เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 06 พ.ค. 10, 11:47
|
|
อ่านถึงตรงนี้แล้ว เดาว่าเจ้าคุณท่านคงเป็นนักปกครองที่สุขุมเยือกเย็น และเห็นอกเห็นใจราษฎรอยู่มาก เมื่อเกิดเรื่องเดือดร้อนเฉพาะหน้า คือชาวบ้านหลบหนีเกณฑ์ทหารกันมากมาย แทนที่จะสั่งยุติด้วยการไล่จับตัวกันอย่างเฉียบขาด ปราบปรามกันให้เห็นอำนาจพระราชบัญญัติ รู้หมู่รู้จ่ากันลงไป ท่านก็ผ่อนปรน ยอมยืดเวลาให้ชาวบ้านได้สติกันเสียก่อน พอตั้งสติได้แล้ว ปัญหาก็สงบราบคาบกันไปเอง แบบนี้ถึงจะมองว่า ตอนแรกเดือดร้อนวุ่นวาย เกณฑ์ทหารไม่ได้ผล เสียเครดิตพระราชบัญญัติ แต่ในระยะยาว กลับเป็นผลดีกว่าจะสร้างแรงกดดันกับราษฎรเสียแต่แรก ซึ่งอาจจะมีผลเสียหายยาวนานตามมา
เทศาฯบางท่านที่นิยมให้พระเดช มากกว่าพระคุณ คงเห็นตรงกันข้ามกับพระยาโบราณฯ ข้อนี้อาจเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ชีวิตราชการของพระยาโบราณฯใช่ว่าจะราบรื่นนัก ถ้าไม่มีบารมีเจ้านายคุ้มครองอยู่ ท่านเห็นจะเดินกระเผลกอย่างพระยาสัจจาภิรมย์ไปหลายหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 07 พ.ค. 10, 10:32
|
|
สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงประเมินฝีมือของพระยาโบราณราชธานินทร์ไว้ว่า "...ถึงกระนั้นความสามารถของพระยาโบราณฯ ในการปกครองบ้านเมืองก็ยังมีเทศาฯ มณฑลอื่นพอเปรียบได้ แต่ความสามารถด้วยรอบรู้โบราณคดีของมณฑลอยุธยา ข้อนี้ไม่มีผู้อื่นเปรียบได้ทีเดียว" ข้อนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า เหตุใดท่านจึงไม่ได้เลื่อนขึ้นถึงเจ้าพระยา แต่ถ้าเปรียบเทียบกับพระยาที่สังกัดมหาดไทยด้วยกัน เจ้าคุณโบราณฯก็ต้องถือว่าอยู่แถวหน้า ถ้าเป็นนักเรียนก็ต้องเรียกว่าเกรด A
ความโดดเด่นเฉพาะตัว ทำให้ชื่อพระยาโบราณราชธานินทร์ยังเป็นที่จดจำกันมาได้ในกลุ่มนักประวัติศาสตร์และโบราณคดีจนทุกวันนี้ เมื่อพิจารณาคุณสมบัติด้านนี้ เรียกได้ว่าตรงตามอิทธิบาท ๔ ครบทุกข้อ ๑ ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าว่าพระยาโบราณฯ เป็นคนรักประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อเป็นนักเรียน ก็ชอบอ่านหนังสือพงศาวดาร ความสนใจมาตั้งแต่เรียน ก็เป็นพื้นฐานที่แน่นสำหรับท่านจะต่อยอดต่อไปเมื่อรับราชการที่อยุธยา ๒ วิริยะ ความพากเพียร เมื่อท่านไปรับราชการที่อยุธยา ก็เที่ยวดูโบราณสถานตามที่ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในพระราชพงศาวดาร แห่งไหนไม่ปรากฏ ท่านก็ไม่ละความพยายาม เที่ยวค้นหาเพื่อจะให้เจอ มีเวลาว่างเมื่อใด ท่านก็ชวนชาวบ้านบุกป่าฝ่าดงค้นหาโบราณสถานที่ซ่อนอยู่ในป่ารก ซึ่งแน่นอนว่ายากลำบากไม่น้อย เราคงจะนึกออกว่าในรัชกาลที่ ๕ อยุธยาไม่ได้เป็นเมืองมีเทศบาลจัดระเบียบ ตัดถนนให้เราขับรถไปไหว้พระ ๙ วัดในวันเดียวอย่างสะดวกเหมือนสมัยนี้ แต่เป็นเมืองเก่าที่ล้อมด้วยป่า มีซากโบราณสถานมากมายซ่อนอยู่ในความรกทึบ จะหาแผนที่บอกทางก็ไม่มี เจ้าเมืองที่บุกป่าฝ่าดงอาศัยแค่คำบอกเล่าของชาวบ้าน ไปดูซากเจดีย์ซากวัดเก่าแก่ นอนกลางดินกินกลางทราย ถ้าไม่มีวิริยะจริงๆคงทำไม่ไหว เจ้าคุณโบราณฯ ท่านบุกป่าฝ่าดงสำรวจอยู่หลายปี ตั้งแต่เป็นคุณหลวงหนุ่มจนเป็นพระยาวัยกลางคน ท่านก็ยังไม่ลดหรือเลิก ทั้งๆหน้าที่เจ้าเมืองและเทศาฯ ก็ยังมีอยู่เต็มมือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 07 พ.ค. 10, 12:56
