เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
อ่าน: 33366 ประวัติพระยาราชมนตรี(ภู่)
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 15:55


โอ้วารียังรู้มีเวลาว่าง                          นิราศร้างแรมทิ้งตลิ่งหมอง
รู้คลาดเคลื่อนเลื่อนลดไปหมดคลอง         ดูทำนองเหมือนในน้ำใจคน
เมื่อคราวดีมีผู้มาสู่หา                         หมายพึ่งพาผูกรักเป็นพักผล
พอถอยยศลดลับฤๅอับจน                   ไม่เห็นคนใครทักรู้จักเล





กลอนนี้เป็นจริงมาทุกยุคสมัย   สุนทรภู่เองก็เคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้   กระทั่ง "ฟ้าอาภรณ์แปลกพักตร์อาลักษณ์เดิม"  หรือ "สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา   วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์"

กรณีของคุณพุ่ม  ท่านเคยเป็นหม่อมในเจ้าฟ้าน้อย  เมื่อสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว  ท่านก็เหลือตัวคนเดียว (เป็นหม้าย)   ด้วยความที่เป็นห้ามเจ้านายมาก่อน  จะหาคู่ชีวิตใหม่ก็ใช่ที่  เพราะใครที่หมายหญิงที่เคยเป็นห้ามของเจ้านายมาเป็นคู่ของตนย่อมเกรงอาญาอยู่  ถึงจะมีประกาศรัชกาลที่ ๔ ออกมาภายหลัง  คนก็คงไม่กล้าฝืนธรรมเนียมปฏิบัติ  คุณพุ่มจึงตกระกำลำบาก  เพราะลำพังวิชากลอนที่มีก็ใช่ว่าจะเลี้ยงชีพไปได้ตลอด  เพราะถ้าไม่มีคนอุปถัมภ์ศิลปินก็อยู่ได้ยาก   การเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่มีลูก ไม่มีสามี  ถึงมีญาติพี่น้อง  ก็ดำรงตนลำบาก  เพราะพี่น้องก็อาจจะไม่ได้มีฐานะดีพอที่ช่วยเหลือท่านได้ตลอดไป  ที่สำคัญ  ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว  คุณพุ่มเหลือญาติพี่น้องที่พอพึ่งได้สักกี่คน  ก็ในเมื่อท่านถึงกับรำพันมาว่า  

เมื่อคราวดีมีผู้มาสู่หา                         หมายพึ่งพาผูกรักเป็นพักผล
พอถอยยศลดลับฤๅอับจน                   ไม่เห็นคนใครทักรู้จักเลย

ท่านคงจะได้เห็นนิสัยญาติพี่น้องก็คราวนี้แหละกระมัง เศร้า
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 16:08

คุณพุ่มรำพึงต่อถึงเรื่อง รักเร้นรักร้างจึงจางจร

ถึงท่าพระปะบ้านสถานถิ่น                ยิ่งถวิลหวั่นใจมิได้เห็น
สวาสดิ์แสวงแฝงชีวิตมามิดเม้น          เป็นรักเร้นรักร้างจึังจางจร
จะคงสัตย์ฤๅจะปัดขี้ปดปิด               ฤๅจะคิดลายลักษณอักษร
เห็นบ้านเรือนเตือนใจอาลัยกลอน        ปานนี้นอนอยู่ที่หอแล้วหนอจ๊ะ
.................................        ................................
ที่ทรวงซื่อถือธรรมน้ำพิพัฒน์             โสมนัสสนิทนาถราชการ
หมายเป็นหนึ่งพึ่งเขตพระเดชเสด็จ       เป็นสิ้นเสร็จครองสัตย์อัธิษฐาน
ขอเป็นข้ากว่าจะถึงซึ่งนิพพาน            ไม่โปรดปรานเปรียบเป็นเพียงเอ็นดู
ูนี่เป็นข้ามาพึ่งเพียงครึ่งชาติ              แรมนิราศร้างรสโอ้อดสู
เหมือนสระสุทธิ์บุษบงทรงเรณู           ไร้ที่ผู้รักษาพยาบาล


ไม่โปรดปรานเปรียบเป็นเพียงเอ็นดู

โอ้ละหนอ

เขาสิ้นอาลัยเจ้าแล้วฤๅเอย

 เศร้า
บันทึกการเข้า
Bhanumet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 199


Sleeping Red Lion


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 31 ม.ค. 10, 12:58

ขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมากครับ
หลายเรื่องแม้เคยอ่านแล้ว แต่มาอ่านอีกทีก็ยังเพลิดเพลิน และได้รื้อฟื้นความจำไปในตัว
 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 08:40

สวัสดีค่ะ คุณ Bhanumet




อ่านมาจาก เจ้าฟ้าจุฑามณี  ของ โสมทัต  เทเวศร์   ที่รักเคารพของนักอ่านหนังสือเก่าทั้งปวง

มีสักวาของคุณพุ่ม ที่เล่นถวายในรัชกาลที่ ๕
เล่นกับอาลักษณ์ หมื่นพจนารถ(ดิศ)



อาลักษณ์

   สักรวาปันหยีครูเจ้าชู้ใหญ่                             แลเห็นไก่แพ้วิ่งนึกกริ่งจิต
อุณากรรณคนนี้เคยมีฤทธิ์                                เมื่อครั้งติดสักรวาที่ท่าช้าง
แต่ยังสาวคราวเป็นบุษบา                                ยังเข้าคร่าดาบอิเหนาเอามาบ้าง
อิเหนาเก่านักเลงแท้ยังแพ้นาง                           นี่อย่าวางเม็ดเหมือนคราวเป็นสาวเอยฯ

คุณพุ่ม

   สักรวาอุณากรรณเทวัญแปลง                         แอบนั่งหลังมุลี่ทำทีเก้อ
ไก้ปันหยีตีแพ้ชะแง้ชะเง้อ                                 คนร้องเออเสียงอึงตะลึงแล
ไก่เป็นรองร้องว่าเรื่องท่าพระ                             พูดเกะกะว่ากล่าวความเก่าแก่
ว่าไปแย่งดาบฝรั่งที่หลังแพ                               พูดให้แน่นะปันหยีข้อนี้ เอยฯ

บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 08:52

อ้างถึง
ขอออกนอกเรื่องว่า โรคทุลาวะสะ นี่ใครพอรู้ไหมว่าโรคอะไร   ฟังชื่อน่าจะมาจากภาษาบาลี นะคะ

ส่งการบ้านครับ  ยิงฟันยิ้ม  ( กว่าจะเจอคำตอบการบ้านของคุณเทาชมพูได้  รื้อหนังสือมาอ่านเกือบหมดกรุ เป็นการบ้านที่ยากจริงๆ )

