กำสรวล (ศรีปราชญ์) กุญแจอันลี้ลับ
โคลงกำสรวล (ศรีปราชญ์) เริ่มต้นด้วยร่ายดั้น และตามด้วยโคลงดั้นบาทกุญชร (ที่ไม่ค่อยจะเคร่งฉันทลักษณ์นัก) ประมาณ 130 บทใน 130 บทนี้ แยกเป็นโคลงที่แต่งซ่อมแซมเกือบ 1 ใน 4 เพราะจากสำนวนที่ไม่ปะติดปะต่อ ทั้งข้อความและสัมผัสไม่เชื่อมรับกัน บางฉบับก็เอาตอนท้ายมาไว้ตอนต้น เอาต้นไว้ท้าย บางทีก็มีโคลงแทรกแปลกแยกไปเส้นทางจึงดูวกวนไปมา
ถ้าจะจับเอาเส้นทางของศรีปราชญ์จากอยุธยาไปนครศรีธรรมราช ก็ดูจะไม่ได้เค้าเงื่อนเท่าใดนัก แต่มีสาเหตุที่น่าศึกษาคือ ในสมัยพระชัยราชา (2077-2089) มีการขุดคลองลัดจากอยุธยามาคลองบางกอกน้อย เหตุใดกำสรวล (ศรีปราชญ์) จึงไม่ใช้เส้นทางนี้ตัดลัดมาธนบุรี กลับใช้เส้นทางเก่าจากแม่น้ำบางกระจะไปเรื่อยจึงเป็นข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ว่าศรีปราชญ์หรือผู้แต่งกำสรวล เรื่องนี้ต้องพ้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และต้องก่อนสมัยพระชัยราชาเป็นแน่
สิ่งที่แน่ชัดก็คือ ถ้อยคำสำนวนและข้อความในบทกวีนี้เอง ทำให้เราจะเข้าใจหรือเป็นข้อสังเกตได้อีกทางหนึ่ง ขอให้เราพิจารณาข้อต่อไปนี้
ก. ภาษาและรูปแบบ
โคลงกำสรวล (ศรีปราชญ์) ตามความเห็นของผู้เขียนและผู้วิเคราะห์ยกให้โคลงกำสรวล (ศรีปราชญ์) มีความเก่าแก่ทางภาษารองจากวรรณคดีเรื่องท้าวฮุ่งหรือเจือง ซึ่งเป็นตำนานเจืองที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่ชาวล้านนา ข่า ล้าน ช้าง ลาว และอีสาน
กวีศรีสยาม กล่าวไว้ในโคลงห้า...มรดกทางวรรณคดีไทยว่าท้าวฮุ่งเป็นหนังสือแต่งเป็นโคลงดั้นแบบล้านช้างราวห้าพันบาท สำนวนที่ใช้เป็นภาษารุ่น พ.ศ.1800 – 1900 เป็นภาษาลาวระคนกับภาษาไตลื้อ แต่พระมหาสิลา วีรวงศ์ผู้ชำระกล่าวว่า ประพันธ์ด้วยโคลงดั้นวิวิธมาลี และโคลงห้าดั้น และจารุบุตร เรืองสุวรรณ กล่าวไว้ใน “ของดีอีสาน” หน้า 89-90 “หนังสือเจืองนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติ” มีผู้สันนิษฐานว่า
“นักปราชญ์ชาวหลวงพระบางเป็นผู้แต่งคำกลอนมีความไพเราะไม่ด้อยกว่าสังขศิลป์ไชยที่นับว่ามีชื่อเสียงที่สุด จุดเด่นของวรรณคดีเองขุนเจืองคือ ท่านผู้ประพันธ์ได้วางระเบียบ กลอนอ่านวิชชุมาลีดั้นภาษาอีสานไว้อย่างดีเลิศถูกต้องตามแบบฉบับโดยแท้จริง แถมยังมีโคลงห้าดั้นและโคลงมหาสินธุมาลีอันเป็นภาษาที่ใช้อ่านทำนองเสนาะได้ด้วย ซึ่งจะหาได้ยากจากวรรณคดีเรื่องอื่นๆ ภาษาที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นภาษาโบราณชั้นมาตรฐาน มีโวหารแปลกๆ ลึกซึ้งกินใจน่าเรียนรู้มาก”