เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 34619 เอล คัมมิโนเดซานติเอโก (El Camino de Santiago) มีคนสนใจอ่านมั้ย
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 15 มี.ค. 10, 05:57

พอผ่าน ป่าช้า ประจำเมืองไปได้   เริ่มเดินง่ายๆ สบายๆ 
มีต้นองุ่นให้ดู ทั้ง สองข้างทาง  เราเข้าถิ่นทำไวน์ ของสเปน   
องุ่นเต็มต้น แสดง ว่ายังไม่ได้เก็บ  แต่ถ้าจะใกล้ฤดูเก็บองุ่น 

เพื่อนร่วมทาง เก็บองุ่น กิน กันอย่าง สนุกสนาน
จนผมออกจะอยากกินบ้าง   แต่แม่ห้ามบอกว่า

ถ้าคนทุกคนที่เดินผ่าน ต้นองุ่น แล้ว เก็บองุ่นกินเล่นอย่างที่เราเห็น 
ต่อให้มีมากแค่ไหน ก็อาจจะหมดได้   แม่ว่าถ้าอยากกิน ค่อยไปซื้อเอาในเมือง

เราเดินชมวิวต้น องุ่น ได้ประเดี๋ยว เดียว เราก็เห็นเมือง ซีเรากี่ (Cirauqui)
เหมือนอยู่ใกล้ๆ   พอเดินไปถึง ก็ไม่ผิดหวัง   

มีโบสถ์ใหญ่มโหฬาร ซาน โรมาน (Inglesia de San Román)   
แม่ว่าดูแล้วเหมือนเมือง สร้าง ขึ้นสำหรับ ต้อนรับ นักแสวงบุญ โดยเฉพาะ   

ซีเรากี่ เป็นภาษา อูสเก-รา (สะกด Zirauki)   แปลออกมาได้ว่าบ่องูพิษ   
เราเดินผ่านประตูโค้งโบราณ หลายบาน กว่าจะออกนอก เมือง 
น่าแปลกใจ ที่มีตู้ขายน้ำ แบบหยอดเหรียญอยู่ใจกลางเมือง 
เสียสุนทรีภาพ ไปมาก

เดินออกจากซีเรากี่  ลอดอุโมงค์ ไปเจอ ซากถนน  ที่ดูว่าน่าจะสร้างมาแต่ยุคโรมัน 
แลดูชักช่วนให้เดินผ่าน   โชคดีของเรา ที่อากาศดีไม่มีฝน  ถ้าต้องเดินตอนฝนตก
ผมก็ไม่แน่ใจว่า ถนนโรมัน เส้นนี้ยังจะดู สวย อยู่หรือเปล่า

เรา เจอเพื่อน ร่วมทาง อีก มี มาเนล กับ แซวี่ เป็นตัวหลักรู้สึกเจอบ่อย   
มีเพิ่ม มาอีก คน คือ ปัคโก้ จาก วาเล้นเซีย (València) เมืองส้ม

เราเดินเป็น กลุ่มใหญ่ คับถนน ไปถึง เมือง ล้อร์ก้า (Lorca) แบบไม่รู้ตัวเพราะ มีคนเดินด้วย   
เมือง ล้อร์ก้า ก็เหมือนเมืองเล็กๆ ที่เป็นเมืองทางผ่าน เอล คัมมิโนเดซานติอาโก ทั่วๆไป   
เห็นมีแต่ผู้สูงวัย นั่งเล่นในเมือง ไม่ค่อยจะเห็น วัยรุ่น หนุ่มสาว เท่าไหร่   
แม่ว่า คงหนีไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆเช่น พัมโพลน่า กันหมด

ปัคโก้ จาก วาเล้นเซีย เดินประกบ แม่ตลอด
พยายามคุยเรื่องนั้น เรื่องนี้กับแม่ แถมร้องเพลง ให้เพื่อนๆ ร่วมทางฟังด้วย
ผมเห็น หน้าแม่ก็ รู้ว่าแม่เซ็งอีตาปัคโก้ อย่างหนัก ใจผมอยากจะแกล้งแม่ 
ให้ฟังซะให้ เข็ด แต่พอเห็นหน้าเซ็งสุดของแม่ก็อดสงสารไม่ได้

พอ ถึง วิลย่าตูแอร์ต้า (Villatuerta)  ผมเลยตะโกน บอกแม่ ว่าหิว ทั้งๆที่ แค่เที่ยงเอง 
เรานั่งใต้ต้นไม้ ข้างทาง พักเหนื่อย   

ส่วนเพื่อนร่วมทาง เดิน ต่อ เพราะ เดินอีกแค่ ชั่วโมง เดียว ก็ถึงเอสเตลย่า (Estella) 
โชคเข้าข้าง แม่   ปัคโก้ นัดเจอกับเพื่อนที่เอสเตลย่า เลย ต้อง รีบไป         