".....สิทธิการิยะ    พระอาจารย์เจ้าผู้กรุณาแก่สัตวโลกย์ทั้งหลาย  ท่านจึ่งแต่งคำภีร์อันชื่อว่าทุลาวะสา  คือว่าจะแจกออกเปน  ๓๒ จำพวก  คือทุลาวะสา  (๔)  มุตรฆาฏ ๔ มุตรกฤต ๔ สันทะฆาฏ ๔ องคสูตร ๔ ช้ำรั่ว ๔ อุปะทม ๔ ไส้ด้วน ๔ เป็น ๘ ประการด้วยกันดังนี้  ฯ ๑   ทีนี้จะว่าด้วยทุลาวะสา ๔ ประการ คือว่าด้วยน้ำปัศสาวะ ๔ ประการ  คือน้ำมูตรเมื่อออกมานั้นขาวข้นดังน้ำเข้าเชด  ถ้าเหลืองดังน้ำขมิ้นสด  ถ้าเปนโลหิตสดๆ ก็ดีแดงดังน้ำฝางต้มก็ดี  ดำดังน้ำครามก็ดี  ย่อมให้ปวดหัวเหน่าให้แสบองคชาติ  ให้สบัดร้อนสบัดหนาวเปนเวลา  มีประการต่างๆ  แพทย์จะแก้ให้เอา  การะบูร ๑ เทียนดำ ๑ ผลเอน ๑ ลำพัน ๑ แห้วหมู ๑ ขิงแห้ง ๑ สิ่งละเสมอภาค  ทำผงละลายน้ำผึ้งรวง  กินแก้โรคซึ่งปัศสาวฃาวดังน้ำเข้าเชดนั้นหายแล ฯ   แก้ปัศสาวะเหลืองดังน้ำขมิ้น  เอาสมอไทย ๑มหาหิง  เจตมูลแดง๑ สารซ่ม ๑ สุพรรณถันแดง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ สลึง เทียนดำ ๑ บาท ดอกคำไทย ๒ บาท ตำเปนผงละลายน้ำมะนาวกินแก้ปัศสาวะเหลืองแล  ฯ   แก้ปัศสาวะแดงดังน้ำฝางต้ม  เอาศีศะแห้วหมู ๑ รากมะตูม ๑ เทียนดำ ๑ รากเสนียด ๑ ใบสะเดา ๑ รากอังกาบ ๑ ผลเอน ๑ โกฎสอ ๑ เกลือสินเทาว ๑ ตำเปนผงละลายน้ำอ้อยแดง  กินแก้ปัศาสวะแดง  ดีนักแล ฯ  แก้ปัศสาวะดำดังน้ำคราม  เอารากหญ้านาง ๑ เถาวัลเปรียง ๑ รากกะทุงสุนักข์บ้า ๑ ฝาง ๑ แห้วหมู ๑ ศิศะหญ้าชันะกาด ๑ แก่นมูลเหลก ๑ รากตะไคร้หางนาก ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ รากหนามรอบตัว ๑ รากหวายขม ๑ เอาสิ่งละเสมอภาค  ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้ปัศสาวะดำดังน้ำคราม  หายแล ฯ  ยาทั้งนี้กินแก้โรค ๔ จำพวก  ที่กล่าวมาแต่หลังหายสิ้นแล ฯฯ..."

คัดและถ่ายอักษรจาก คัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา ในหนังสือตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒  (ปกแข็งสีน้ำเงิน) จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒  หน้า ๒๙๔ - ๒๙๕

คำว่า ทุลาวะสา  ดูรูปคำเป็นคำบาลีก็จริง  แต่เมื่อลองตรวจดูในพจนานุกรมภาษาบาลีดูแล้วไม่ปรากฏคำคำนี้  จึงเข้าใจว่าเป็นคำที่โบราณจารย์ทางแพทย์ท่านคิดตั้งขึ้นสำหรับชื่อโรคจำพวกหนึ่ง  รูปคำเดิมเป็นอย่างไรไม่ทราบแน่  เพราะคงคัดลอกเลื่อนและเลือนกันมาหลายชั้น  ในพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ของสำนักพิมพ์ต้นฉบับเขียนว่า ธุลาวะสา  ค้นดูก็ไม่พบความหมายตามรูปศัพท์  เป็นอันว่าไม่ทราบความหมายของชื่อโรคตามรูปศัพท์ในภาษาบาลี  

พิจารณาจากข้อมูลที่ยกมาจากตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง  เข้าใจว่า  โรคทุลาวะสา  เป็นโรคที่น่าจะเป็นกันเฉพาะผู้ชาย   ส่วนจะเป็นจำพวกโรคบุรุษด้วยหรือไม่นั้น  ไม่กล้าคาดเดา  แต่อาจจะเป็นจำพวกโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือโรคนิ่วก็ได้   คนไทยสมัยก่อนคงเป็นโรคนี้กันมาก  ไม่เว้นแต้เจ้าฟ้าเจ้านาย   วังหน้ารัชกาลที่ ๑ ก็เสด็จทิวงคตด้วยพระโรคจำพวกนี้เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าตอบถูกใจคุณเทาชมพูหรือเปล่า ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 08:59

อื้อฮือ     เวชศาสตร์ฉบับหลวง   เล่มสีน้ำเงิน     นับถือ ๆ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:10

อาลักษณ์
   สักรวาใช่จะแสร้งกล่าวแกล้งว่า                            ที่เจรจานั้นเป็นแน่อย่าแก้เกี้ยว
บุษบาเขาไม่ปดพูดลดเลี้ยว                                    จริงจริงเจียวความขำข้อสำคัญ
ถึงไก่แพ้ก็อย่าเยาะเคาะแคะพี่                                 ของดีดีมีประจำไว้ทำขวัญ
จะหาตัวอีหนูจ้างมารางวัล                                     เหมือนคราวนั้นนึกลองเถิดน้องเอย


คุณพุ่ม
   สักรวาอุณากรรณไม่หวั่นหวาด                             บรมนาถวังหน้าว่าอิเหนา
ก็ทรงพระสวรรคตหมดสำเนา                                  ช่างเก็บเอาอะไรมาว่าใส่ความ
เพราะไก่แพ้แก้เกี้ยวมาเที่ยวขู่                                  เอาอีหนูมาบอกออกสนาม
เป็นไฉนนั่นจะไม่ให้ก็ตาม                                      แต่อย่าาลามลวนคำให้ช้ำ เอยฯ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:20

อาลักษณ์
   สักรวาตัวพี่ก็อิเหนา                                     คือองค์เก่าแลมาเกิดกำเนิดใหม่
ไม่ชวนเฉยเลยลืมที่ปลื้มใจ                                พี่คิดไว้หวังจะเลี้ยงเคียงประคอง
อย่าหวนหุนมุ่นมุทำดุดื้อ                                   คิดแข็งมืออึดอัดตุปัดตุป่อง
จงปรานีมีอาลัยในทำนอง                                  อันเงินทองของพี่มีถม เอยฯ



คุณพุ่ม
   สักรวาสมคิดบพิตรพี่                                    คือองค์อิเหนานาถมุ่งมาดหมาย
กลับมาเกิดเลิศหล้าปรีชาชาย                             รักประจำทำให้อายแทบวายชนม์
คิดก็สะพระทัยทำได้ฤา                                     จนเสียชื่อพระบุตรีออกปี้ป่น
อิเหนาเก่าเล่าฉันขู่ก็สู้ทน                                   ไม่เป็นคนบ้ายุดุดันเอย ฯ



น่าคิดจัง     รักประจำทำให้อาย
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:21

อ้างถึง
มีสักวาของคุณพุ่ม ที่เล่นถวายในรัชกาลที่ ๕
เล่นกับอาลักษณ์ หมื่นพจนารถ(ดิศ)



อาลักษณ์

   สักรวาปันหยีครูเจ้าชู้ใหญ่                             แลเห็นไก่แพ้วิ่งนึกกริ่งจิต
อุณากรรณคนนี้เคยมีฤทธิ์                                เมื่อครั้งติดสักรวาที่ท่าช้าง
แต่ยังสาวคราวเป็นบุษบา                                ยังเข้าคร่าดาบอิเหนาเอามาบ้าง
อิเหนาเก่านักเลงแท้ยังแพ้นาง                           นี่อย่าวางเม็ดเหมือนคราวเป็นสาวเอยฯ

คุณพุ่ม

   สักรวาอุณากรรณเทวัญแปลง                         แอบนั่งหลังมุลี่ทำทีเก้อ
ไก้ปันหยีตีแพ้ชะแง้ชะเง้อ                                 คนร้องเออเสียงอึงตะลึงแล
ไก่เป็นรองร้องว่าเรื่องท่าพระ                             พูดเกะกะว่ากล่าวความเก่าแก่
ว่าไปแย่งดาบฝรั่งที่หลังแพ                               พูดให้แน่นะปันหยีข้อนี้ เอยฯ


