เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 25067 สัมมนาวัดเกาะแก้วสุทธารามกันบ้างครับ
Chaichana-13
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 01:10

สวัสดีครับ
ผมเลือกประเด็นที่ 1.วัดเปลี่ยนทิศหรือไม่เปลี่ยน
เรื่องนี้เคยมีผู้สันนิษฐานว่า พระอุโบสถมีการเปลี่ยนทิศในภายหลังคือกระทำโดยการย้ายตำเเหน่งพระประธาน
ปัจุบัน ตั้งอยู่เขตตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ทิศเหนือติดที่ดินเอกชน ทิศใต้จรดคลองวัดเกาะ ทิศตะวันออกจรดถนน ทิศตะวันตกจรดเเม่นำ้เพชรบุรี
จากทำเลที่ตั้ง จึงมีบางเสนอความคิดว่าเดิมที่เมื่อเเรกสร้างพระอุโบสถ ควรหันหน้าไปทางทิศตะวันตกออกทางด้านแม่นำ้ตามคติโบราณนิยมหันหน้าสู่เส้นทางสัญจรหลักคือทางนำ้
เเต่ในภายหลังการสัญจรทางนำ้ลดลง เปลี่ยนมานิยมใช้ทางบก คือด้านหลังวัดที่มีถนนตัดผ่านแทน จึงเคลื่อนย้ายพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออกแทน ด้านทิศตะวันตกที่ติดกับแม่นำ้ก็กลายเป็นด้านหลังของวัด ตามที่เห็นในปัจุบัน

โดยมีข้อสนับสนุนว่า
1) ฐานชุกชีก่อขึ้นใหม่เเละลวดลายตกเเต่งใหม่
2) มุขโถงอาคารด้านทิสตะวันตกมีขนาดใหญ่กว่าด้านทิสตะวันออก รวมทั้งดาวเพดานไม้(งานบูรณะ)ด้านทิศตะวันตกมีความวิจิตรซับซ้อนกว่าด้านทิศตะวันออก (1)
อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ เรื่องภาพรอยพระพุทธบาทที่อยู่ในตำเเหน่งเหนือบานประตูทั้งสองด้าน ผนังทิศตะวันตก จะเกี่ยวข้องหรือไม่กับคตินิยมเขียนภาพพระพุทธบาทบนเพดาน เมื่อผู้ที่เข้ามายังพระอุโบสถก็จำจะต้องลอดผ่านประตูเข้ามา ซึ่งมีภาพรอยพระพุทธบาทอยู่เบื้องบน เข้ากับประเพณีโบราณการเทิดทูนการเทิดทุนฝ่าเท้าของของปูชนียบุคคล ยังเเสดงออกถึงการอยู่เหนือโลก (2)
ตามที่คุณ Kurukura กล่าว
แต่ที่แน่นอนคือ วัดเกาะมีภาพ "พระพุทธบาททั้งสอง" คือพระบาทที่แม่น้ำนรรมทา และพระบาทที่เขาสัจจพันธคีรี แล้ว สำหรับพระบาทองค์หลัง คือพระบาทที่เขาสุวรรณบรรพต ซึ่งพบสมัยพระเจ้าทรงธรรม และสถาปนาให้เป็นพระพุทธบาทที่เขาสัจจพันธคีรี เช่นเดียวกับในพม่า พระเจ้าตลุงมิน ก็สถาปนาพระบาทที่ชเวเสตตอ ให้เป็นพระบาทที่แม่น้ำนรรมทาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือราวพุทธศตวรรษที่ 22
ทั้งสองเเห่งเป็นพระบาทน้องใหม่ที่มาเเรงได้รับความนิยมมากช่วงเวลานั้น

(1) เสมอชัย พูลสุวรรณ.สัญลักษณ์ในงานจิตรกรรมไทย ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19 ถึง 24 .กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2539
(2) นันทนา ชุติวงศ์.รอยพระพุทธบาท ในศิลปะเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์.กรุงเทพ : ด่านสุทธา การพิมพ์, 2533
บันทึกการเข้า
Chaichana-13
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 01:34

ใช่ครับ..การลำดับเหตุการณ์ในหนังสือของเมืองโบราณ สมัยก่อนทำเอาผมสับสนมากๆ
สำหรับ คห 11-13 ข้อสังเกตุชัดเจนมีนำ้หนักมากๆครับ
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาภาพจิตรกรรมจากหนังสือของเมืองโบราณมาลงประกอบไว้ด้วยจะได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 06:35

สวัสดีครับ คุณ Chaichana-13

ตัวกำหนดอายุอีกอย่างหนึ่งที่ผมเชื่อว่า วัดเกาะแก้วสุทธาราม ไม่น่าจะเก่าไปถึงสมัยพระเจ้าปราสาททองก็คือ การแอ่นโค้งของฐานอาคาร

หรือที่เราเรียกกันว่า "ตกท้องช้าง" อาคารฐานตกท้องสำเภาหรือตกท้องช้างเช่นนี้ ในสมัยพระนารายณ์มหาราชยังไม่มีความชัดเจนครับ โดยเฉพาะหมู่อาคารในนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือวัดต่างๆที่สร้างสมัยพระนารายณ์ ซึ่งรวมถึงอาคารรุ่นปราสาททองด้วย

มาเริ่มตกเอาสมัยพระเพทราชา เรียกว่าแอ่นอย่างน้อยๆ เช่นที่วัดบรมพุทธาราม

และตกอย่างเห็นได้ชัดในสมัยพระเจ้าเสือ

ซึ่งรวมถึงอาคารต่างๆในกลุ่มอยุธยาตอนปลาย เช่นวัดปราสาท วัดช่องนนทรี ด้วยครับ

บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 06:39

เจ๊กคนนี้ไว้หางเปียหรือยัง ก็ต้องมานั่งดูครับ


บันทึกการเข้า
Chaichana-13
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 10:29

สวัสดีตอนเช้าครับ
มองไม่เห็นเปียครับ เส้นดำหนาตรงหัวไหล่ผ่านถึงกลางหลังน่าจะเกิดจากความบังเอิญทางเทคนิค จิตรกรรมที่วัดเกาะบางพื้นที่สีค่อนข้างฟู่ บางที่ชัดคม
เทียบกับตรงตำเเหน่งหัวช้าง คล้ายๆกัน
ว่าเเต่คำถามนี้ต้องมีอะไรแน่ๆเลย
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 23 ม.ค. 10, 22:07

ไม่มีอะไรหรอกครับคุณ Chaichana-13

แค่อยากลองหาอะไรมากำหนดอายุ เจ๊กไว้เปียเป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ชิง กล่าวคือ ราชวงศ์ชิงสถาปนา พ.ศ.2187 ซึ่งร่วมสมัยกับพระเจ้าปราสาททอง ครั้งนั้นคงมีชาวฮั่นที่ไม่ยอมอยู่ใ้ต้อำนาจแมนจูหนีออกนอกประเทศมาก ซึ่งจะกลายเป็นกลุ่มจีนเก่าที่ไม่ได้ไว้เปีย

ขณะที่กลุ่มจีนไว้เปีย คงจะต้องมีแน่นอน แต่จะแพร่เข้ามาในแผ่นดินไทยเมื่อใดก็ไม่ทราบ เราไม่รู้ว่ากฏหมายบังคับให้ชาวจีนไว้เปีย เริ่มใช้จริงจังและให้ผลทั่วประเทศเมื่อใด แต่คิดว่าคงไม่นานหลังก่อตั้งราชวงศ์ชิง

สำหรับเจ๊กวัดเกาะ ต้องดูกันอีกทีครับ
บันทึกการเข้า
Chaichana-13
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 24 ม.ค. 10, 08:06

ผมคิดว่าถึงจะไว้เปีย ก็ไม่เห็นครับเพราะท่าของตัวภาพบังคับมุมมองไว้ ให้เห็นเเต่เฉพาะภาพด้านเพียงข้างเท่านั้น ต้องดูต่อไป
เเต่ชอบมากครับ น่าสนใจมาก มุมมองหลากหลายมิติดี เพราะส่วนตัวผมจะติดอยู่เเค่รูปเเบบศิลปะ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 24 ม.ค. 10, 21:56

สวัสดีครับคุณ ข้อความโดย: Chaichana-13 ผมกำัลังหาเจ๊กไว้เปียในวัดเกาะ แต่ยังไม่เจอเลยครับ
บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 28 ม.ค. 10, 23:58

สวัสดีครับ จากที่คุณKurukula บอกไว้ว่าวัดเกาะนี้อาจมีอายุไม่ถึงพระเจ้าปราสาททอง โดยสังเกตจากการทำฐาน
เส้นหย่อนท้องช้าง เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่ผมเคยคิดว่า การใช้เส้นหย่อนท้องช้างนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยไหน??