|
|
๓ จิตตะ จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ ตั้งแต่เป็นคุณหลวงอนุรักษ์ฯ จนเป็นพระยาโบราณราชธานินทร์ เจ้าคุณท่านก็ไม่เคยเบื่อหน่ายห่างเหินไปจากโบราณคดีที่ท่านรัก ถ้าไม่รักจริงคงไม่ทำได้ต่อเนื่องอยู่ได้ยาวนานหลายสิบปี ออกภาคสนามตลอด ไม่ใช่แค่อ่านตำรา ตัวช่วยต่างๆอย่างห้องสมุดก็ไม่มี แต่ท่านก็ค้นหาหนังสืออ่านเท่าที่จะหาได้
สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงกล่าวถึงเจ้าคุณโบราณฯ กับหนังสือเอาไว้ ตามนี้ "บรรดาหนังสือซึ่งมีความเนื่องถึงพระนครศรีอยุธยา จะเป็นในพงศาวดารก็ดี จดหมายเหตุก็ดี กฎหมายก็ดี ดูเหมือนพระยาโบราณฯจะได้อ่านหมดไม่มีเว้น และจำความไว้ได้ด้วย"
๔ วิมังสา สอดส่องให้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป ด้วยปัญญา
ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จบางปะอิน ทรงลงเรือพระที่นั่ง โปรดเกล้าฯให้พระยาโบราณฯตามเสด็จในเรือด้วย เรือผ่านพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ กลางสระ ตรัสถามว่า "ปราสาทครั้งกรุงเก่า ยอดประดับกระจกหรือไม่?" พระยาโบราณฯทูลตอบทันทีว่า "ประดับ" พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า "ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าประดับกระจก" พระยาโบราณฯกราบทูลว่า "ในหนังสือพระราชพงศาวดารแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง ว่าครั้งหนึ่งพระนารายณ์ราชกุมาร เล่นอยู่บนปราสาท อสุนีบาตลงต้องยอดปราสาท จนกระจกตกปลิวลงมาต้องพระองค์ พระนารายณ์ก็หาเป็นอันตรายด้วยสายฟ้าไม่" พระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า "เออ จริงแล้ว" บรรดาผู้ตามเสด็จไปในเรือพระที่นั่งก็พากันชมความทรงจำของพระยาโบราณฯ กับทั้งที่คิดขึ้นได้ว่องไวด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 10 พ.ค. 10, 22:00
|
|
ในเมื่อพระยาโบราณฯ ออก" ภาคสนาม" ไปทั่วทุกหัวระแหง เป็นประจำในอายุราชการยาวนานของท่าน นอกจากท่านจะคุ้นกับป่าดงและหมู่บ้านต่างๆในอยุธยา ที่ท่านไปสำรวจโบราณสถานแล้ว ท่านก็พลอยคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอันดีด้วย จนกระทั่งได้รับตำแหน่งที่ชาวบ้านเลือกตั้ง คือตำแหน่ง"ผู้ใหญ่บ้าน" ที่ตำบลหอรัตนไชย นอกเหนือไปจากตำแหน่งเจ้าเมืองและสมุหเทศาภิบาล เวลาเขาประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านกัน ท่านก็ไปนั่งประชุมในฐานะผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะฉะนั้นทุกข์สุขชาวบ้านเป็นยังไงท่านก็เลยรู้ ดูแลสอดส่องได้ทั่วถึง เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน พระสงฆ์องค์เจ้าก็เชื่อถือ ถึงกับขอให้เป็นมรรคนายกวัดถึง ๓ วัดด้วยกัน คือวัดสุวรรณดาราราม วัดมณฑป และวัดพุทไธสวรรย์
