yutthana
|
สวัสดีสำหรับสมาชิกชมรมอนุรักษ์ทุกท่านนะครับ ความจริงผมไม่ค่อยเขียนรายละเอียดให้ยืดยาวนักเนื่องจากเป็นภาพจะน่าดูและน่าสนใจกว่า แต่เห็นว่าบางครั้งเรานำภาพมาลงแต่ข้อมูลเชิงลึกนั้นไม่ค่อยได้อธิบาย เท่าที่ควร ก็เลยถือโอกาสนำเรื่องภาพพระบฎ มาเล่าสู่กันฟังครับ สมัยเรียนจิตรกรรมไทยผมมักจะสนใจงานจิตรกรรมไทยตามฝาผนังโบส์ถวิหารต่างๆ หรือตามสมุดข่อยแต่ก็มีภาพจิตรกรรมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเหลือน้อยเต็มที เนื่องจากพกพาสะดวก ขโมยออกมาขายง่าย ไปอยู่ต่างประเทศก็มาก พอๆกับสมุดข่อยเลย นั่นก็คือ ภาพพระบฎ นั่นแหละครับ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:19
|
|
พระบฎคืออะไร พระบฎหรือเรียกอีกอย่างว่าพระบฎ เป็นจิตรกรรมประเภทหนึ่งที่เขียนลงบนผ้า ลักษณะคือแขวนห้อยตามความยาวของผ้า ตามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีไม้สอดสำหรับแขวนหัวและท้าย มีภาพทำเป็นหัวเม็ดที่ปลายไม้ด้วย ครับเพราะเราทำเพื่อพุทธศาสนา
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:21
|
|
ภาพพระบฎการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ผ้าที่นำมาเขียนภาพพระบฎแต่เดิมนั้นใช้ผ้าที่ผู้ตายใช้สอยเป็นประจำ หรือผ้าที่ผู้ตายรักชอบมาก หรือผ้าขาวสำหรับคลุมหีบศพ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายอีกทางหนึ่ง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:23
|
|
ทำอย่างไรกับการทำพื้นภาพพระบฎก่อนเขียนภาพ การเตรียมพื้นภาพผ้าพระบฎนั้นเขาจะนำผ้ามาขึงให้ตึง ลองพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามผสมกับดินสอพองเล็กน้อยเพื่อให้ภาพดูดสีได้ดีและติดทนนาน กาวเม็ดมะขามคือเม็ดมะขามหวานนั่นเองแต่มีใครไม่รู้จำไม่ได้ให้ใช้เม็ดมะขามเปรี้ยวบอกว่าดีกว่าอันนี้ไม่ทราบได้เพราะยังไม่เคยลองเสียที วิธีการคือเอาเม็ดมะขามที่แห้งแล้วมาคั่วในกะทะให้กรอบพอเปลือกกระเทาะออก แกะเปลือกเมล็ดออกและเอาเนื้อด้านใน มาต้มผสมน้ำให้เหลวพอควรผสมดินสอพองแล้วทาลองพื้นภาพทาแล้วขัดให้เรียบแล้วทำแบบเดิมจนมีความหนาพอสมควร แล้วขัดหน้าให้เรียบ บางครั้งมีการกวดหน้าผ้าชั้นสุดท้ายให้แน่นอีกทีหนึ่ง อย่าผสมดินสอพดงมากเกินไปจะทำให้งานหลุดร่อนและไม่ทนทาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:24
|
|
ใช้สีอะไรเขียนภาพพระบฎ นี่ถ้าตูตอบแบบกำปั้นทุบดินคงตอบว่าสีฝุ่น เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดไปซื้อสีฝุ่นตามร้านก่อสร้างหรือร้านขายเครื่องเขียน แต่ก็ใช้เขียนได้นะแต่คุณภาพจะไม่ค่อยดีเหมือนสีฝุ่นโบราณ สีแดง มากจากดินแดง ดินบางตัวมีสีน้ำตาลอมแดงก็มี นำมาบดกับน้ำให้ละเอียด (พวกนี้เป็นอ๊อกไซด์จึงมีสีแดง)และกรองให้ละเอียดที่สุดด้วยผ้าขาวบางผสมกาวยางไม้ บดลงในโกร่ง สีแดงอีกอย่างคือชาด ไม่ว่าจะเป็นชาดหรคุณ หรือเงี่งจูมีขายที่ร้านเจ้ากรมเป๋อวัดสามปลื้ม ชาดสีแดงนั้นราคาแพงส่วนใหญ่ไว้ใช้ตัดเส้นบนทองเพราะเส้นจะจมบนทองไม่ลอยอยู่บนทองเหมือนสีแดงตัวอื่น เวลาบดต้องบดกับเหล้าขาวหรือแอลกอฮอล์ เพราะชาดจะไม่ละลายในน้ำ อีกตัวหนึ่งคือรังของครั่ง อันนี้หายากเพราะผิดกฏหมายเขาห้ามนำออกจากป่า สีดำ จากหมึกจีน หรือเข่มานำมาบดและผสมกาวยางไม้(แนะนำให้ใช้กาวกระถิน หรือกาวยางมะขวิด อย่าใช้กาวหนังควายเด็ดขาดเพราะเหม็นมาก) สีเหลือง จากยางของต้นรงค์ หรือต้นรงค์ทอง เป็นก้อนๆเวลาใช้นำมาบดละลายน้ำแล้วใช้ได้เลยเป็นกาวยางไม้ในตัวอยู่แล้ว สีเหลืองอีกสีทำจากหรดาล ที่ใช้เขียนลายรดน้ำมีสีเหลืองเป็นประเภทกำมะถัน ต้องหมักไว้หลายปีก่อนนำมาใช้ผสมกาวยางไม้แล้วใช้ได้เลย ในหมู่สีเขียวใช้ สนิมของทองแดง คือสนิมเขียวนั่นเอง โดยการนำแผ่นทองแดงมาแช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้จนเกิดสนิมสีเขียวนำมาขูดเอาสีเขียวของสนิมออกมาผสมกาวยางไม้เราเรียกว่าสีเขียว ตังแช สีเขียวอีกอย่างเรียกว่าเขียวใบแค อันนี้ไม่รู้สูตรใคร รู้ช่วยบอกที เคยเห็นเขาเอาใบแคมาหมักและบดจนได้สีเขียวสำหรับเขียนจริงๆ แต่เขาไม่ได้บอกกระบวนการหมักว่าทำอย่างไร สีน้ำเงินของคราม สีขาวจากเปลือกหอยเผา หรือดินขาว นำมาบดและผสมกาวยางไม้ เท่าที่รู้ก็มีแค่นี้แหละครับ สมัยนั้นเราใช้สีที่สั่งจากจีนเป็นส่วนมากและเป็นสีฝุ่นธรรมชาติ สีมักจะออกทึมๆเบรคๆทำให้งานขลังและสวยเมื่อปิดทอง(อ้อลืมบอกว่าเวลาปิดทองใช้ยางของมะเดื่ออุทุมพรนะครับ ทาไปส่วนที่จะปิดทองรอให้แห้งและปิดได้เลยครับ สมัยก่อนไปเขียนภาพต่างจังหวัด ยางมะเดื่อดันหมด จะซื้อหาก็ลำบากพอดีมีอยู่หลายต้นหลังป้าช้าของวัด ต้องไปกรีดเอายางมะเดื่อกันตอนตีสี่ตีห้าเพราะน้ำยางออกมากที่สุดพูดถึงแล้วขนหัวลุกจริงๆสีสมัยใหม่หมายถึงสีฝุ่นที่ขายมักเป็นสีสังเคราะห์สีจะสดมากเกินไปทำให้งานที่เขียนบางครั้งกลายเป็นงานการ์ตูนมากกว่าเป็นจิตรกรรมไทยจริงๆคือเขียนภาพไทยแต่สีเป็นการ์ตูนวอทดิสนี่เลย
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:26
|
|
เขียนภาพอะไรในพระบฎ ส่วนใหญ่ภาพพระบฎจะเขียนเป็นรูปพระพุทธเจ้าเป็นส่วนมากมีสาวกเฝ้าประกอบบ้าง มีบ้างเป็นตอนมารผจญ อย่างที่เคยเห็นที่เจ้าสามพระยา แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหนแล้วใครไม่เคยเห็นไปดูได้ในกระทู้เก่าๆเรื่องภาพพระบฏครับ ทำไมต้องใส่ไม้ด้านลงและด้านล่างของภาพพระบฎ ไม้กลึงกลมๆสอดเข้าไปใต้ผ้าที่เย็บเป็นซองเป็นเครื่องถ่วง และยึดตึงไม่ให้ผ้าย่น ช่วยให้ภาพเขียนอยู่ในสภาพดี และใช้สำหรับเป็นแกนสำหรับม้วนภาพ ด้านบนจะมีเชือกสำหรับผูกห้อยหรือแขวน ภาพพระบฎจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับความศรัทธาและความประสงค์ของผู้สร้าง ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับสถานที่ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:27
|
|
กำเนิดและความเป็นมาของพระบฎ สรุปง่ายๆว่านักวิชาการบางท่านบอกว่าได้รับอิธิพลภาพแขวนของจีน ส่วนหนึ่ง บางท่านก็ว่าพัฒนามาจากตุงที่ใช้แขวนห้อยเป็นพุทธบูชา อย่างไรก็ดีคำว่าพระบฎหรือ บฎ มาจากภาษาบาลีแปลว่าผ้าขาวหรือผืนผ้าเมื่อรวมเรียกว่าพระบฎ ก้แปลได้ว่าผ้าที่เขียนภาพเรื่องราวของพระพุทธเจ้า ใครเป็นคนริเริ่มนั้นหาหลักฐานได้น้อยเต็มที ส่วนมากเป็นภาพในสมัยรัตนโกสินทร์ทั้งนั้น ผมเองอยากไปดูภาพพระบฎที่เพชรบุรีที่วัดจันทราวาส เพราะท่านอ.ศิลป เคยไปดูเมื่อพ.ศ. ๒๕๐๑ (จะยังเหลืออยู่หรือเปล่าเนี่ยตูยังไม่เกิดเลย) “ ท่านบอกว่าผืนหนึ่งเป็นเรื่องทศชาติฝีมือราวๆรัชกาลที่๓ อีกผืนหนึ่งเป็นพุทธประวัติตั้งแต่ประสูตรจนถึงปรินิพพานคงเขียนก่อนรัชกาลที่๓ “
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:28
|
|
รูปแบบและลักษณะของภาพพระบฎ ภาพพระบฎเท่าที่มีเหลืออยู่ เนื้อเรื่องเขียนเกี่ยวกับเรื่องพุทธศาสนาทั้งสิ้นแต่ที่นิยมเขียนมากที่สุดเห็นจะเป็นภาพแบบสองด้านเหมือนกัน คือมีพระพุทธเจ้านั่งหรือยืนและมีสาวกอยู่ด้ายข้าง ด้านบนจะมี เทวดาหรือวิทยาธรต่างๆลอยอยู่ด้านบนบ้างเขียนเรื่องจุฬามณี บ้างเขียนพุทธประวัติ บ้างเขียนเรื่องชาดกก็มี ดังตัวอย่างภาพคร่าวๆที่สอดแทรกอยู่ตามบทความเพื่อไม่ให้สมาชิกเบื่อหน่ายในการอ่านนัก
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:32
|
|
ส่วงนภาพชุดนี้เป้นขาวดำจากวัดจันทราวาส ในจังหวัดเพชรบุรีเห็นมีบันทึกเขียนไว้ว่ามีอยู่๙ภาพไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือเปล่าไปเพชรคราวนี้
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:33
|
|
อีกภาพครับภาพที่๒
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 04 ก.พ. 10, 23:37
|
|
ภาพที่๓เป็นภาพสุดท้ายที่พอค้นได้ครับเอาไว้ไปดูของจริงที่เพชรดีกว่าครับ(ถ้ายังอยู่นะ) ส่วนจะไปวัดไหนนี่คงแล้วแต่สมาชิกกันอีกที
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kurukula
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 05 ก.พ. 10, 00:19
|
|
สวัสดีครับ คุณยุทธนา เข้ามารอชมภาพพระบฏสวยๆกันนะครับ ได้อ่านคำบรรยายเรื่องเขียนสีฝุ่นแล้วชักอยากจะลองเขียนดูบ้างจัง โบราณท่านมีวิํธีการซับซ้อนจริงๆ รู้สึกว่า ทางอินเดียจะมีพระบฏด้วยนะครับ เรียกว่า ปฏจิตร (Patacitra) ก็คือการเขียนภาพลงบนผ้านั่นเอง ปฏ ก็คือคำเดียวกับคำว่า บฏ เลยเอาพระบฏรุ่นแรกๆของโลกมาให้ดูกัน เขาว่ากันว่าที่แถบสี่เหลี่ยมผืนผ้า เขียนรูปพระพุทธเจ้า ที่มีเทพเชิญอยู่ 2 องค์นั้น คือพระบฏ เท็จจริงอย่างไรก็ลองดูกันครับ พระปางมหาปาฏิหาริย์ที่สราวัสติ ศิลปะคันธาระ พุทธศตวรรษที่ 6-8 ครับ ใส่ที่มาด้วย http://www.indiamike.com/photopost/data/500/Lahore_Museum_Gandhara_Art_Sravasti.jpg
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 05 ก.พ. 10, 01:16
|
|
สวัสดีครับ ก็อาจจะเป็นไปได้ครับที่ประติมากรรมในภาพอาจเป็นพระบฎ แต่ยังไม่ชัดเจนนักจริงๆภาพแขวนส่วนมากมีอยู่หลายประเทศเหมือนกันโดยเฉพาะในเรื่องศาสนา เช่นทิเบต จีน เขมรหรือพม่าก็มี น่าจะเป็นการทำขึ้นเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ เช่นอาจจะนำติดตัวเวลาเดินทางเอาไว้เครพบูชาก็อาจจะเป็นได้ครับ หรืออาจจะไว้ประกอบการทำกิจกรรมทางศาสนาก็อาจจะเป็นได้ แต่ที่แน่ๆ ภาพพระบฎเป็นงานจิตรกรรมบนผืนผ้าที่งามมาก และได้ความรูสึกงามมากเวลาแขวนด้านหลังองค์พระซึ่งเป็นประติมากรรม ถ้ายิ่งจุดเทียนให้แสงนะงามอย่าบอกใคร ปัจจุบันศิลปินบางท่านก็นิยมเขียนภาพแบบภาพพระบฎเหมือนกัน แทนที่จะใส่กรอบ สำหรับรูปที่แนบเพิ่มมาให้ดูเป็นรูปที่ถ่ายไว้นานมาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นภาพที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดมหาธาตุในจังหวัดเพชรบุรีถ้าไม่ใช่ต้องขออภัยเพราะหลายสิบปีแล้วภาพนี้ครับ เหลืออยู่แค่สองภาพครับ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 05 ก.พ. 10, 01:20
|
|
ภาพขยาย ภาพชิ้นนี้จัดภาพได้สวยงามลงตัวมากโดยเฉพาะสีบัวโรย(สีชมพูตุ่นๆนิดๆเหมือนสีของดอกบัวเวลาโรย)ยิ่งสีทองที่ปิดองค์พระพุทธเจ้าทำให้ภาพงามน่าดูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yutthana
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 05 ก.พ. 10, 01:26
|
|
รูปนี้จะเห็นชัดคือพื้นสีชมพู(บัวโรย) ลายดอกไม็บนซุ้มใช้สีเขียวสลับแดงและตัดเส้นขาวภายในมีใบโพธฺ์สีเขียวใบแคแซมพื้นน้ำตาลในขณะที่ตัวซุ้มเรือนแก้วเป็นสีขาวโดยสอดสีเขียวแดงสลับกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาดที่ตัดเส้นทองบนพระพักต์ของพระพุทธเจ้างามจริงๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|