แล้วแม่ก็บ่น ว่ามัวมีเสียงของอีตา ปัคโก้ รบกวนเสียสมาธิในการเดินทางไปเยอะ
นอกจากไม่มีโอกาศได้ถ่ายรูป  ยังไม่มีโอกาศได้ชมวิวทิวทัศน์ 
นอกจากดูปากปัคโก้  ขยับขึ้นๆ ลงๆ ปิดๆเปิดๆ 

แม่ว่าโชคดี ที่ภาษาสเปน ไม่ใช่ ภาษาพ่อ ภาษาแม่
สมอง แม่เลยปิดไม่รับรู้ ว่าเขาเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้าง 

ผมบอกแม่ว่า แม่น่าจะ ไล่อีตาปัคโก้ ให้ไปไกลๆ   
แม่ว่า เกรงใจเขา คงจะไม่ได้พูดมานาน 

แม้แม่จะอยู่เมืองนอก นานหลายปี แต่ก็ยังเป็นคนไทย 
เหมือนคนไทย ทั่วไป (ที่วัยเดียวกับแม่) คือขี้เกรงใจ   

ผมเลยบ่นแม่ให้ ว่า ก็เพราะไอ้ ความเกรง ใจของแม่ 
เลยทำให้เราเสียเวลาไปโดยใช้เหตุ  ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัย
เหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหลาย 

แม่ว่าแม่ช่วยไม่ได้  แม่เป็นของแม่มาแบบนี้ ตั้งแต่เกิด   
เราทะเลาะกัน อยู่ซักครึ่งชั่วโมง ก็ออกเดิน ทางต่อ   

ก่อนออก เมือง เราข้ามสะพานโบราณ อีกที  แต่ปรับปรุงใหม่ เลยไม่ค่อยสวย
เหมือนที่เห็นใน วันก่อน แถมมีตึก อยู่หน้า สะพาน ทำให้หมดความงามไปเยอะ 

ทางเดินก็ เดิน ง่าย  มีป้ายบอกทาง เป็นลูกศร สีเหลือง ไป ตลอดทาง 
ไม่มีโอกาศ ให้ เราเดิน หลงได้ ง่ายๆ

มีเพื่อนร่วมทางมากมาย ขึ้นเรื่อยๆ หลายชาติ 
แต่ไม่หลายศาสนา  แม่กำลังเบื่อมนุษย์ เลยแค่ทักแต่ไม่ชวนคุย





บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 05:14

ทางเดินจากวิลย่าตูแอร์ต้า ไปจนถึง เอสเตลย่า ใช้เวลาเพียง ชั่วโมงเดียว 
เพราะ หิวข้าว แม้จะควัก แซนวิช มากิน ระหว่างเดิน 
พอถึง เอสเตลย่า สามโมงเย็น ก็ หิวขึ้นมาทันที

เรายังไม่ที่พัก   เอสเตลย่า ออกจะใหญ่  ต้องถามคนไปตลอด 
ถึง พลาซ่า มายอร์ หรือ จัตุจัสใจกลางเมือง  เพราะตรงนั้นจะมีอะไรให้เรากินแน่ๆ   
เขาไม่เรียก ว่าพลาซ่า มายอร์ แต่มีชื่อของตัวเองว่า  พลาซ่า โลส ฟูแอโรส   (Plaza los Fueros)   

เอสเตลย่า มีถนน แยกเล็ก แยก น้อย เยอะไปหมด  เดินไม่ดูตาม้า
ตาเรือ อาจจะหลงได้ ง่ายๆ  กว่าเราจะหา ร้าน อาหาร เจอ
เขาก็ ไม่มี อะไรให้ กิน นอกจาก สลัดผัก   
แม่ว่า กินไป ก่อน ตอนเย็น ค่อย กิน เป็นเรื่อง เป็นราว 

กินเสร็จ เรา ก็ เดิน หาที่ พัก  เห็นมีแห่ง เดียว คือโฮสตาล ครีสติน่า (Hostal Cristina โทร ๐๐๓๔ ๙๔๘ ๕๕ ๐๔ ๕๐)
ที่เราสู้ ราคาไหว   แต่ดูแล้ว เหมือน บ้านผีสิง   มีแม่แก่ๆ กับลูกชายบริหาร   
ไม่มีบริการใดๆ ทั้งสิ้น เรียกว่า มีแค่ห้องโทรมๆ ให้เช่า   
ไม่มีทางเลือก เหมือนเคย เพราะเราเหนื่อยเกินกว่า
จะเดินต่อ  อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินเล่นชมเมือง
 
ซักทุ่มนึง  พลาซ่า โลส ฟูแอโรส   มีทั้งเด็ก ทั้งวัยรุ่น รวมหนุ่มสาวและผู้สูงวัย
นั่งเล่น เดินเล่น จิบไวน์ จิบกาแฟ เต็มจตุรัส ผิดกับตอนที่เรามาถึง