ความสามารถพิเศษของพระยาโบราณฯอีกอย่างคือ เก่งภาษาอังกฤษ เราคงจำได้ว่าท่านเป็นนักเรียนหัวดีมาแต่อายุสิบกว่าขวบ เมื่อตัดสินใจจะศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อจะได้อ่านตำราฝรั่งรู้เรื่อง ท่านก็ลงมือศึกษาด้วยตัวเอง จนกระทั่งอ่านประวัติศาสตร์อยุธยาที่ฝรั่งแต่งไว้ ในสมัยโบราณได้ เวลาแขกเมืองที่เป็นฝรั่งมาเที่ยวอยุธยา ท่านก็เจรจาเป็นไกด์พาชมโบราณสถานได้ แต่ความรู้ข้อนี้ พระยาโบราณฯท่านถ่อมตัว ไม่ค่อยจะบอกใคร ถือว่าท่านยังรู้น้อย รู้เพียงแค่ศึกษาประวัติศาสตร์ได้เท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 12 พ.ค. 10, 10:19
|
|
ด้วยใจรักทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ทำให้พระยาโบราณฯ สร้างผลงานไว้เป็นอนุสรณ์แก่ประเทศชาติไว้อีกเรื่องหนึ่ง คือตอนที่ท่านเดี่ยวดั้นด้นบุกป่าฝ่าดง เจอโบราณวัตถุถูกทิ้งอยู่กลางป่าไม่มีใครเหลียวแลอีกมาก ท่านก็พิจารณาว่าชิ้นใดควรแก่การเก็บรักษาไว้ (คือจะเก็บหมดทุกชิ้นก็ไม่ไหว) ท่านก็ให้คนขนเอามาเก็บไว้ที่วังจันทรเกษม แทนที่จะทิ้งไว้ตามบุญตามกรรม จนชำรุดสูญหายไปตามกาลเวลา เก็บได้มากเข้า ท่านก็จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แบบสมัยใหม่ ทันสมัยกว่าพิพิธภัณฑสถานในกรุงเทพเสียอีก ทำให้คนชอบไปดูกันมาก แม้แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็โปรดที่จะเสด็จไปทอดพระเนตร
มีพระราชโทรเลข ถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เมื่อเสด็จยุโรปครั้งหลัง พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อเสด็จถึงเมืองฮอมเบิร์กในเยอรมนี ว่า " มิวเซียมที่นี่เหมือนมิวเซียมกรุงเก่า ออกคิดถึงพระยาโบราณฯ ฉันจะแต่งหนังสือเรื่องมิวเซียมนี้"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 18 พ.ค. 10, 18:57
|
|
พระยาโบราณฯ ถือว่าพระราชโทรเลขนี้ เป็นเหมือนบำเหน็จรางวัลความเหนื่อยยากในการรวบรวมและตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา ท่านก็มีวิริยะและอุตสาหะที่จะจัดพิพิธภัณฑ์ต่อไปไม่ย่อท้อ พระราชวังโบราณที่อยุธยา ที่ท่านขุดและตกแต่ง กับมิวเซียมแห่งนี้ ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ที่แขกบ้านแขกเมือง เมื่อไปถึงอยุธยาแล้วจะต้องไปเยี่ยมชม ทำให้พระยาโบราณฯได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากต่างประเทศหลายอย่างด้วยกัน เช่นตราเดนะโบรคชั้นที่ ๒ ของประเทศเดนมาร์ก ตรานกอินทรีแดงชั้น ๒ ของประเทศปรัสเซีย ตรามงกุฎอิตาลีชั้น ๒ของอิตาลี และตราเฮนรีธีไลออนของบรันสวิค
ส่วนผลงานและเกียรติยศอื่นๆที่ท่านได้รับ นอกเหนือจากตำแหน่งงานของมหาดไทย ก็คือ ๑ เป็นกรรมการสัมปาทิกหอพระสมุดวชิรญาณ ชุดเดียวกับสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ กรมพระสมมติอมรพันธุ์ พระยาประชากิจกรจักษ์ (แช่ม บุนนาค ผู้แต่งหนังสือตำนานโยนก) ๒ เลขานุการโบราณคดีสโมสร ๓ กรรมการสัมปาทิกวรรณคดีสโมสร ในรัชกาลที่ ๖ ๔ อุปนายกแผนกโบราณคดี ของราชบัณฑิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 19 พ.ค. 10, 10:47
