เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 24457 ใต้เงาเจดีย์ที่ศรีลังกา
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 10:19

สวัสดีครับพี่ยุทธ คุณติบอแล้วก็น้องเน การบูชาของศรีลังกาดูเข้าท่าคลาสสิคกว่าบ้านเราจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่มีการเวียนดอกไม้มาขายใหม่เหมือนบางวัด

ดอกบัวเขาก็มีวิธีพับหลายแบบ ใช้ทั้งดอกบัวสาย บัวหลวง เด็ดกลีบปลิดก้านแล้ววางไว้กับฐาน (ฐานมีชื่อเรียกว่า บุปผาสนะ แปลว่า ฐานวางดอกไม้โดยเฉพาะ) นอกจากนี้ก็มีฐานพิเศษ เอาไว้วางเครื่องบูชาหน้าเจดีย์ ซึ่งส่งอิทธิพลให้สุโขทัยบ้านเราเหมือนกัน


ฐานบุปผาสนะ ของสุโขทัย ที่วัดสิงห์ กำแพงเพชร เปรียบเทียบกับศรีลังกา ที่กัณฐกเจดีย์ครับ เป็นฐานวางดอกไม้ มีหลังคาคลุมอยู่หน้าเจดีย์ทั้งสี่ทิศ



บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 10:21

แขกไหว้พระหม่อง  เจ๋ง


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 10:50

ถัดจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ก็ึคือ วัดกัลยาณี วัดสำคัญแห่งหนึ่งของศรีลังกา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัลยาณี เชื่อว่าพระพุทธองค์เคยเสด็จมาระงับการวิวาทของนาคราชลุง-หลาน ชื่อจุลทร และมโหทร (ท้องเล็กและท้องโต) ซึ่งแย่งชิงบัลลังก์กัน เมื่อพระพุทธองค์ทรงเทศนาโปรดแล้ว นาคทั้งสองก็ถวายบัลลังก์แด่พระพุทธองค์

ในลังกาเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาเกาะนี้ 3 ครั้ง คือ

1.ปราบยักษ์ที่มหิยังคณะ (ต้นเค้าวัดมเหยงคณ์บ้านเรา)

2.ทรมานนาคลุงหลานที่แม่น้ำกัลยาณี (วัดกัลยาณีนี้เอง)

3.ประทับพระบาทที่ยอดเขาสุมนกูฏ (ต้นเค้าวัดพระบาทน้อยพระบาทใหญ่ และพระบาททั้งหลายในสุโขทัย รวมทั้งรูปพระไต่โซ่ไหว้พระบาท)


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 10:59

วัดนี้อยู่ห่างจากโคลอมโบไปประมาณ 7 กิโลเมตร มีความสำคัญมากมาแต่อดีตกาล นอกจากเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแล้ว ในคริสตวรรษที่ 15 ได้เพิ่มพิเภกหรือวิภีษณะเข้าไปเป็นผู้ดูแลวัดแห่งนี้

ในราวณคาถา ของวิกรมสิงเห อธิกรรณะ กล่าวว่า หลังจากพระรามปราบทศกัณฐ์ได้แล้ว ได้อภิืเษกพิเภกให้เป็นราชาแห่งยักษ์ต่อไป พิเภกได้ย้ายเมืองหลวงจาก อลกามณฑล (เมืองยักษ์ชื่อเดียวกับเมืองของเวสสุวัณ ท้าวมหาราชของยักษ์) มาที่กัลยาณีแห่้งนี้ ชาวบ้านแถบนี้จึงนับถือพิเภกเป็นพิเศษ

ภาพพระรามอภิเ๋ษกพิเภกขึ้นครองอลกาครับ ผู้หญิงข้างๆคงเป็นตรีชฎา (หรืออาจเป็นมณโฑ แต่ในอินเดียไม่ค่อยฮิตนางมณโฑ) รูดซิบปาก



บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 11:40

ลังกาก็เช่นเดียวกับเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนับถือผีและเทพพื้นเมือง รวมทั้งศาสนาต่างๆปะปนกัน ที่นี่จึงมีเทพรักษาเกาะโดยเฉพาะตั้งแต่ยุคก่อนพระพุทธกาลอยู่หลายองค์ ที่นับถือกันแพร่หลายมีอยู่ 4 องค์ คือ

1.กะตะระคาม (องค์นี้คือ กรรติเกยะ หรือ สกันทกุมาร หรือขันทกุมาร เทพพื้นเมืองอินเดียใต้ที่โดนฮินดูกลืนให้เป็นบุตรพระศิวะ แล้วก็โดนไทยกลืนต่อ เดิมเราเรียก ขัตตคาม แล้วเพี้ยนความ กลายเป็น "จตุคาม" หรือ เทพสี่บ้าน ซึ่งไม่เหลือความหมายเดิมอีกต่อไป) 

2.รามเทพ องค์นี้คือพระราม

3.วิภีัษณะ (พิเภก)

