พัดโบก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 26 ม.ค. 01, 23:29
|
|
ขอบคุณมากครับ คุณเทาชมพู คุณนกข. สวัสดีคุณพวงร้อย คุณB ด้วยครับ รู้อะไรขึ้นมากอีกเยอะเลย เรื่อง คุณเปรมถามแม่พลอยเรื่องพระบาทนี่ผมอ่านแล้วก็งงๆเหมือนกัน นึกว่าหมายความว่า ไปสวรรค์อะไรทำนองนี้เสียอีก ยังคิดว่า เอ๊ะ..คุณเปรมนี่ เอ่ยปากคำแรกก็จะชวนขึ้นสวรรค์เสียแล้ว..
มีเรื่องนึงที่อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมครับ คือเรื่องที่รัชกาลที่ 6 ทรงถอนหมั้นกับพระวรกัญญา มีที่มาอย่างไรหรือครับ กลับไปค้นกระทู้เก่าๆที่มองอดีต ได้มาแต่กลอนข้างล่างนี้ แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องทรงถอนหมั้นนัก
อย่าทนงอวดองค์ว่างามเลิศ สวยประเสริฐยากที่จะเปรียบได้ อย่าทนงอวดองค์ว่าวิไล อันสุรางค์นางในยังมากมี อย่าทนงอวดองค์ว่าทรงศักดิ์ จะใฝ่รักแต่องค์พระทรงศรี นั่งรถยนต์โอ่อ่าวางท่าที เป็นผู้ดีแต่ใจไพล่เป็นกา อย่าดูถูกลูกผู้ชายที่เจียมตน อย่าดูถูกฝูงชนที่ต่ำกว่า อย่าทะนงอวดองค์ว่าโสภา อันชายใดฤาจะกล้ามาง้องอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พัดโบก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 26 ม.ค. 01, 23:30
|
|
อ้าว..คุณแจ้ง ขออภัยครับ เมื่อกี้ไม่ได้ทัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชานเรือน
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 00:12
|
|
คุณพัดโบกคงจะอินกับกระทู้ ปิดไฟใส่กลอนข้างล่าง ติดมาถึงสี่แผ่นดิน ที่นี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 00:50
|
|
มีคำถามครับ สี่แผ่นดินเนี่ยเรารู้แน่แล้วว่า ตัวละครเด่นฝ่ายหญิงคือแม่พลอย แล้วตัวละครฝ่ายชายล่ะครับ คิดว่าใครเป็นพระเอก สำหรับผม ผมชอบพี่ชายของแม่พลอย แกเป็นสีสัน อีกสีสัน คือแทนชีวิตของชาวบ้านในสมัยนั้น เพราะแม่พลอยนั้น อยู่อย่างคนรวย แล้วก็เป็นผู้หญิงไม่ได้ไปเห็นอะไร ๆ ชัดเจน แต่พี่ชายของแม่พลอยนั้น อยู่แบบชาวบ้านมากกว่า เวลามาเล่าอะไรจึงเป็นเรื่องสนุก ๆ มากกว่า อีกคนก็คือตาอ๊อด คนนี้พ่อส่งไปเรียนเมืองนอก แต่พอกลับมากลับไม่มีความคิดจะทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจนต้องทะเลาะกับพี่น้องแล้วก็ออกไปเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร ไม่รู้ว่า คนอื่นจะวิจารณ์ตาอ๊อดเป็นคนไม่เอาถ่านหรือเปล่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
B
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 08:38
|
|
Thank yoy so much ka Khun Taochompoo, Khun Nil, and Khun Jang. I read สี่แผ่นดิน since I studied in highschool so I cannot remember the details.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 08:48
|
|
เรื่องพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าทรงถอนหมั้นพระวรกัญญา ทรงแจ้งในประกาศเพียงว่าพระอัธยาศัยไม่ต้องกัน สั้นๆไม่มีการขยายความ แต่มี gossip ตกทอดกันมาว่า พระวรกัญญาไม่พอพระทัยข้าราชบริพารสนิทผู้หนึ่งของพระเจ้าอยู่หัว เพราะถือธรรมเนียมฝรั่งเกินไป เมื่อพระวรกัญญาเสด็จลงจากรถก็ไปรับพระหัตถ์มาแบบฝรั่ง ทั้งที่สมัยนั้นไม่มีธรรมเนียมบุรุษแตะต้องกายสตรีไม่ว่าในกาลเทศะใด ก็ทรงสะบัดไม่ให้แตะ เป็นเหตุให้ข้าราชบริพารผู้นั้นเก้อ บางข่าวก็บอกว่าข้าราชบริพารผู้นั้นไม่ชอบพระวรกัญญา จึงกีดกันไม่ให้เป็นพระมเหสี ด้วยเกรงว่าตัวเองจะตกอับในอนาคต
เรื่องgossip มันพูดกันยาก เพราะเราไม่รู้เรื่องไหนเรื่องจริงค่ะ พูดมากไปก็เสียกับท่านเปล่าๆ เล่าแค่นี้พอแล้ว
สี่แผ่นดิน - เคยมีนายทหารท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่าม.ร.ว. คึกฤทธิ์ได้นำความรู้สึกนึกคิดบางอย่างของตัวท่าน ไปใส่เป็นตัวตาอ๊อดด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พัดโบก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 09:09
|
|
คุณชานเรือนครับ แหะๆ เพิ่งได้อ่านกระทู้ที่ว่าเมื่อกี้นี่เองแหละครับ
คุณพระนายครับ พอ่เพิ่ม แต่เป็นตัวละครที่ผมชอบมากทีเดียว รู้สึกเค้ามองโลกสบายๆ ดูเป็นคนมีความสุขตลอดเวลา ส่วนตัวผมแล้วรู้สึกว่าตาอ๊อดมีบทบาทมากกว่า อาจจะเป็นเพราะการบรรยายในลักษณะที่มองด้วยสายตาแม่พลอยเป็นหลักก็ได้ ผมเลยไม่ได้รู้สึกว่า ตาอ๊อดไม่เอาถ่าน แต่ชื่มชมในด้านความรักระหว่างแม่ลูกมากกว่า
ขอบคุณมากครับ คุณเทาชมพู ผมสงสัยขึ้นมาอีกนิดครับว่า ก่อนหน้าสมัยรัชกาลที่ 6 เคยมีการหมั้นของพระมหากษัตริย์มาก่อนหรือเปล่าครับ เพราะคิดว่าสมัยก่อน ถ้าทรงโปรดใครน่าจะแต่งตั้งเป็นมเหสี หรือ เจ้าจอม ได้เลย
มีอีกคำถามครับ คุณเทาชมพู อย่าเพิ่งเบื่อซะก่อน กลัวเหลือเกินว่า คุณเทาฯจะรำคาญ ผมสงสัยชีวิตชาววังนิดหน่อยครับ ช่วงที่รับใช้เสด็จ ชาววังเหล่านี้มีหน้าที่แน่นอนตายตัวหรือเปล่าครับ แล้วได้รับเงินเดือนหรือยังไง ที่ผมเข้าใจคือ ไม่มีหน้าที่แน่นอนลงไป ว่างๆก็ขึ้นไปปรนนิบัติเสด็จ
แล้วหลังจากที่เสด็จที่เป็นเจ้านายตนสิ้นพระชนม์แล้วชีวิตชาววังเหล่านี้เป็นอย่างไร อย่างในเรื่องกรณีของแม่ช้อย คุณสาย เค้าอยู่กันในลักษณะไหนครับ อ่านๆดูคล้ายๆกับว่า ก็อยู่รวมๆกันเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องปรนนิบัติรับใช้ใคร ใครมีลู่ทางก็หากินกันไป อาศัยวังเป็นที่กินนอนเท่านั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อัญ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 09:19
|
|
พูดถึงสี่แผ่นดิน แล้วจะไม่กล่าวถึงแม่ช้อยได้ไงคะ แม่ช้อย เป็นตัวละครที่น่ารักมีสีสันมาก เป็นคนที่เหมาะสมที่เกิดในยุคนั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เป็นคนปรับตัวเก่ง มีความสุขในชีวิตมากกว่าแม่พลอย และเป็นเพื่อนที่ดีของแม่พลอย สรุปแล้วแม่ช้อยเป็นตัวละครในดวงใจค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ก.แก้ว
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 13:06
|
|
ดิฉันก็ชอบพ่อเพิ่มและแม่ช้อยมากค่ะ ทั้งสองคนช่วยชูรสให้เรื่องสี่แผ่นดินมาก มีตอนหนึ่งในเรื่องนี้ที่ดิฉันชอบคือตอนที่แม่พลอยหวีผมแล้วพบว่ามีผมหงอกขาวแซม ก็เก็บผ้าห่มผ้านุ่งสีสด ๆมาพับเก็บเสีย อยากอ่านข้อความตอนนี้อีกจังเลยค่ะ เพราะถ้าเทียบกับสาวปัจจุบันคงต้องรีบโกรกผม แล้วแต่งตัวให้จ๊าบเข้าไว้ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พวงร้อย
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 16:00
|
|
นั่นน่ะซีคะ ดิฉันว่า ผู้หญิงไทยนี่ ถูกกำหนดให้ "ยอมรับว่า" แก่เร็วเกินวัยไปมากนะคะ ดูดาราหนังฮอลลีวูดนี่ ขึ้นสูงสุดก็ย่างสามสิบกันทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นบ้านเรานี่ เข้าสามสิบก็โดนล้อกันไม่จบเรื่องย้ายเข้า "คานทองนิเวศน์" น่ะค่ะ ไปๆมาๆก็เลยทำตัวแก่ตามไปด้วย ทั้งที่จริงแล้ว ดิฉันว่ามันเป็น prime time เสียด้วยซำ้ไป ถ้าไม่ปล่อยตัวซะอย่าง มาอยู่เมืองนอกนี่ คนคิดว่าเป็นเด็ก ม ปลาย อยู่ตลอดจนย่างเลขสามนั่นแหละ เค้าถึงได้สังเกตว่า "เป็นสาวแล้ว" โฮะๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 27 ม.ค. 01, 18:35
|
|
ไม่เบื่อหรอกค่ะคุณพัดโบก เต็มใจตอบทุกคำถามถ้าหากว่าตอบได้นะคะ คำถามไหนตอบไม่ได้เดี๋ยวก็มีเจ้าประจำบนเรือนไทยมาช่วยกันตอบเองละค่ะ ธรรมเนียมการหมั้นหมายแบบฝรั่ง มีพระคู่หมั้น เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๖ค่ะ ก่อนหน้านี้ผู้ที่จะได้เป็นเจ้าจอม ก็เป็นเรื่องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีได้หลายทาง คือ ๑)ผู้หญิงคนนั้นเป็นที่สบพระราชอัธยาศัยเอง อาจจะทรงให้บุคคลสำคัญไปสู่ขอทาบทาม อย่างเจ้าจอมมารดาอ่วม ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาของกรมพระจันทบรีนฤนาถ นี่ก็กล่าวกันว่ารัชกาลที่ ๕ ทรงเห็นและพอพระราชหฤทัยเอง ๒) ข้าราชบริพารสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นบิดาหรือปู่หรือลุง ผู้ทำหน้าที่ปกครอง นำขึ้นถวาย เรียกว่าให้รับราชการเป็นฝ่ายใน ๓) พระมเหสีหรือเจ้านายฝ่ายในพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง นำขึ้นถวาย โดยมากก็เป็นนางข้าหลวงที่อยู่ในตำหนักหรือเรือนท่านนั้นๆ วิธีที่ ๓ เป็นที่นิยมกันมากในปลายรัชกาลที่ ๕ เพราะการจะถวายใครเป็นเจ้าจอมไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ต้องคัดเลือกและอบรมกิริยามารยาทให้งามพร้อมเสียก่อน พ่อแม่ที่หวังว่าลูกสาวจะได้เป็นเจ้าจอมก็มักจะนำตัวไปเป็นข้าหลวงตำหนักใดตำหนักหนึ่ง ให้เจ้าของตำหนักทรงอบรมให้ดีก่อน ถ้าเห็นสมควรเจ้านายพระองค์นั้นก็นำขึ้นถวายเอง แม่พลอยเองก็เกือบจะได้เป็นประเภท ๓ เพราะเป็นคนสวย สกุลรุณชาติดี เสด็จถึงรับสั่งว่ามีคน(คงหมายถึงเจ้านายสตรีด้วยกัน) มาบอกว่าทำไมไม่นำขึ้นถวาย เผื่อเป็นที่โปรดปรานก็จะ "มีบุญวาสนา" (แปลว่าได้เป็นเจ้าจอมที่โปรดปราน) แต่เสด็จทรงเห็นว่าบุญวาสนาไม่ทำให้คนมีความสุขได้ ก็เลยไม่ทรงทำข้อนี้ มีประโยคหนึ่งที่คุณเปรมพูดกับพลอยเมื่อแต่งงานกันแล้วว่า "อย่างแม่พลอย ถ้าจะหากันจริงๆ หาผัวที่ดีกว่าฉันสักพันเท่าก็ยังได้" หมายความว่าผู้หญิงสวยและชาติตระกูลดีอย่างแม่พลอย อยู่ในข่ายจะเป็นเจ้าจอมได้ ดังนั้นเมื่อมาแต่งกับคุณเปรม ฝ่ายชายก็เลยปากหวานยอว่าแม่พลอยเป็นดอกฟ้า หล่นลงมาถึงมือ
ส่วนผู้ทีได้เป็นพระมเหสี ก็ต้องแล้วแต่พระเจ้าอยู่หัวค่ะ หรือไม่ก็พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ ทรงสนับสนุนเจ้านายสตรีรุ่นเล็กให้ทรงรับตำแหน่งนี้
เรื่องการงานชาววัง แต่ละคนมีหน้าที่ประจำตัวค่ะ แต่ก็แล้วแต่ตำหนักใหญ่หรือเล็กด้วย เสด็จของพลอยไม่ใช่พระมเหสี เป็นพระขนิษฐภคินีพระองค์หนึ่งในรัชกาลที่ ๕ อ่านจากหนังสือก็เข้าใจว่าตำหนักไม่ใหญ่โตนัก ข้าหลวงมีไม่มาก ก็แบ่งงานกันไปและอาจจะช่วยกันบ้าง มีแม่บ้านต้นตำหนัก คือคุณสาย เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลสาวๆ ควบคุมเรื่องการเงินการใช้จ่ายและความเรียบร้อยทั้งหมด นอกจากนี้ก็ต้องมีพวกควบคุมห้องเครื่อง(หมายถึงโรงครัว) พนักงานถูษา (ดูแลเรื่องซักผ้าอบผ้า) เป็นต้น นางข้าหลวงสาวๆอย่างพลอยอาจจะรับใช้เสด็จในเรื่องทั่วไปแล้วแต่จะทรงใช้ ตำหนักใหญ่ๆอย่างพระวิมาดาเธอฯ มีข้าหลวงมากมาย ขนาดของคาวของหวานยังแบ่งเป็น ๒ ฝ่ายมีหัวหน้าและลูกมือหลายคน บางคนทำเฉพาะน้ำพริก บางคนปอกสลักผลไม้ ทำกันเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน หาอ่านได้จากหนังสือ" ชีวิตในวัง" ของ ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ สนุกมากค่ะ ถ้าอยากฟังจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง ข้าหลวงได้รับเบี้ยเลี้ยงค่ะ ไว้ใช้สอยเล็กๆน้อยๆส่วนตัว ถ้าทูลลาออกไปแต่งงานก็จะได้รับเงินและเครื่องประดับไปเป็นทุนติดตัวอีกด้วย ส่วนใหญ่ข้าหลวงก็มักจะแต่งงานกันไป ไม่ค่อยอยู่เป็นโสดอย่างคุณสายและช้อย เพราะการเข้าวังก็คือไปรับการศึกษา ฝึกวิชาการเรือน โดยมากก็ออกมาจากวังเป็นคุณหญิงคุณนายของขุนนางกันทั้งนั้น
การกินอยู่ ที่พัก การเรียน ฟรีหมด เจ้านายท่านเลี้ยง สะตุ้งสตางค์มีเท่าไรก็เก็บได้สบายไม่ต้องใช้เงิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 28 ม.ค. 01, 09:19
|
|
คุณพระนายถามว่าใครเป็นพระเอกสี่แผ่นดิน พูดถึงบทบาทอย่างเข้าใจกันทั่วๆไปคุณเปรมก็คือพระเอก ได้รักและได้คู่กับนางเอก เป็นผู้ชายที่แม่พลอยรักอย่างแท้จริง ความตายพรากความรักไม่ได้ แต่พูดถึงความสำคัญ คุณแปรมก็เป็นแค่สัญลักษณ์ของคนกลุ่มหนึ่ง ในอดีตที่จบไปแล้ว คือเป็นภาพของชนกลุ่มที่รุ่งเรืองในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง สังคมสมัยร. ๕ และ ๖ เป็นยุคของหนุ่มลูกผู้ดี กำเนิดดี จึงได้เข้ามาเป็นมหาดเล็กแล้วก็เจริญก้าวหน้าในราชการ จนเป็นพระยา เป็น pattern เกือบจะตายตัวของข้าราชการใหญ่ๆ ความหรูหราของคุณเปรมสมัยรัชกาลที่ ๖ ก็สะท้อนภาพความนิยมในยุคนั้น แต่พอเข้ารัชกาลที่ ๗ ค่านิยมก็เปลี่ยนไป คุณเปรมจึงหมดบทบาทไปด้วยความตายก่อนวัยสมควร เพราะคนอย่างคุณเปรมถ้าอยู่จนหลังปี ๒๔๗๕ ก็จะปรับตัวไม่ได้ และไม่มีที่ยืนในสังคม คนที่ยืนขึ้นมาแทนคือคนรุ่นใหม่อย่างตาอั้น และคนที่ยอมรับไม่ได้คือตาอ้น เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง ส่วนพ่อเพิ่มคือตัวแทนคนไทยจำนวนมาก ระดับชาวบ้าน อยู่แบบ" ทำได้ตามใจคือไทยแท้" และ "ไม่เป็นไร" กับความไม่สบอารมณ์ต่างๆ พวกชาวบ้านไทยไม่ว่าใครจะขึ้นครองอำนาจหรือตกจากอำนาจ พวกเขาก็ยังอยู่อย่างเดิม ทุกข์สุขไปตามประสา ไม่ได้เป็นตัวกำหนดทิศทางของสังคม ทั้งที่เขาเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุด แต่พวกเขาก็มีความสามารถในการทำตัวให้อยู่ไปได้อย่างไม่เดือดร้อนเกินไป มีอารมณ์ขันเป็นเครื่องผ่อนคลายชีวิต ถึงกระนั้นชาวบ้านอย่างพ่อเพิ่มก็ไม่ใช่คนโง่นะคะ มีหลายครั้งที่แกฉลาดในการดูคนและดูสถานการณ์ เพียงแต่แกไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรเท่านั้น คนอย่างพ่อเพิ่มก็เลยอยู่ยืนนาน จนแม่พลอยตายไปเมื่อจบเรื่อง พ่อเพิ่มก็ยังไม่ตายจนแล้วจนรอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พัดโบก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 28 ม.ค. 01, 21:10
|
|
ขอบคุณมากครับ คุณเทาชมพู
นับถือครับ รอบรู้จริงๆ อ่านแล้วทึ่ง...