แม่อ่านหนังสือคู่มือ เขาว่า มีโบสถ์อยู่ สองแห่ง  มีพิพิธภัณฑ์  มีวัง
แล้วก็มีอะไร หลายๆอย่าง สมควรเดินชมดังเช่น
ผู้มีรสนิยมสูง (เช่นเราทั้งสอง  ฮ่า ฮ่า ฮ่า) เป็นอันมาก

แต่ยังไม่ทันเห็นอะไรซักอย่าง ก็เจอเพื่อนร่วมทาง นั่งจิบไวน์ กันอยู่ เป็นกลุ่มใหญ่ 
ร้องเรียกชักชวน ให้เรานั่งด้วย   

ผมไม่ค่อยอย่างเดินชมเมืองซักเท่าไหร่ เพราะเดินมากจนเพลียแล้ว 
รีบนั่งตามคำเชิญ ก่อนที่แม่จะเปลี่ยนใจ  แต่ผมว่าแม่ก็คงไม่อยากชมเมืองมากนัก 

แต่ต้องทำเป็นอยากชม จะได้พาเยาวชน คือผม ไปดูเพื่อเป็นความรู้ติดตัว
นั่งกันรากงอก จนหิว  คนอื่นๆ ที่อยู่ บ้านพักนักแสวงบุญ
ก็กลับไปทำอาหาร เขามีครัวให้ 

ส่วนที่เหลือก็แยกย้ายไปตามร้านอาหารต่างๆ  แม่อยากกินข้าวเอามากๆ
แม่ว่าไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน เกือบอาทิตย์ ซิ่งผิดวิสัยคนไทยแบบแม่เป็นอันมาก


เราเดินหาร้านอาหารอยู่นาน กว่าจะเจอ  ร้านนี้เขาว่ามี
อาร์โรส คูบาโน่ (Arroz Cubano หรือ อาร์โรส อา ลา คูบาน่า Arroz a la cubana )   

เรียกซะเก๋ แท้จริงแล้ว คือ ข้าวหุงแบบสเปน (ไม่เช็ดน้ำ) ราดด้วยซอสมะเขือเทศ   
แล้วตามด้วยไข่ดาว   ตอนแม่ไปอยู่สเปนใหม่ๆ หลงเชื่ออยู่นานว่า ต้นตำรับ นั้นมาจาก ประเทศ คูบา   

เปล่าเลย คิดขึ้นที่สเปน   ถ้าไปสั่ง อาร์โรส คูบาโน่ ที่อเมริกาใต้   ก็จะแตกต่าง จากที่เจอที่สเปน   
แม้ในสเปนเอง บางทีสั่ง ก็มีกล้วยหักมุกอบใส่มาให้ด้วย   

เราสั่งไวน์แดง มากิน   ผมจิบตามแม่ไปด้วย เหมือนเดิม 
โดยเอาน้ำโซดาผสมตามลงไป  กินแล้วซ่าๆ ชื่นใจพอประมาณ

แม่ว่า ข้าวก็งั้นๆ ดีกว่าไม่มีกิน  แต่ถ้าไปทำขายที่เมืองไทย เป็นต้องล้มละลายแหงแก๋   
ส่วนแกะย่างของผมนั้นอร่อยทีเดียว  แม่ชาตินิยม กินอะไรก็ ชอบเอาไปเปรียบ กับอาหารไทย 
เปรียบมากๆ ออกจะกินไม่ลงทีเดียว  กินเสร็จ เราเดินกลับไปนอน หัวถึงหมอน ตอน ห้าทุ่มพอดี





บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 09:26

            แวะเข้ามาแสดงตัวว่ายังร่วมเดินทางตัวอักษรไปด้วย

              ถ้าเป็นไปได้ ขอคำบรรยายรูปประกอบ หรือวงเล็บหลังข้อความที่เขียนว่าหมายถึงรูปประกอบรูปไหน
(บน กลาง ล่าง)  ก็ได้ ครับ
   
บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 16 มี.ค. 10, 09:47

            แวะเข้ามาแสดงตัวว่ายังร่วมเดินทางตัวอักษรไปด้วย

              ถ้าเป็นไปได้ ขอคำบรรยายรูปประกอบ หรือวงเล็บหลังข้อความที่เขียนว่าหมายถึงรูปประกอบรูปไหน
(บน กลาง ล่าง)  ก็ได้ ครับ
   

อยากทำมากคะ  แต่ทำไม่เป็น  ต้องทำแยกต่างหาก
หรือ ถ้าเขียนในรูปต้องทำอย่างไร บ้างค่ะ
บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 17 มี.ค. 10, 04:19

วันนี้ไม่มีข้าวเช้ากิน เราเลยกะว่าไปกิน ที่ อาเยกุย (Ayegui)  ครึ่งชั่วโมง ก็น่าจะถึง   
เราออกเดินทางเวลาเดิม คือแปดโมงเช้า   พอแปดโมงครึ่งก็ได้กินข้าวเช้าสมใจ   

มีเพื่อนร่วมทางนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนใจตรงกัน ว่าต้องแวะกินที่นี่
เพราะร้านใน เอสเตลย่า ยังไม่เปิด แล้วต่อจาก อาเยกุย ก็ไม่ที่แวะกินข้าวเลย