4.สุมัน (สุมน เทวดารักษาเขาสุมนกูฏหรือเขาพระบาทอัน "พระยาธรรมิกราชให้ไปพิมพ์เอารอยตีนพระเป็นเจ้า เราเถิงสิงหล อันเหยียบเหนือจอมเขาสุมนกูฏบรรพต") อันหนึ่งไว้เมืองสุโขทัย อันหนึ่งไว้เมืองศรีสัชนาลัย อันหนึ่งไว้เมืองบางพานเหนือจอมเขานางทอง อันหนึ่งไว้เขาปากพระบาง (นครสวรรค์)


ที่ใดที่มีชาวสิงหลไปตั้งบ้านตั้งเมืองอยู่หนาแน่น ก็จะสถาปนาพระบรมธาตุประจำเมือง แล้วสร้างเทพเจ้าทั้งสี่องค์ให้รักษาพระศาสนา คตินี้สะท้อนกลับมายังเมืองนครศรีธรรมราชบ้านเรา แต่คติกตรคาม-รามเทพ นี้คงมีมาไม่นานนัก เนื่องจากศาสนสถานที่มีอายุก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 ยังไม่ปรากฏเทพเจ้าเหล่านี้ชัดเจนนัก บ้านเราเหลือเพียง 2 องค์ ก็ไม่ทราบว่าทำไม แต่เดิมอาจจะมีถึง 4 ก็ได้

เมืองนครเอง คงมีชาวลังกามาอาศัยอยู่มากมาย พุทธศาสนาก็คงรุ่งเรือง ถึงแก่พระเจ้ารามคำแหงท่านออกพระโอษฐ์ไว้ว่า

"สังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรหลวกกว่าปู่ครูในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา"


ภาพกตรคามครับ มีหกหน้า เำพราะแต่เดิมดาวลูกไก่ (กฤติกา) เอาไปเลี้ยง ถือหอก (เวละ) ทรงนกยูง






 



บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:17

ไม่มีรูปเทวดารักษาพระธาตุนคร ใครมีช่วยเอามาแบ่งกันดูไหมครับ  แลบลิ้น

วัดนี้สร้างใหม่ทั้งหมด เนื่องจากโดนโปรตุเกสเผาเหี้ยนเตียน โดยสร้างเลียนแบบวัดพระเขี้ยวแก้วที่แคนดี้ แต่ก็ทำได้สวยงามดี โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนขึ้นโดยช่างชาวศรีลังกา เมื่อ 60-70ปีที่แล้ว งามจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแค่ช่างแขกที่ไม่เคยไปเรียนที่อิตาลีหรือฝรั่งเศส


ศิลปินท่านนี้ชื่อ Solius Mendis เป็นชาวบ้านธรรมดาๆชาวสิงหล พ่อแม่อยากให้บวชพระเสีย แต่เมนดิสแกเกิดรักทางช่าง แสดงฝีมือออกมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนมีผู้เห็นแวว พอมีการสร้างวัดกัลยาณีขึ้นมาใหม่ ก็ส่งแกไปดูงานจิตรกรรมอินเดียที่อชันตา เอลโลรา และภาค หวังว่าแกจะได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะคลาสสิคเมื่อหลายพันปีก่อน แต่แกกลับสร้างแนวทางของตัวเองขึ้นมา โดยใช้ระบบทัศนียวิทยาแบบสมจริงตามแบบตะวันตก สร้างผลงานที่เป็นอมตะจนทุกวันนี้


เมนดิสใช้เวลาเขียนวัดกัลยาณีอยู่ถึง 19 ปี โดยใช้วัสดุจากท้องถิ่นสิงหลเอง และจากที่ได้ไปดูงานในอินเดีย ทั้งจากดิน จากพืช และมีส่วนผสมที่ใช้รักษาสภาพสี ซึ่งไม่มีใครทราบว่าแกใช้อะไร

งานเขียนของแกกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ใช้สีแนวเอิร์ธโทนที่ไม่ข่มประติมากรรมประธาน หรือประติมากรรมอื่นๆ ไม่แย่งซีนกันเด่น และมีกลิ่นอายของจิตรกรรมอินเดียผสมผสานกับศิลปะคลาสสิคแบบลังกา

ภาพพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะรับหน่อพระศรีมหาโพธิ์จากพระมหินท์ครับ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:22

ตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นช่างชาวยุโรป มาตกใจตอนหลังที่รู้ว่าเป็นแขกสิงหลหน้าหนวดๆ บ้านๆนี่แหละ

ภาพพระพุทธโฆษาจารย์แปลคัมภีร์ภาษาสิงหลเป็นบาลี ในพุทธศตวรรษที่ 10 พระพุทธโฆษาจารย์องค์เดียวกับที่วัดพุทไธสวรรย์ อยุธยานั้นเอง


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:26

พระอุบาลีรับตาลปัตรจากพระเจ้ากรุงแคนดี้ พระอุบาลีนี้เป็นพระชาวสยามที่พระเจ้าบรมโกศทรงส่งให้ไปบรรพชากุลบุตรชาวสิงหล เนื่องจากพุทธศาสนาที่ลังกาขาดวงศ์เสียแล้ว ในลังกานับถือท่านมากมายนักหนาแก่กม สยามวงศ์ปัจจุบันก็ยังเป็นผู้ครอบครองพระเขี้ยวแก้วอยู่


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:35

เมนดิสเขียนภาพวัดกัลยาณีอยู่ถึง 19 ปี จนกระัทั่งมีเหตุมากระทบกระเทือนใจแก เนื่องจากมีคำสั่งแต่เบื้องบนมาให้เปลี่ยนช่างเขียน เป็นช่างชาวรัสเซีย ซึ่งไว้ใจกันว่าเขียนดีกว่าตามประสาคนเอเซียเห่อฝรั่ง แล้วบริเวณที่เขียนก็เป็นช่วงสำัคัญที่สุด คือสกัดหลังพระประธาน ที่เก็บไว้เขียนหลังสุด

ปัจจุบัน ช่างรัสเซียคนนั้นเขียนสกัดหลังเป็นเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ว่าขาดความสมจริง ดูแปลกปลอมและไม่เข้ากัันกับส่วนอื่น ขาดจิตวิญญาณของพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง

ส่วนเมนดิสเอง แกช้ำใจตามประสาศิลปินอารมณ์อ่อนไหว ก็เลยเลิกเขียนจิตรกรรมอย่างสิ้นเชิง กลับไปเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:42

ฝีมือไม่ธรรมดาเลยพ่อคนนี้ พอสูสีกับพระที่นั่งอนันตสมาคมของเราเลย

แต่เกิดเป็นช่างก็คู่กับความอาภัพเป็นธรรมดา  ร้องไห้ แกอกหักครั้งนั้นแล้วก็กลับไปอยู่บ้าน และไม่เคยกลับไปยังวัดกัลยาณีที่แกทำงานมา 19 ปีอีกเลย

แต่แกก็ยังทำบุญทำทานตามประสาชาวพุทธ โดยบริจาคเงินกับที่ดินให้สร้างมูลนิธิคนตาบอด แกให้เหตุผลว่าสงสารคนที่ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความสวยงามของงานจิตรกรรมที่ช่างทั้งหลายรังสรรค์ขึ้น (โฮ้.....)

 แ้ล้วยังยกชาดกเรื่องสีวีราชขึ้นมาประกอบ เรื่องมีว่าพระโพธิัสัตว์เสวยชาติเป็นขอทานตาบอดไปหาพระเจ้าสีวิราช ซึ่งพระองค์ก็บริจาคพระราชทรัพย์ให้มากมาย


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:48

ภาพเขียนแปลกปลอมของช่างชาวรัสเซีย ใช้สีฟ้าแปร๋นขึ้นมาตัดกับส่วนอื่นอย่างสิ้นเชิง พระประธานก็มีขนาดเล็กไม่เข้ากับสัดส่วนซุ้ม


ส่วนเมนดิสของเราันั้น แกก็ตายไปอย่างคนธรรมดาในปี 1975 โดยไม่มีเกียรติไม่มียศ งานศพจัดอย่างชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีใครจำแกได้ ทางการก็ไม่สนใจอะไรแก แม้ว่าแกจะฝากผลงานไว้ในวัดหลายๆแห่งก็ตาม อย่างที่รู้กันว่าศิลปินมักได้รับเกียรติหลังตายไปแล้ว



บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:54

19 ปีนี้ แกทำรีเสริชมาดีจริงๆ ใครชอบศิลปะมาที่นี่ ต้องมานั่งเดานั่งคิดกัน ว่าจุดนู้นจุดนี้ที่แกเขียน แกไปเห็นอะไรมา ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

ภาพทูตพระเจ้าบุเรงนองมาศรีลังกา จะเห็นพม่านุ่งโสร่งกั้นจ้องอยู่ซ้ายสุด มงกุฏการแต่งกายอะไรเป็นพม่าหมด ไม่ได้เขียนอย่างลวกๆให้เสร็จๆ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 12:56

น่าสงสารช่างเมนดิสท่านนี้ครับ แต่ถึงอย่างไรผลงานก็ยังฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมได้ศึกษา
คนที่เข้าไปในพระอารามก็จะได้ระลึกถึง มีจิตใจส่งเมตตาถึงกันเป็นกุศล

แล้วนี่พี่กุได้ไปชมพระบาทบนเขาสุมนกูฏไหมครับ อยากดูภาพ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 13:17

ไม่ได้ไปสุมนกูฏอะน้องเน สูงเท่าดอยอินทนนท์อะ เดินขึ้นวันนึง ลงอีกวัน ขึ้นเย็นถึงตีสอง

ไม่มีรูปทวารบาลพระธาตุนครชัดๆหรอ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 13:39

กำลังจะบอกว่าให้ขอพี่ยุทธเลยครับ แต่ไม่ทันแล้วพี่เขาจัดไว้ให้แทบทุกตารางฟุต  ยิงฟันยิ้ม
พี่ยุทธภาพชุดนั้นถ่ายละเอียดดีจังครับ แต่ชอบภาพที่ไม่ใช้แฟลชมากกว่า ดูลึกลับดี 555


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง