แสดงให้เห็นว่าแต่ดั้งเดิมขาของเครื่องเรือนจีนอาจเป็นรูปอื่นได้ มิต้องเป็นรูปหัวสิงห์แบบมีตามีหูมองหน้าแยกเขี้ยวใส่เราได้เสมอไป
จากลักษณะพิเศษของเครื่องเรือนสมัยราชวงศ์หมิง สันนิษฐานได้ว่าเครื่องเรือนของจีนในยุคราชวงศ์หมิง ได้รับอิทธิพลมาจากรูปแบบการสร้างอาคารของจีนในอดีต ส่วนจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับไทยหรือไม่อย่างไรขอให้ท่านทั้งหลายมาพิจารณากันเอง เพราะข้อนี้ข้าพเจ้าไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามมีเพื่อนชาวเรือนไทยท่านหนึ่งเสนอว่าเราอาจได้รับผ่านมาจากเขมรอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเขมรอาจรับมาจากจีนอีกทีหนึ่งก็เป็นได้ โดยอ้างหลักฐานว่าเจียวต้ากวน ทูตชาวจีนได้พบเครื่องเรือนจีนในเมืองพระนครสมัยพระนคร
ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานว่าเขมรอาจรับอิทธิพลจากจีนอีกทอดหนึ่งก่อนจะเข้าสู่ไทย อย่างไรก็ตามรูปแบบขาสิงห์ที่ถกกัน คงไม่ได้รับในสมัยพระนครช่วงที่เจียวต้ากวนเข้าไปชมเป็นแน่ ด้วยช่วงที่เจียวต้ากวนไปเมืองพระนครเป็นช่วงที่ตรงกับราชวงศ์หยวน (ค.ศ. ๑๒๗๖ – ๑๓๖๘) ของจีน ซึ่งราชวงศ์ก่อนราชวงศ์หมิง และลักษณะเครื่องเรือนดังกล่าวเริ่มเกิดในสมัยราชวงศ์หมิง
ดังนั้นหากไทยรับมาจากเขมรคงรับมาจากสมัยพระนครช่วงท้ายๆ ประมาณคริสตวรรษที่ ๑๕ เพราะ ด้วยตอนนั้นเครื่องเรือนแบบดังกล่าวคงเกิดขึ้นแล้ว หากคิดเป็นพุทธศตวรรษคงราวๆพุทธศตวรรษที่ ๑๙
ดังนั้นลักษณะของอาคารหรือเครื่องเรือนแบบฐานสิงห์จะเข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเชียงใต้เมื่อใด จะเข้ามาโดยนิมิต หรือเป็ดห่านบินคาบมา หรือว่านายพ่อค้านำมาขายฤาไฉน ข้าพเจ้ามาสุมไฟเรียบร้อยแล้ว โปรดเทน้ำมันตามมากันให้เยอะๆ เพราะข้าพเจ้าเองอยากรู้เหมือนกัน
สวัสดี