|
|
ในยุคที่พระยาโบราณฯ รับราชการที่อยุธยา วัดร้างมีมากมาย ยังไม่ได้บูรณะกัน ชาวบ้านก็เข้าไปตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน ทำไร่ ทำป่าฟืน รื้ออิฐรื้อเจดีย์เอาไปใช้ประโยชน์ เท่ากับบุกรุกโบราณสถานไปด้วยโดยปริยาย พระยาโบราณฯ ท่านก็ให้ตรวจนับวัดร้างอย่างเป็นทางการ ได้ถึง ๕๔๓ วัด ได้จำนวนมาแล้วก็สำรวจ พบว่าชาวบ้านเข้าไปอยู่ในเขตวัด โดยไม่ได้เสียภาษี เพราะรัฐไม่เก็บภาษีวัด ท่านก็มาจัดระเบียบเสียใหม่ ทำเรื่องเสนอทางการว่า ๑ ควรเก็บค่าเช่าจากชาวบ้าน เป็นรายได้ของรัฐ ชาวบ้านก็ไม่รังเกียจเพราะเท่ากับได้สิทธิ์ในการทำมาหากินบนผืนดินของตน ไม่มีใครแย่ง ๒ ห้ามรื้อซากโบราณสถานเอาอิฐไปใช้ อย่างเด็ดขาด ๓ เงินค่าเช่าที่ได้มา รวมรวมไว้เป็นเงินพระราชกุศล สำหรับไว้ปฏิสังขรณ์โบราณสถาน ๔ รวบรวมเงินหลวงที่เรียกว่า เงินกัลปนา คืออากรเก็บจากที่ดินบางแห่งสำหรับเอาไว้รักษาวัด มารวมไว้กับข้อ ๓ ๕ เงินค่าเช่าเรือแพจอดตามหน้าวัด เมื่อก่อนไวยาวัจกรของวัดเก็บตามอำเภอใจ รัฐก็เข้าคุม เก็บให้เป็นระเบียบ ก็ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต และเป็นแบบของการเก็บภาษีในมณฑลอื่นๆด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 24 พ.ค. 10, 13:18
|
|
ผลงานด้านอื่นของพระยาโบราณ ฯ ก็คือ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จสวรรคต ท่านก็เป็นตัวตั้งในการชักชวนชาวบ้านบริจาคเงินสร้างถาวรวัตถุเป็นอนุสรณ์ คือโรงพยาบาลปัญจมาธิราชอุทิศ เป็นโรงพยาบาลแผนปัจจุบันแห่งแรก ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ก็สร้างโอสถศาลาไว้อีก ๑ แห่งที่สระบุรี ชื่อโอสถศาลาปัญจมาธิราชอุทิศ
พระยาโบราณราชธานินทร์รับราชการมาจนเกษียณ เมื่อพ้นจากหน้าที่แล้วก็กลับมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในพระนคร อยู่ที่ตรอกน้อมจิตร ถนนนเรศ บางรัก ท่านยังรับตำแหน่งในราชบัณฑิตยสภาเรื่อยมา แต่ก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะอย่างคนสูงอายุ มีอาการคล้ายอัมพาตอย่างอ่อนๆ สามวันดีสี่วันไข้จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุ ๖๔ ปี ได้รับพระราชทานโกศประกอบลอง ๘ เหลี่ยม เสมอเจ้าพระยา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 24 พ.ค. 10, 13:22
|
|
ด้านส่วนตัว ท่านสมรสกับน.ส.จำเริญ ธิดาหลวงเทเพนทร์ (ถนอม อินทุสูต)กับนางนวม ตั้งแต่ยังเป็นหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ คุณหญิงจำเริญได้รับพระราชทานเครื่องราชจุลจอมเกล้าชั้นตติยจุลจอมเกล้าฯ มีบุตรธิดาด้วยกัน ๕ คน นอกจากนี้ท่านยังมีบุตรธิดากับภรรยาอื่นๆอีกรวม ๑๑ คน ทุกคนใช้นามสกุล เดชะคุปต์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 13 เม.ย. 17, 10:14
|
|
รูปประกอบ, พระยาโบราณราชธานินทร์อย่างเท่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|