าคุณ ท่านผู้หญิง คุณหญิง คุณชาย หม่อม เป็นคำใช้เรียกลำลอง มิได้มีกฎระเบียบตายตัว)
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 09 พ.ค. 10, 22:37

จากตำนาน " พริฏิษ แฟกฏอรี่ "ที่คุณหลวงเล็กท่านไปค้นคว้าหามาให้อ่านในกระทู้โน้น

อ้างถึง
นายหันแตรได้ตั้งการค้าขายจนได้เป็นพ่อค้าใหญ่ในกรุงเทพฯ    ต่อมานายหันแตรได้แต่งงานกับหญิงเชื้อสายปตุกัน  ซึ่งเรียกกันโดยสามัญว่า พวกฝรั่งกะฎีจีน  หญิงคนนี้ชื่อ  คาโรไลน์ ทรัพย์   ผู้คนทั่วไปและบ่าวต่างเรียกภรรยานายหันแตรนี้ว่า  ท่านผู้หญิงทรัพย์   เพราะนายหันแตรมีตำแหน่งเป็นที่หลวงอาวุธวิเศษ

ผมก็ยังงงๆอยู่ เคยคิดจะถามที่มาที่ไปสักหน่อยว่า ภรรยาคุณหลวงนี่ เขายกกันให้เป็นถึงท่านผู้หญิงเชียวหรือ ในกระทุ้นี้ท่านภาณุเมศฺวรบอกว่าก่อนรัชกาลที่ ๔ คำว่า เจ้าคุณ ท่านผู้หญิง คุณหญิง คุณชาย หม่อม เป็นคำใช้เรียกลำลอง มิได้มีกฎระเบียบตายตัว ผมก็ยังใคร่ถามท่านผู้รู้อยู่ดี เรื่องนี้คงมีความตื้นลึกหนาบางอยู่บ้างกระมัง  มิฉะนั้นในวงสังคมชั้นสูงคงจะเขม่นกันตายเพราะบรรดาศักดิ์ที่บ่าวไพร่ยกนายนี่แหละ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 09 พ.ค. 10, 22:45

ตอบไว้ในกระทู้ ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร

อ้างถึง
อ้างถึง
ท่านผู้หญิงจับ  ภรรยาพระมหาอำมาตย์ (ชื่น  กัลยณมิตร)
เท่าที่เคยทราบมา  ท่านผู้หญิงก็คือภรรยาของเจ้าพระยา
ทำไมภรรยาพระมหาอำมาตย์  ได้เป็นท่านผู้หญิงค่ะ  ขอความรู้หน่อยค่ะ
ขอขยายความจากที่คุณวันดีตอบ  คือสมัยที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติคำนำหน้าสตรี     ภรรยาหลวงของขุนนาง เรียกกันอย่างยกย่องว่า ท่านผู้หญิง   ไม่จำกัดว่าขุนนางระดับพระยาหรือเจ้าพระยา
ในขุนช้างขุนแผน  ขุนช้างเป็นแค่มหาดเล็ก  ไม่มีบรรดาศักดิ์    นางวันทองเป็นภรรยาหลวง (หรือที่ถูกคือภรรรยาคนเดียว)   กวีก็เรียกว่าท่านผู้หญิง  เห็นได้จากตอนพระไวยแต่งงาน

ท่านผู้หญิงวันทองร้องเรียกบ่าว             .....................

ในนิราศเมืองเพชร   ระหว่างเส้นทางที่สุนทรภู่เดินทาง   แวะบ้านมิตรเก่าชื่อขุนแพ่ง   ผู้ไปตายเสียในศึกเจ้าอนุวงศ์
ก็เรียกภรรยาหลวงว่า
สงสารท่านผู้หญิงมิ่งเมียหลวง              .......................

ขยายความต่อว่า แม้ในยุครัชกาลที่ ๖  ที่มีคำนำหน้าสตรีแล้ว   สตรีที่เป็นภรรยาหลวงของพระยา  ถึงไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯจุลจอมเกล้า  ก็เรียกว่า "คุณหญิง"   ส่วนผู้ที่ได้รับ ก็แน่นอนว่าเป็น "คุณหญิง" อย่างเป็นทางการ
ส่วนภรรยาหลวง หรือภรรยาออกหน้าออกตา ของเจ้าพระยา  ถ้าไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯถึงขั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ    ก็ไม่เรียกว่า ท่านผู้หญิง   เรียกว่า"คุณหญิง" เท่านั้น

แถมท้ายให้อีกหน่อยว่า   เมียหลวงขุนนาง   เรียกว่าท่านผู้หญิง   ส่วนภรรยารองๆลงมา เรียกกันว่า หม่อม ค่ะ

ถ้าถามว่าคำเหล่านี้เป็นทางการหรือไม่     ดิฉันสรุปว่าเป็นประชานิยม เห็นจะถูกต้องกว่าเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ

ส่วนสมัยนี้   คำว่าหม่อม  ไปยกให้หม่อมหลวงครอบครองเสียแล้ว   
หม่อมราชวงศ์ชายพลอยได้รับไปด้วยจากบรรดาสื่อ   แต่หม่อมราชวงศ์หญิง สื่อยังไม่เรียกหม่อม    บางท่านที่มีอาวุโสสูง  ถูกสื่อยกเป็นท่านหญิงไปเลยก็มี
บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 09 พ.ค. 10, 23:15

เพราะท่านถึงแก่กรรมก่อนที่รัชกาลที่ ๔ จะโปรดฯ ให้บุตรธิดาของสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ องค์น้อย ที่เกิดแต่เอกภริยา เป็นที่ เจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์ (รัชกาลที่ ๖ เปลี่ยนเป็น เจ้าคุณพระราชพันธุ์) ชั้นที่ ๓
(ท่านบุนนาค เจ้าคุณนวล เป็นชั้นที่ ๑ สมเด็จองค์ใหญ่ องค์น้อย เป็นชั้นที่ ๒)

ลองเช็คข้อมูลดู  เห็นว่าที่ทรงจำไว้นั้นผิดหลายประการ  ขอแก้ใหม่นะครับ

รัชกาลที่ ๔ โปรดฯ ให้เจ้าคุณนวล และบรรดาเจ้าคุณที่เป็นพระภคินีในสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๑ เป็นเจ้าคุณพระไอยิกา
เจ้าคุณที่เป็นธิดาของเจ้าคุณพระไอยิกา คือเจ้าคุณที่เป็นพี่สมเด็จเจ้าพระยาทั้ง ๒ นั้น โปรดฯให้มีฐานันดรเป็นเจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์

ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ จึงได้เปลี่ยนเป็น เจ้าคุณพระราชพันธุ์ชั้นที่ ๑ ๒ และ ๓ ตามลำดับ
ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rattanakosin225&month=12-07-2007&group=2&gblog=67


ประเด็นต่อไป

ในขุนช้างขุนแผน  ก็มีบทที่บ่าวไพร่เรียกขุนช้างว่า "เจ้าคุณ" ด้วยนะครับ
คำ เจ้าคุณ นี้ คงมาจาก เจ้าพระเดชนายพระคุณ และนำมาเรียกผู้ที่เราเคารพอย่างสูง เช่น  พระเจ้าเสือ ก็เรียกพระมารดาเลี้ยงว่า เจ้าคุณ
ในการเรียกพระราชาคณะว่าเจ้าคุณ ก็ยังมีคำเดิมติดมา เช่น พระเดชพระคุณ เจ้าประคุณ (เจ้าพระคุณ) สมเด็จ...
ต่อมาในรัชกาลที่ ๔  เรียกเจ้าคุณกันเกร่อ จึงต้องมีระเบียบออกมา

อย่างไรก็ตาม การเรียกขุนนางระดับพระยาขึ้นไปว่า เจ้าคุณ เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ นั้น ผู้สนทนาต้องเป็นผู้มีศักดิ์สูงกว่า หรือมีความสนิทสนมกัน  ผู้มีศักดิ์ต่ำกว่าต้องใช้ว่า "ใต้เท้า" (พระยา) "ใต้เท้ากรุณา" (เจ้าพระยา) "ใต้เท้ากรุณาเจ้า" (เจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา)

คำว่า หม่อม เดิมก็หมายถึงลูกหลานผู้ดี ผู้เกิดในตระกูลสูง เช่น หม่อมบุนนาค (เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา ต้นสกุลบุนนาค)  หรือเจ้าที่ถูกถอดยศ เช่น หม่อมเหม็น หม่อมไกรสร   ลูกหม่อมเจ้า ก็เรียกหม่อม (หม่อมราชวงศ "น่าจะ" มามีใน ร. ๔  ส่วนหม่อมหลวงมีใน ร. ๕)
นอกจากนี้ยังใช้ในความหมายของอนุภรรยาของเจ้านาย หรือ ขุนนาง เช่น อนุภรรยาของสมเด็จเจ้าพระยาก็เรียกหม่อม   ต่อมาจึงได้มีกฎให้ใช้กับสามัญชนที่เป็นหม่อมห้ามของเจ้านาย

ส่วนคุณชาย คุณหญิง นั้น ใช้เรียกบรรดาเชื้อสายของพระเจ้ากรุงธนบุรี และเชื้อสายเจ้าคุณนวลกับเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาบุนนาค ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

ท่านผู้หญิง ใช้เรียกเอกภริยาของขุนนาง

ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rattanakosin225&month=11-04-2007&group=2&gblog=56

แต่ที่ไม่ทราบคือ มาจัดลำดับให้ คุณหญิง ใช้กับเอกภริยาของขุนนางระดับพระยาขึ้นไป และท่านผู้หญิง ใช้กับเอกภริยาของขุนนางระดับเจ้าพระยาขึ้นไป  ตั้งแต่เมื่อใด
สันนิษฐานว่าในรัชกาลที่ ๕ ที่มีการพระราชทานเครื่องราชย์ ตระกูลจุลจอมเกล้า กระมังครับ ฮืม

ป.ล. ขอบพระคุณคุณกัมม์ สำหรับลิงค์ข้อมูลดี ๆ ครับ
 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 10 พ.ค. 10, 10:06

ขอกลับมาที่ประวัติพระยามนตรีสุริยวงศ์ อีกครั้ง ค่ะ

ท่านสมรสกับคุณหญิงเป้า  ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัด บุนนาค) อาของท่าน  มีบุตรธิดา ๑๑ คน 
ขอยกมาเพียงบางคนที่หนังสือประวัติสกุลลงไว้
๑    มหาอำมาตย์โท  พระยามนตรีสุริยวงศ์(ชื่น)  สมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือ
๒    พระยาราชพงศานุรักษ์( ชม) ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
๓    พระศรีธรรมสาส์น (เชย) เสนาบดีกรมท่า
๔    พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์

ส่วนบุตรธิดาจากภรรยาอื่น ที่สำคัญก็มี
๑    พระภักดีพิรัชภาค (เจิม) มหาดเล็ก  สังกัดกองพิเศษกรมตำรวจ
๒    อำมาตย์เอก พระยามหาบุรีรมย์ (ทับทิม) ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
๓    มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด) เสนาบดีกระทรวงการคลัง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัชกาลที่ ๗
๔    พระยารำไพพงศ์บริพัตร (จิตร) รับราชการในกรมรถไฟหลวง

ส่วนธิดาของท่านนั้น  บางคนก็สมรสกับพี่ชายหรือน้องชายต่างมารดาของตน   ตกใจ
๑    คุณหญิงนิ่ม  เป็นภรรยาพระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่)
๒    นิล  เป็นภรรยาพระยามนตรีสุริยวงศ์(ชื่น)
๓    คุณหญิงลิ้นจี่ เป็นภรรยาพระยาสุริยานุวัตร (เกิด)
๔    ปุย  เป็นภรรยาพระศรีธรรมสาส์น (เชย)   ท่านรับราชการในห้องเครื่องต้นในรัชกาลที่ ๖  ได้เป็นท้าวราชกิจวรภัตร    ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ตติยจุลจอมเกล้า

ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย สำหรับสามัญชน  พี่น้องพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ สมรสกันได้ด้วย   รู้แต่ว่าลูกพี่ลูกน้องในสกุลเดียวกันแต่งงานกันเอง  เป็นเรื่องธรรมดา   
ในกรณีนี้ เมื่อดูว่ามีตั้ง ๔ คน  ก็แสดงว่าเป็นเรื่องยอมรับกันในครอบครัว  ผู้ใหญ่เห็นชอบด้วย จึงสมรสกันได้หลายคู่   

พระยามนตรีสุริยวงศ์ มีบุตรธิดารวมทั้งหมด ๒๘ คน  เป็นชาย ๑๘  หญิง ๑๐ คน
บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 10 พ.ค. 10, 10:37

ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย สำหรับสามัญชน  พี่น้องพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่ สมรสกันได้ด้วย   รู้แต่ว่าลูกพี่ลูกน้องในสกุลเดียวกันแต่งงานกันเอง  เป็นเรื่องธรรมดา    
ในกรณีนี้ เมื่อดูว่ามีตั้ง ๔ คน  ก็แสดงว่าเป็นเรื่องยอมรับกันในครอบครัว  ผู้ใหญ่เห็นชอบด้วย จึงสมรสกันได้หลายคู่    

ใช่ครับ  ในสกุลมีการสมรสกันระหว่างพี่น้องต่างมารดาหลายคู่  เช่น เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)  ก็สมรสกับน้องสาวต่างมารดา ๒ ท่าน (แต่เคยได้ยินมาว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ท่านคัดค้าน ทำให้เกิดความบาดหมางกันขึ้น  จำได้ราง ๆ นะครับ  ฮืม)

นอกจากนั้นที่นึกออกในขณะนี้ก็มี พระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทียน บุนนาค) ที่ได้น้องสาวต่างมารดาเป็นอนุภรรยาอยู่ ๑ ท่าน
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 10 พ.ค. 10, 10:47