จนไปถึง โลส อาร์โกซ (Los Arcos)   เมืองที่เราจะไปนอนพักคืนนี้   
ซึ่งห่าง จากอาเยกุย ไปอีก ยี่สิบกิโลเมตร (ห้า ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ)

มื้อนี้เรากินชุดใหญ่ เพราะวันนี้ข้าวเช้ามีให้เลือกได้ตามใจฉัน เราเริ่มด้วย น้ำส้มคั้นสด
แซนวิชไข่เจียวฝรั่งเศสใส่โชริโซ่  และกาแฟใส่นมถ้วยโตของ แม่ 
ส่วนผมนมใส่กาแฟ  แม่ว่าเป็นเด็กเป็นเล็ก ให้ใส่นมเยอะๆ กาแฟนิดเดียว

กินเสร็จ เราหอบแซนวิช มโหฬารไส้แฮม กับเนยแข็ง และน้ำอีกคนละ สามลิตร
เพราะจากที่นี่ไป เราจะไม่มีโอกาส ซื้อน้ำได้เลยไปจนถึง โลส อาร์โกซ 

แล้ววันนี้ก็เหมือน หลายๆวันที่ผ่านมา คือ ร้อนมาก  เป้ เลยออกจะหนักกว่าปรกติ 
เพื่อนร่วมทางคนอื่นเขาไม่หอบน้ำเป็นบ้าเหมือนเรา   

เพราะระหว่างทาง เขามี น้ำก๊อกคอยไว้ให้สม่ำเสมอ   
แต่แม่ไม่ไว้ใจคุณภาพของน้ำก๊อกข้างทางเท่าไหร่ 

บางที่มันอยู่ใกล้ อ่างอาบน้ำวัวเกินไป  แม่ว่าไม่ได้ทำดัดจริต 
แต่คิดว่าถ้าเราป่วยเพราะ น้ำกิน ออกจะลำบาก
อาจจะต้องเลิกเดินกลางคัน  เลยอดขึ้นสวรรค์ (อันนี้ ผมต่อเอง)

เรากำลังจะลุกจากโต๊ะเพื่อเดินต่อ  มาเนล ก็เดินมาพอดี 
ทั้งแม่และผมซึ่งมีนิสัยนั่งแล้วรากงอก  เลยนั่งกินกาแฟกับมาเนลต่ออีกคนละถ้วย 

เห็นมาคนเดียว  คุยไปคุยมาได้ความว่า เขาออกสายกว่าทุกวันเพราะ ต้องการหลบ
กลุ่มปัคโก้  แม่ว่า ใจตรงกัน  เราเลยจะยึดมาเนล เอาไว้เป็นกันชน 

ท่าทางเป็นหนุ่มสูงวัยใจดี พอเล่าให้ฟัง มาเนลหัวเราะ ชอบอก ชอบใจ   
ผมเองนั้นชอบ มาเนลมากเป็นพิเศษ เพราะออกจะชาตินิยมเหมือนแม่ 

แม้ว่าจะนิยมกันคนละชาติ   ผมเป็นคน คาทาลาน
(Catalan คนของแคว้น Catalunya หรือ Cataluña ของสเปน มีภาษา ของตัวเอง)ก่อน   
จากนั้นก็ เป็นคนไทย ตามด้วย บาสค์ เหมือนย่า   อันดับสุดท้าย ถึง จะเป็นคนสเปน   

มาเนล เป็น คน คาทาลาน หลังจาก คาทาลาน ก็ยังเป็น คาทาลาน ไม่มีทางที่จะเป็นคนสเปนได้เลย   
เราถูกใจกันมากยิ่งขึ้น เพราะ เป็นสมาชิก ทีมบอล ทีมเดียวกัน คือ บาร์ซ่า (Barça)
หรือชื่อเต็มยศ ว่า ฟุตบอล คลุบ บาร์เซโลน่า (Futbol Club Barcelona)   
ผมเพลิดเพลินนอกเรื่องอีกแล้ว




บันทึกการเข้า
merlin
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 17 มี.ค. 10, 09:59

แวะมาถามนะคะ  ยิ้มกว้างๆ คุณ tian เคยอ่านนิยายเรื่อง the Pilgrimage ของ Paulo Coelho (คนเดียวกับที่เขียนเรื่อง the Alchemist) ไหมคะ ตัวเรื่องเกี่ยวกับการแสวงบุญของตัวเอกบนถนนสู่ Santiago ค่ะ (อันนั้นจะมีส่วนที่ออกแนว supernatural ด้วย มีไกด์ มีแบบฝึกหัดระหว่างทาง) เป็นนิยายเรื่องที่ชอบมาก ๆ ค่ะ ก็เลยมาขอแนะนำ จะตามอ่าน El Camino de Santiago ของคุณ tian ต่อนะคะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 17 มี.ค. 10, 10:58