อีกประการผมอยากได้บรรทัดฐานของงานศิลปะสมัยอยุธยา ที่แน่นอนมาสักแห่ง ที่คิดว่าชัวร์ๆว่างานนั้นเกิดในสมัยใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองจริงๆ หากเราได้มาเทียบกันการสันนิษฐานของวัดเกาะก็จะได้
น้ำหนักเพิ่มขึ้น

หนีหายไปสำรวจวัดมาครับ ได้ข้อมูลดีๆมาประดับความรู้อีกเช่นเคย ไว้โอกาสเหมาะๆจะเอามาแบ่งปันครับ



บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 28 ม.ค. 10, 23:59

ทฤษฎีผมไม่แน่นครับ ยังไงเอาภาพวัดเกาะมาเอาบรรยากาศก่อนแล้วกันครับ ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 00:01

...


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 12:26

หากจะว่าไปเรื่องศิลปะจีนที่เข้ามามีอิทธิพลต่อศิลปะอยุธยานั้น ก็มีมากมายไม่ใช่น้อยเลยนะครับ
หากจะย้อนไปถึงช่วงปลายสุโขทัย-อยุธยาตอนต้น ก็ยังมีร่องรอยให้พบมากมายหลายจุดเลยทีเดียว
ถ้าประเด็นนี้คงต้องเชิญคุณhan_bing มาร่วงสนทนาให้ความรู้สักหน่อยนะครับ

หลังจากไปดูภาพวัดปราสาทจากกระทู้ของพี่ยุทธ กับภาพจากสมุดข่อยที่คุณKurukula นำมาลงไว้
ผมเองก็จำได้ว่าการเขียนเครื่องบนของวัดเกาะก็ยังดู คล้ายๆกัน... แต่ไฟล์ภาพของผมเล็กมาก
อาจทำให้ดูได้ไม่ถนัดนักนะครับ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 12:32

ภาพจากวัดปราสาทครับ


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 12:39

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนทิศโบสถ์ ที่คุณChaichana-13กล่าวถึงไว้ก็น่าสนใจมากครับ
หากยิ่งไปมองภาพบนผนังที่เขียนเรื่องโลกสัณฐาน หรือเส็ดจดาวดึงส์ที่เขียนไม่ตระการตา
ก็อาจเป็นภาพที่เหมาะสำหรับอยู่หลังพระประธานก็ได้


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 29 ม.ค. 10, 20:14

สวัสดีครับ คุณ Virain ช่วงนี้ผมเองก็ไปตามดูงานศืลปกรรมหลายๆที่เหมือนกัน ก็เลยไม่ค่อยได้ตอบ ตอนนี้ก็ยังอยู่สุโขทัยครับ

เรื่องที่คุณ Virain ถามเกี่ยวกับการตกท้องช้าง เท่าที่ผมสังเกตมา น่าจะเริ่มสมัยพระเพทราชาลงมา แม้ว่าจะมีการทำฐานอ่อนโค้งแล้วในสมัยพระเจ้าปราสาททอง แต่ก็ใช้กับเพียงฐานพระพุทธรูป ในนารายณ์ราชนิเวศน์เอง ก็ไม่มีอาคารที่ฐานอ่อนโค้งครับ

วันก่อนผมได้ไปวัดบรมพุทธารามมา ได้ดูฐานจริงๆจัง ถึงได้ทราบว่ามันเริ่มอ่อนแล้วเล็กน้อย และน่าจะอ่อนลงกว่านี้ในสมัยถัดๆลงมา

สงสัยคุณ Virain ไปสำรวจมาคงได้ข้อมูลมามาก ลองเอามาแบ่งปันกันดูบ้างนะครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 20 คำสั่ง