เคยกราบเรียนถาม หลานสาวของ ตระกูลแรกของประเทศไทย      เนื่องด้วยประวัติ อาๆ ของท่านดูจะสับสนอยู่บ้าง

ท่านเมตตาตอบว่า อาของท่านคนหนึ่ง   เป็นภรรยาของคุณลุงของท่าน


เรียนถามต่อไป คืบได้แล้วต้องรุก   ว่าทำไมเพราะคุณลุงก็เป็นนักเรียนนอกเกริกไกร ทำไมย้อนยุค

ท่านอธิบายว่า  พี่น้องแทบไม่รู้จักกัน เพราะน้องสาวก็เข้้าวังไปตั้งแต่เล็ก

เมื่อพี่กลับมาจากต่างประเทศ   น้องสาวก็เฉิดฉายเป็นสาวสพรั่งออกมาแล้ว     แทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ดั่งนี้




ยิ่งในสกุลมหาศาล   หม่อม ๆ ก็มีเรือนอยู่ต่างหาก       พี่น้องไม่สนิทสนมกัน

ที่จวนนั้นก็เป็นที่บัญชาการงานบ้านงานเมือง  มีขุนนางและพ่อค้าเจ๊สัวมาดักท่านประธานของบ้านตั้งแต่เช้าจดเย็น

หม่อมน้อยๆ  ไหนจะย่างกรายพาลูกเล็กๆ มาเล่นตี่จับหรือซ่อนหาได้



หม่อมน้อยๆนั้นบางคนที่ลูกชายเกิดได้ดีเป็นพระยาหรือเจ้าพระยาขึ้นมานั้น

เมื่อศึกษาดูดีๆ  จะเป็นหลานสาวของสกุลขุนนางระดับเจ๋งเหมือนกัน

มิใช่จะเป็นหม่อมมโหรีไร้ญาติเสียทีเดียว

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 10 พ.ค. 10, 11:02

เรียนคุณ  Bhanumet   ว่า  โปรดมาพำนักเสียที่นี่เลยจะดีกว่า



สหายหลายท่าน วุ่นวายใจนัก   เพราะยังมีเรื่องต้องถามไถ่กันอีกมาก

เรากำลังวางแผนจะค้นงานเขียนของเจ้าคุณภาสกรวงศ์ มาเปรียบกัน  เพราะคนไม่รู้จักงานของท่าน

อีกชิ้นหนึ่งที่เป็นแต่โครงร่าง   คือ หม่อมไกรสร    ความรู้ความสามารถของท่านก็น่าจะอธิบายกันได้อีกไม่น้อย(ที่จริงเยอะ)

ลองอ่านจดหมายหลวงอุดมสมบัติดู







บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 10 พ.ค. 10, 11:09

สงสัยเรื่องนี้จะแยกซอยออกไปได้หลายทาง

เคยได้ยินจากปากคุณเดือนฉาย (บุนนาค) คอมันตร์ว่า มีเบื้องหลังก็อสสิปตกทอดกันมากันว่า ผู้ชายที่แหม่มแอนนาปิ๊งนั้น ที่จริงเป็นขุนนางสกุลบุนนาค    เป็นหนุ่มสง่างามความรู้ดี    
แต่ดิฉันจำไม่ได้ว่าเป็นสมเด็จเจ้าพระยาฯ หรือน้องชายคนไหนของท่าน  คุณ Bhanumet เคยได้ยินบ้างไหมคะ

เมียหม่อมของขุนนางใหญ่    ไม่จำเป็นต้องเป็นระดับอีเย็นในนางทาส  หรือเป็นสาวกำพร้าพ่อแม่นำมาขัดดอกเสมอไป    
ลูกสาวขุนนางมีสกุลรุณชาติ ก็เป็นภรรยารองได้เหมือนกัน   ไม่ได้ถือว่าเสียหน้า     ญาติพี่น้องก็ยอมรับด้วยดี
ในงานถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา   เมื่อเอกภริยาเข้าวังถือน้ำพร้อมสามี  เธอก็นุ่งขาวห่มขาวเป็นสง่า    ส่วนเมียหม่อมตามไปเป็นขบวน  นุ่งห่มสีสันกันเฉิดฉาย  
เป็นหน้าที่คุณหญิงหรือท่านผู้หญิงจะต้องดูแลให้เมียหม่อมเหล่านี้แต่งกายสวยสมหน้าสมตา  ประกาศบารมีของสามีไปในตัว     ขบวนไหนมีหม่อมแต่งตัวงดงาม จำนวนอุ่นหนาฝาคั่งไม่โหรงเหรง   ก็จะดูมีหน้ามีตากว่าเพื่อน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 20 คำสั่ง