คุณวันดีครับ   ถ้าคุณพุ่มเล่มสักวาบทดังกล่าวกับอาลักษณ์ หมื่นพจนารถ(ดิศ)  แล้วที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงอธิบายว่า  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งยุให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงพระนิพนธ์สักวารื้อเรื่องคุณพุ่มแย่งพระแสงดาบจากพระหัตถ์สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ    จะไม่คลาดเคลื่อนกันหรือครับ    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงเป็นเจ้าของวงสักวาวงอาลักษณ์  และว่ากันว่าทรงสักวาเก่งมาก  ขนาดสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ยังทรงเล่าว่า "พวกรุ่นข้าพเจ้าสองสามคนเคยเข้าไปช่วยกันบอกสักวาโต้กรมหลวงบดินทรฯ ครั้ง ๑ คิดไม่ได้เร็วเหมือนท่าน  แพ้ท่านมา  จึงรู้ว่าผู้ที่เล่นสักวากันแต่ก่อนชำนาญกลอนมาก."

สักวาที่คุณวันดียกมาข้างต้น  เล่นในงานฉลองวัดบรมวงษ์อิศรวราราม ที่กรุงเก่า ในคืนที่ ๒ ของงานฉลอง  (เล่นทั้งหมด ๓ คืนด้วยกัน) วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน อ้าย ปีฉลูนพศก จ.ศ. ๑๒๓๙ เทียบวันตามปฏิทินสุริยคติได้ตรงกับวันที่  ๒๐  ธันวาคม  ๒๔๒๐
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:35

แล้วที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงอธิบายว่า  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งยุให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงพระนิพนธ์สักวารื้อเรื่องคุณพุ่มแย่งพระแสงดาบจากพระหัตถ์สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ    จะไม่คลาดเคลื่อนกันหรือครับ  

สักวาที่คุณวันดียกมาข้างต้น  เล่นในงานฉลองวัดบรมวงษ์อิศรวราราม ที่กรุงเก่า ในคืนที่ ๒ ของงานฉลอง  (เล่นทั้งหมด ๓ คืนด้วยกัน) วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน อ้าย ปีฉลูนพศก จ.ศ. ๑๒๓๙ เทียบวันตามปฏิทินสุริยคติได้ตรงกับวันที่  ๒๐  ธันวาคม  ๒๔๒๐

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายว่า


ครั้งเล่นสักรวาในสระบางปอินเมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกระซิบสั่งกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณให้ทรงสักรวาว่าเย้าคุณพุ่ม หมายจะทรงฟังสำนวนกลอนเวลาโกรธจะว่าอย่างไร กรมหลวงบดินทรฯแกล้งอ้างความขึ้นไปถึงครั้งคุณพุ่มชิงพระแสงดาบพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เย้าอยู่หลายบทสักรวา แต่จะเป็นเพราะคุณพุ่มแก่ชราเสียแล้ว หรือเพราะเกรงพระบารมีด้วยเป็นหน้าพระที่นั่ง อย่างใดอย่างหนึ่งนี้ หาได้โต้ตอบเต็มสำนวนดังแต่ก่อนไม่ บทสักรวาเหล่านั้นปรากฏอยู่ในหนังสือประชุมบทสักราเล่นถวายในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งหอพระสมุดฯพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑

สักวาของกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณเล่นก่อนของที่คุณวันดียกมา ๑ ปี

 ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:45

อ้างถึง
พิจารณาจากข้อมูลที่ยกมาจากตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง  เข้าใจว่า  โรคทุลาวะสา  เป็นโรคที่น่าจะเป็นกันเฉพาะผู้ชาย   ส่วนจะเป็นจำพวกโรคบุรุษด้วยหรือไม่นั้น  ไม่กล้าคาดเดา  แต่อาจจะเป็นจำพวกโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือโรคนิ่วก็ได้   คนไทยสมัยก่อนคงเป็นโรคนี้กันมาก  ไม่เว้นแต้เจ้าฟ้าเจ้านาย   วังหน้ารัชกาลที่ ๑ ก็เสด็จทิวงคตด้วยพระโรคจำพวกนี้เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าตอบถูกใจคุณเทาชมพูหรือเปล่า


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:48

ขอบคุณคุณหลวงและคุณเพ็ญค่ะ

ใครมีสักรวาเรื่อง ไกรทอง  บ้างไหมคะ    เคยไปเล่าที่พันทิป  มีคนเอิ๊กอ๊ากบ้างเหมือนกัน


อ่านหนังสือเก่าถ้ามีเวลาต้องทานกับเล่มอื่นๆ  บางทีอ่านไวไปก็ข้ามข้อมูลเหมือนกันค่ะ
ไปอธิบายผิดบุคคลก็มี
ยิ่งหนังสือรุ่นแรก ๆ ที่ บรัดเลพิมพ์     ก.ศ.ร. กุหลาบมาพิมพ์ใหม่ประมาณ ๒๐๐ เล่ม
แล้วเขียนไว้ในคำนำอีกว่า  จะให้บรัดเลพิมพ์ที่เหลือ
ทีนี้หนังสือเล่มแรกไม่สมบูรณ์      ก.ศ.ร.ตัดออก  และไม่มีเป็นตัวอย่าง
บรัดเลพิมพ์อีกที

แล้วใครลอกใครล่ะคะ     ต้องเทียบวรรคตอนกันเลย

บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 09:57

ครั้งเล่นสักรวาในสระบางปอินเมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกระซิบสั่งกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณให้ทรงสักรวาว่าเย้าคุณพุ่ม หมายจะทรงฟังสำนวนกลอนเวลาโกรธจะว่าอย่างไร กรมหลวงบดินทรฯแกล้งอ้างความขึ้นไปถึงครั้งคุณพุ่มชิงพระแสงดาบพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เย้าอยู่หลายบทสักรวา แต่จะเป็นเพราะคุณพุ่มแก่ชราเสียแล้ว หรือเพราะเกรงพระบารมีด้วยเป็นหน้าพระที่นั่ง อย่างใดอย่างหนึ่งนี้ หาได้โต้ตอบเต็มสำนวนดังแต่ก่อนไม่ บทสักรวาเหล่านั้นปรากฏอยู่ในหนังสือประชุมบทสักราเล่นถวายในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งหอพระสมุดฯพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑

สักวาของกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณเล่นก่อนของที่คุณวันดียกมา ๑ ปี ยิ้มเท่ห์

 แต่ที่ว่า  บทสักรวาเหล่านั้นปรากฏอยู่ในหนังสือประชุมบทสักราเล่นถวายในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งหอพระสมุดฯพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑    ในหนังสือที่กล่าวอ้างนั้น ในปี ๒๔๑๙ มีการเล่นสักวาถวายในสระพระราชวังบางปอิน สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงอธิบายว่า

"คราวที่ ๔ เล่นในสระพระราชวังบางปอิน  ในงานเฉลิมพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เมื่อเดือน ๑๒ ปีชวด พ.ศ. ๒๔๑๙ บทคราวนี้เสียดายอยู่ที่หาได้ไม่ครบบริบูรณ์ทีเดียว"