           ลองดูแบบง่ายๆ อย่างนี้ ดีไหมครับ

แบบแรก - คือที่ทำอยุ่ทุกวันนี้ (วันละหนึ่งกระทู้ ข้อความ 10 - 20 บรรทัด) ใช้วงเล็บท้ายข้อความกำกับ
สมมติ เช่น

      ข้อความของวันนี้  
อ้างถึง
แล้ววันนี้ก็เหมือน หลายๆวันที่ผ่านมา คือ ร้อนมาก  เป้ เลยออกจะหนักกว่าปรกติ  
เพื่อนร่วมทางคนอื่นเขาไม่หอบน้ำเป็นบ้าเหมือนเรา

     ก็ใช้วงเล็บท้ายข้อความ >> แล้ววันนี้ก็เหมือน หลายๆวันที่ผ่านมา คือ ร้อนมาก  เป้ เลยออกจะหนักกว่าปรกติ  
เพื่อนร่วมทางคนอื่นเขาไม่หอบน้ำเป็นบ้าเหมือนเรา(รูปที่ 1 หรือ รูปบน)

แบบที่สอง - ลงข้อความกระทู้สั้นลง (วันหนึ่ง จึงจะมีมากกว่าหนึ่งกระทู้) เมื่อจบข้อความแล้ว เว้นบรรทัดและพิมพ์คำบรรยาย
เหนือภาพที่ลงประกอบ กระทู้ละหนึ่งภาพครับ เช่น

เพื่อนร่วมทางของเราวันนี้ (ขออนุญาตนายแบบแล้ว)    


บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 17 มี.ค. 10, 16:18

แวะมาถามนะคะ  ยิ้มกว้างๆ คุณ tian เคยอ่านนิยายเรื่อง the Pilgrimage ของ Paulo Coelho (คนเดียวกับที่เขียนเรื่อง the Alchemist) ไหมคะ ตัวเรื่องเกี่ยวกับการแสวงบุญของตัวเอกบนถนนสู่ Santiago ค่ะ (อันนั้นจะมีส่วนที่ออกแนว supernatural ด้วย มีไกด์ มีแบบฝึกหัดระหว่างทาง) เป็นนิยายเรื่องที่ชอบมาก ๆ ค่ะ ก็เลยมาขอแนะนำ จะตามอ่าน El Camino de Santiago ของคุณ tian ต่อนะคะ

ขอบคุณมากคะ
เคยอ่านค่ะ แต่อ่านไม่จบ เคยลองอ่านเรื่่องของคุณ Paulo Coelho สอง สาม เรื่อง
the Alchemist เป็นเรื่องแรก  แต่ไม่เคยเข้าถึงความหมาย ของคนเขียน เลยเลิกอ่าน
(เหมือนที่ลูกชายว่า แม่ไม่ค่อยฉลาดนัก อะไรๆ ก็ไม่รู้เรื่อง)   มีอีกคนคือ
Shirley McLaine ที่เขียนเรื่องนี้เหมือนกัน  ก็งั้นๆ ล่ะค่ะ  ต้องไปเดินเอง
แต่คุณPaulo Coelho มีแฟนหนังสือเยอะ ดิฉันคงจะเป็นคนเดียว ที่เขาสื่อ
ไม่เข้าใจ
ดิฉันไปเดินมาหลายครั้ง ยิ่งแก่ตัว ก็ยิ่งชอบไปเดิน เดินครั้งแรกกับเดินครั้ง
สุดท้าย เส้นทางเดียวกัน แต่แตกต่างกันเยอะ
ดิฉันเลยคิดว่า อีกซัก สองสามปีจะเอาหนังสือ ของคุณ Paulo Coelho
มาอ่านใหม่ อาจจะเข้าใจมากขึ้น

แต่มีหนังสืออีกเล่ม ที่ชอบมาก Eat, Pray, Love by Elizabeth Gilbert
แล้วก็มีอีกเล่มเอาไว้ขัดเล่มแรก Drink, Play, F@#k by Andrew Gottlieb


บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 17 มี.ค. 10, 20:05

คุณ Sila ขอบคุณมากค่ะ พรุ่งนี้จะลองทำดู
บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 18 มี.ค. 10, 05:22

กว่าเราจะถอนราก ออกจากอาเยกุย ก็ ร่วม สิบโมงเช้า  เราเดินตาม มาเนล ไปเรื่อยๆ 
แม่รู้สึกสบายใจเป็นอันมาก ที่ไม่ต้อง คอยดูทาง ดูลูกศร

เดินไปถึง โรงทำไวน์ โบเดกาซ อีราเช้ (Bodegas Irache)   
ที่มี ฟ่วนเต้ เดล วีโน่  (Fuente del Vino) หรือ ก๊อกไวน์

ที่โด่งดังของเอล คัมมิโน ฟรันเซส   มี สอง ก๊อก   
ก๊อกหนึ่งเปิดออกมาเป็นไวน์ (แดง)   อีก ก๊อกหนึ่งเปิดออก มาเป็นน้ำ