ขอวกกลับไปคำถามเก่านิดนึงนะครับ แล้วชีวิตของชาววังหลังจากเสด็จของตนสิ้นพระชนม์ล่ะครับ มีการเปลี่ยนเจ้านายกันหรือเปล่า
น่าเสียดายตอนนี้ผมหาซื้อหนังสือที่คุณเทาชมพูบอกไม่ได้ ถ้ามีโอกาสแล้วจะลองดูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 28 ม.ค. 01, 22:59
|
|
เมื่อเจ้านายสิ้นพระชนม์แล้ว นางข้าหลวงทั้งหลายก็มีอิสระ หาทางเลือกกันเองตามใจสมัคร จะไปหาเจ้านายใหม่ไว้พึ่งบารมีก็ได้ ไม่มีใครว่า โดยมากคนที่มีเพื่อนฝูงเป็นข้าหลวงอยู่ตำหนักอื่นๆก็จะชักนำไป ถ้าเป็นคนเก่งมีฝีมือก็ยิ่งดี เจ้านายใหม่ก็จะโปรดใช้สอยให้ตรงตามความรู้ความสามารถ หรือถ้าใครไม่ประสงค์จะมีเจ้านายใหม่ก็ออกจากวังไปอยู่บ้านกับญาติพี่น้องก็ได้ จะแต่งงานไปก็ดี หรือไม่กลับบ้าน ก็อาศัยอยู่ในตำหนักเดิม(ที่ยังว่างเจ้านาย) อย่างคุณสายกับช้อย จนกว่าจะมีเจ้านายใหม่มาอยู่ก็ต้องย้ายออก หรือถ้าไม่มีเจ้านายองค์ใหม่มา ก็อยู่กันไปตามเดิม อาศัยเงินทุนจากที่มีเลี้ยงชีพไปตามกำลัง พวกนี้มักไม่กระตือรือร้นจะไปหานายใหม่ ไม่ฝากเนื้อฝากตัวกับใคร
ข้าหลวงที่มีเจ้านายใหม่เมื่อเจ้านายเดิมสิ้นพระชนม์ไม่ถือว่าเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ถ้าเอาใจออกหาก(ไม่ใช่ห่างนะคะ) ไปฝักใฝ่นายใหม่ ทั้งที่นายเก่าก็ยังอยู่ มีศัพท์เรียกอย่างเหยียดหยามว่า "โจทเจ้า" บริวารประเภทนี้ถือว่าไว้ใจไม่ได้ เพราะไม่ภักดีต่อนาย เนื่องจากสมัยนั้น loyalty ถือเป็นคุณธรรมที่สูงมากในระบบ "เจ้ากับข้า" จากข้าขึ้นไปสู่เจ้า
คุณพัดโบกคงนึกออกว่าเมื่อเปลี่ยนแผ่นดินจากธนบุรีเป็นรัตนโกสินทร์ มีขุนนางหลายคนยอมตายตามพระเจ้าตากสิน มากกว่าจะฝักใฝ่กับนายใหม่ อย่างพระยาพิชัยดาบหัก นี่ก็ท่านหนึ่ง สิ่งนี้ไม่ใช่ความโกรธแค้นระหว่างพระยาพิชัยกับเจ้าพระยาจักรีอย่างบางคนตีความไปตามนั้น แต่เป็นเหตุผลของ loyalty โดยตรง หากพระเจ้าตากสินเสด็จสวรรคตไปด้วยเหตุสุดวิสัย อย่างประชวรหนักจนสวรรคต อย่างนี้พระยาพิชัยไม่ต้องตายตาม และไม่ควรด้วยซ้ำ แต่การตายของพระยาพิชัย เป็นเกียรติยศในระบบ "เจ้ากับข้า" รัชกาลที่ ๑ ท่านก็ทรงทราบและเข้าพระทัยดี ไม่ถือเป็นเรื่องบาดหมางพระทัย เมื่อพระยาพิชัยขอฝากบุตรเข้ารับราชการ ร.๑ ก็ทรงรับไว้ ไม่มีข้อขัดข้องกีดกันว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ลูกหลานสืบต่อมาหลายชั่วคนจนได้รับพระราชทานนามสกุล "วิชัยขัตคะ" ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 29 ม.ค. 01, 00:29
|
|
ผมคิดว่าเรื่องพระยาพิชัย กับ ร. 1 นั้นมีความหมางใจกันมาตั้งแต่เริ่มพบกันแล้วนะครับ เพราะว่าพระยาพิชัย เป็นคนใกล้ชิดกับพระเจ้าตาก ตั้งแต่แรก แต่ ร. 1 ของเรา พอเข้ามารวมกับชุมนุมของพระยาตาก หลังจากที่ น้องชายของท่าน (วังหน้า) เข้ามารวมกับพระยาตากอยู่ก่อนแล้ว แต่ ร. 1 ท่านกลับได้ตำแหน่งใหญ่ในทันทีซึ่งทำให้พระยาพิชัย ทั้งไม่พอใจ และไม่ไว้ใจตั้งแต่ตอนนั้นก็ว่าได้นะครับ ทำให้ไม่มีทางที่จะทำงานร่วมกับ ร. 1 ท่านได้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|