ปรากฏแต่บทสักวาที่เล่นถวายแต่ในคืนที่ ๒  คำถามคือ    รัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งยุให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงพระนิพนธ์สักวายั่วคุณพุ่มปีไหน ครั้งไหนแน่  เพราะหลักฐานที่ปรากฏกับพระอธิบายของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ นั้นขัดแย้งกันอยู่ ว่า   ในพระอธิบายว่า เป็นสักวาครั้งปี ๒๔๑๙ ที่พระราชวังบางปอิน แต่บทสักวาที่เหลือมาไม่มีบทสักวาที่ว่าเลย เป็นแต่บทวสักวาเล่นเรื่องสังข์ทองเท่านั้น    ส่วนบทสักวาที่ทรงอ้างว่า  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงพระนิพนธ์ยั่วคุณพุ่มตามรับสั่งนั้น  กลับไปปรากฏในบทสักวาที่เล่นกันในงานฉลองวัดบรมวงษ์อิศรวราราม ที่กรุงเก่า ในคืนที่ ๒ เมื่อ ปี ๒๔๒๐   เอ ตกลง  อันไหน ถูกกันแน่  หรือว่า  จะทรงพระนิพนธ์สักวายั่วคุณพุ่ม ๒ ครั้ง  (รัชกาลที่ ๕ รับสั่งยุพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ถึง ๒ ครั้งเชียวหรือ?)  ที่สำคัญ คือ ถ้าอาลักษณ์ หมื่นพจนารถ(ดิศ) เป็นแต่งสักวาบทที่ว่า   ก็สงสัยว่า  ข้าราชการชั้นประทวนในกรมพระอาลักษณ์คนนี้   หรือกรมหลวงบดินทรฯ รับสั่งยุให้แต่ง  ? ลังเล
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 10:01

อิเหนา หรือ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์  มีสักรวาว่าไว้

   สักรวาเวลาก็ดึกดื่น                                      น้ำค้างชื้นเมฆหมอกออกหนาวหนาว
จำจะลาร้องรักไว้สักคราว                                  หนทางบ้านย่านยาวระยะไกล
องค์อิเหนาสักรวาจะลาแล้ว                                ไปทางแถวชลธาชลาไหล
ด้วยกลัวน้ำจะแห้งคลองจึงต้องไป                         ถ้าอยู่ได้ก็จะอยู่จนกรู่  เอย  ฯ


   สักรวาเวลาก็ดึกดื่น                                      น้ำค้างชื้นเมฆหมอกออกหนาวหนาว
เสียงไก่แจ้แซ่ขันกระชั้นช้าว                                จนฟ้าขาวเดือนดับลับพโยม
จะขอลาครรไลไปสถาน                                     ไม่เนิ่นนานก็จะกลับมาชมโฉม
เสียดายนักความรักจะทรุดโทรม                           จะทุกข์โทมนัสหาสุดา เอย ฯ


     มดขึ้นเลย
        
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 01 ก.พ. 10, 10:05

  พิจารณาจากข้อมูลที่ยกมาจากตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง  เข้าใจว่า  โรคทุลาวะสา  เป็นโรคที่น่าจะเป็นกันเฉพาะผู้ชาย   ส่วนจะเป็นจำพวกโรคบุรุษด้วยหรือไม่นั้น  ไม่กล้าคาดเดา  แต่อาจจะเป็นจำพวกโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือโรคนิ่วก็ได้   คนไทยสมัยก่อนคงเป็นโรคนี้กันมาก  ไม่เว้นแต้เจ้าฟ้าเจ้านาย   วังหน้ารัชกาลที่ ๑ ก็เสด็จทิวงคตด้วยพระโรคจำพวกนี้เหมือนกัน

อ่านจากตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงที่คุณหลวงยกมา ยังไม่พบตอนไหนที่ว่าเป็นโรคที่เป็นเฉพาะในผู้ชาย

คุณประเสริฐ พรหมณีเป็นหมอแผนโบราณเขียนถึงโรคนี้ไว้ในนิตยสารหมอชาวบ้าน เรียกชื่อโรคนี้ว่า โรคทุราวสา เป็นโรคน้ำปัสสาวะเป็นพิษ แต่ไม่ใช่โรคนิ่ว โบราณบอกว่าเกิดจากการกลั่นกรองของไตทำหน้าที่ไม่ดี

http://www.doctor.or.th/node/6694
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.132 วินาที กับ 19 คำสั่ง