เรารองชิมไวน์ เย็นยะเยือก  ก็ดี แต่ ไม่ถูกปากแม่นัก  แม่ชอบใจ
ในการโฆษณาของเขา  ที่นี้ ชื่อ โบเดกาซ อีราเช้  ได้ติดปากคนไปทั่ว
จะขายได้มากน้อยแค่ใหน เราไม่รู้  รู้แต่แน่ๆ ว่า ชื่อดัง 
แม่ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปแม่จะคอย สอดส่อง หาไวน์ยี่ห้อนี้  แล้วบอกกัน ต่อๆไป (รูปที่หนึ่ง)

ออกจากฟ่วนเต้ เดล วีโน่  ตามหนังสือคู่มือ แนะนำว่า
เราสมควรเดินไปชม โมนาซแตริโอ้ เด อีราเช้ (Monasterio de Irache)
หรือ อาราม ของ อีราเช้ ว่ากันว่า สวยมากไม่แพ้ใคร   

แต่ปรากฎว่า เราหาไม่เจอ  ทั้งแม่ ทั้งมาเนล ท่าจะ จิบไวน์มากไปหน่อย  เลยอดดู
เดินผ่าน อาซเกต้า (Ázqueta)  ตอน สิบเอ็ดโมง ครึ่ง   เมืองทั้งเมือง เงียบสงบ 

ไม่มีอะไรให้ตื้นเต้น เร้าใจ (รูปที่สอง) สมกับเป็นทางผ่าน เพื่อแสวงบุญ 
แลเห็นร้านกาแฟ แต่ยังไม่เปิด  ไม่มีทางเลือก เราก็เดินต่อ  ซึ่งผมชอบมาก
จะได้ถึงซะที  แม่ชอบหยุด กินโค้กใส่เกลือ ชูกำลัง   
ทำให้แต่ละวันเราใช้เวลา อยู่บนเส้นทางเยอะมาก  แทนจะรีบๆเดิน   
บ่นมากๆ แม่ก็ว่า แม่เหนื่อยนี่  ไม่ได้เป็นวัยรุ่นเหมือนผม

ออกจากอาซเกต้า นอกจากมีไร่องุ่น มากมาย   ผมยังได้เห็น ต้น ฟีก 
(Fig ในภาษาอังกฤษ หรือ อิโก้ Higo ในภาษาสเปน)
เป็นครั้งแรก ในชีวิต หลังจากซื้อกินมานาน   
ต้นเล็กๆ แม่ว่าท่าจะยังเด็กอยู่   กิ่งก้านยังกระจิ๋วหริว แต่มีลูกดกเต็มต้นไปหมด  (รูปทีสาม)

แม่เล่าให้ฟัง ว่า แม่เห็น ลูกฟีกครั้งแรก ตอน ที่ไปเรียนเมืองนอกใหม่ๆ  ในตลาดสดของฝรั่ง
เห็นแล้วไม่รู้ ว่ามันคืออะไร ถามคนขาย เขาก็บอกว่า คือ ฟีก (Figue เป็นภาษา ฝรั่งเศส)   

แม่ก็ไม่รู้ ว่ามันคือลูกอะไร   คนขายใจดี นึกว่าแม่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส
ก็บอก อีกทีเป็นภาษาเยอรมันว่า ไฟ้เก้   (Feige)   

เขาหารู้ไม่ว่า แม่ ไม่รู้ทั้ง สองภาษา   แม่ว่า ถึงรู้ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าลูกอะไร
เพราะบ้านเราไม่มี (แล้วสมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เนตหาข้อมูล ง่ายๆ เหมือนสมัยนี้)     

เหมือนบอก ฝรั่งถึง ลูกมะปราง  ต่อให้พูดไทยได้ ก็คง ไม่รู้ว่ามะปรางคือ ลูกอะไร 
นอกจากรู้ว่าเป็น ผลไม้ชนิดหนึ่ง   แม่อยากรู้มาก เลยตัดใจซื้อมา หนึ่งลูก 

ที่ซื้อลูกเดียว ประการแรก เพราะแพงมาก  เขาขายราคาเป็นลูก 
ลูกนึง เทียบเป็นเงินไทย ก็กินก๋วยเตี๋ยวเรือที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (เมื่อ สามสิบปีที่แล้ว)
ได้ สี่ ห้าชาม  ประการที่สอง แม่ไม่มั่นใจ ว่าจะกินลง  เพราะลูกมันเล็กๆ เละๆ ดำๆ ไม่น่าเอ็นดูจนนิดเดียว

แต่พอกินแล้ว ก็ติดใจตั้งแต่บัดนั้น   แม่มาเรียนรู้ที่หลัง ว่าถึงชอบแค่ไหน ก็ห้ามกินมาก 
นอกจากจะอิ่มตื้อ แล้ว ก็เป็นยาถ่าย เหมือนๆมะขามของไทยทีเดียว 

ในสเปน เขาขายเป็นกิโล  โลนึงได้หลายลูก  กินไม่หวาด ไม่ไหว ต้องแบ่งให้คนอื่นบ้าง   
อร่อยมากจะเป็นช่วง เดือนกันยาและตุลา เวลาลูกฟีกสุกได้ที่ 
กินกับแฮม ของสเปน  แม่ว่า แก้คิดถึงบ้านได้ดีเชียว 





บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 19 มี.ค. 10, 05:04

เดินชมวิวอย่างเหนื่อยและร้อน ไปจนถึงเมืองชื่อยาว วิลย่ามายอร์ เด โมนฮาร์ดิน
(Villamayor de Monjardín)   เมืองนี้อยู่เหนือระดับน้ำทะเล เกือบ เจ็ดร้อยเมตร   

เรานึกว่าจะได้ชมโบสถ์ ซาน อันเดรส (iglesia de San Andrés) ซึ่งขึ้นชื่อว่างามมาก   
แล้วมีไม้กางเขนทำด้วยเงิน จากศตวรรษที่สิบสอง   เสียดายที่เข้าชมไม่ได้ เพราะปิด   

มาเนล (ซึ่งเราค่อยๆ เรียนรู้ ว่า นับถือ พระเจ้า แต่ ต่อต้านนิกายแคธอลิค)
บอกว่า มีบาดหลวงไม่พอ   เลยไม่มีบาดหลวงนั่งเฝ้าโบสถ์ เหมือนสมัยก่อน   

โดยเฉพาะเมืองเล็กๆ   บาดหลวงอยู่เมืองอื่น จะมาก็ตอนมาทำพิธี เท่านั้น   
แล้วต้องไปหลายโบสถ์ หลายเมือง ต้องจัดคิวให้ดี ว่า วันไหน ต้องไปที่ไหนบ้าง 
เลยต้องปิดโบสถ์ เพราะไม่งั้น ก็ของหาย   

จากวิลย่ามายอร์ เด โมนฮาร์ดิน เรามอง เห็นปราสาท ของเมืองบนเขา
ถามคน เขาว่า คือ คาสติโย่ เดโมนฮาร์ดิน (Castillo de Monjardín)

มาเนล ถามว่า เราอยาก ปีนเขาไปดู ปราสาท บ้างมั้ย  ทั้งแม่และผมรีบ
ทั้งส่าย ทั้งสั่นหัว กันเป็นแขกโพกหัวทีเดียว   

นอกจากแดดเปรี้ยง  ยังมีเนินเขา  แล้วเรายังต้องเดินอีก สิบสาม กิโลเมตร
กว่าจะถึงจุดหมาย ที่พักหลับนอนของเรา

ทางเดินวันนี้อิ่มตาอิ่มใจ ด้วยไร่องุ่น  ดูเขียวสุด ลูกหูลูกตา  จากความร้อนของแดด 
พอเห็นสีเขียวๆ ของต้นองุ่น  ช่วยคลายร้อนไปได้เยอะ  (รูปที่หนึ่ง)

แต่ออกจาก สวรรค์ไร่องุ่น มาไม่นาน  จากเขียวๆ กลายเป็น ดินแห้งแตก
เหมือนไม่ได้โดนน้ำมานาน   หาความชุ่มชื่น ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย   

เป็นทุ่งที่แห้งแล้งมากดูแล้วแม่เดาว่าน่าจะเป็น ทุ่งต้นข้าวสาลีมาก่อน 
แต่เพราะเขาคงเกี่ยว ไปทำแป้งสาลีกันหมดแล้ว  เหลือทิ้งไว้แต่ต้นแห้งๆ ติดดิน   

มองสุดลูกหู ลูกตา ก็เห็นแต่ความแห้งแล้ง  ไม่มีร่มไม้ให้เรา นั่งพัก 
นอกจาก ต้นข้าวสาลี ที่ไม่มีรวงเหลือ ดีที่เราเอาน้ำมาเยอะมาก 

แดดจ้า ร้อน เหมือนเดินเล่นอยู่ ในห้อง ซาวน่า ดีว่า บางแห่ง มี ไร่องุ่น
ให้เห็น เขียวๆ ชุ่มใจ คลายความร้อน  แม้จะน้อยจุด แต่ก็ยังดีกว่า มีแต่ไอ้ ต้นข้าวสาลี เกรียมแดด (รูปที่สอง)

แล้วอยู่ๆ เราก็เจอเพื่อนร่วม ทาง ที่ไม่ได้เจอ มาหลายวัน  สามี ภรรยา ชาวสเปน
อัลบ้า กับ อัลฟองโซ่   มาเนล ก็จำได้ ว่าเจอ เมื่อ ออกจาก พัมโพลน่า 
แม่เดินคุย กับอัลบ้า  ส่วนผม นั้นเดิน กับพวก ผู้ชายด้วยกัน

อัลบ้า และ อัลฟองโซ่ มาจาก เมือง เลออน (León) 
ซึ่งเป็นทางผ่านเอล คัมมิโน ฟรันเซส   แม่คิดว่าเรา
อีกสองอาทิตย์เรา น่าจะเดินถึง เลออน

ถ้าขับรถละก้อ วันนี้ก็ถึง เพราะห่าง แค่ สามร้อย กิโลเมตร   
อัลบ้า สนใจมาก ว่าแม่มาจากไหน ถามเกี่ยวกับเมืองไทย เยอะมาก   

ผมเห็นใช้ไม้เท้า วาดแผนที่ ให้ดู   แม่ออกจะชอบ และถูกชะตา อัลบ้า เอามากๆ   
แม่ว่า เขา น่ารัก ถ้าไม่รู้ก็ ว่าไม่รู้ แล้ว ถาม เพราะอยากรู้   ไม่อาย หรือ กลัวที่จะถาม

มีคนเดินด้วย ทำให้ลืมร้อน ลืมเหนื่อยไปได้ไม่น้อย   แล้วอยู่ๆ  ก็มีรถ คาราวาน จอด
อยู่ ข้างทาง   ไม่ได้ จอดเฉยๆ  แต่เชิญเรา เข้าไปนั่งพัก แก้ร้อน (รูปที่สาม)

เราทั้ง ห้า เลยฉลองศรัทธาเต็มที่   ทุกคนเอา แซนวิชออกมาแบ่งกันกิน 
แม่และผมงัดแซนวิชยักษ์    ออกมาให้แบ่งบ้าง    ทุกคนตกใจในขนาดมโหฬารของแซนวิช   
ได้หัวเราะในความตะกละและกลัวหิวของเรา ทั้งสอง

จอห์น (John) เจ้าของ รถ เป็นคนอังกฤษ ที่มาตั้งรกรากในสเปน   
มีเพื่อนมาเยี่ยม อยากดู เส้นทาง เผื่อจะเดินบ้าง   
จอห์นเลยพานั่ง รถคาราวาน ขับตามเส้นทาง เอล คัมมิโน ฟรันเซส   

เราขอบอก ขอบใจ จอห์น ที่ เขามี น้ำใจชวนเรา นั่งพัก   
แถมให้น้ำ กับคนที่น้ำหมด   แม่ว่า ฝรั่งแบบนี้หายาก   
ชาติที่แล้ว  จอห์นต้องเป็นคนไทยแน่ๆ  น้ำใจเลยติดมาถึงชาตินี้   
เรื่องนี้แม่เล่าให้ผมฟังคนเดียว ไม่กล้า บอกใคร เดี๋ยว เขาจะนึกว่า แม่บ้า  ซึ่งผมก็ออกจะเห็นด้วย





บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 19 มี.ค. 10, 11:06

อ่านสนุกมากครับ เป็นกระทู้สำคัญที่ต้องตามอ่านทุก คคห.

แต่จะขออะไรหนึ่งอย่างครับคุณ tian

ขอภาพใหญ่กว่านี้หน่อยครับ ผมมองไม่ค่อยชัดน่ะครับ ดูจากขนาดไฟล์แล้ว ถ้าใช้วิธีย่อโดยลดคุณภาพของการย่อลง (ซึ่งเลือกให้เหมาะสมแทบไม่ส่งผลกับคุณภาพของภาพเลย) แล้วเพิ่ม resolution สักหน่อย จะได้ไฟล์ขนาดใกล้เคียงกับเดิม คุณภาพไม่ต่างกัน แต่ใหญ่กว่า เห็นชัดกว่าครับ

วิธีง่ายๆ ของใช้โปรแกรมนี้ดูนะครับ

http://download.cnet.com/Shrink-Pic/3000-2192_4-10538931.html?tag=mncol

ใช้ตัวเลือก high compression ของโปรแกรมนี้ก็ได้ครับ น่าจะกำลังเหมาะครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 19 มี.ค. 10, 13:16

ขอบคุณ คุณ CrazyHOrse มากค่ะ ที่ให้กำลังใจ
ขอโทษเรื่องภาษาไทยด้วยนะคะ ภาษาดิฉันแย่จริงๆ

จะลองโปรแกรมดูค่ะ แต่ผลจะเป็นอย่างไร
ไม่ทราบนะคะ ดิฉันเรียนช้า จะลองทำพรุ่งนี้เลยคะ
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 19 มี.ค. 10, 15:19

ภาษาไทยคุณtienอ่านง่าย  เข้าใจง่าย  เพลิดเพลินอมยิ้มไปเรื่อย ๆ  ไม่มีที่ติตรงไหนเลยนะคะ
บันทึกการเข้า
tian
ชมพูพาน
***
ตอบ: 138



ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 19 มี.ค. 10, 15:25

ภาษาไทยคุณtienอ่านง่าย  เข้าใจง่าย  เพลิดเพลินอมยิ้มไปเรื่อย ๆ  ไม่มีที่ติตรงไหนเลยนะคะ

ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ ชมแบบนี้ เขียนขาดใจเลยค่ะ เพราะบ้ายอ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง