เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 16969 ไปชมร่องรอยฝีมือช่างครั้งกรุงเก่า ณ มรัมเทศครับ
Chaichana-13
อสุรผัด
*
ตอบ: 25


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 01:36

เคยไป มัณฑเลย์ มาหนึ่งครั้งนั่งเรือข้ามฝากไป พระราชวังกรุงอังวะ มองเห็นเมืองสกายไกลๆ วิหาร เจดีย์ จำนวนมากมายบนเทือกภูเขา ทอดต้วขนาบแม่นำ้ ในบรรยากาศตอนเช้าๆหน้าหนาว สวยมากๆๆครับ ดูกระทู้นี้แล้วอยากกลับไปเที่ยวอีก
ชอบตรงที่นักวิชาการชาวพม่าท่านนั้นที่บอกว่าในอดีต ไทย เเละพม่ามีความสัมพันธ์ติดต่อเเลกเปลี่ยนกันตลอด เเต่ตอนหลังเรามัวติดภาพความคิดที่ว่าเราแพ้สงคราม ถูกเผาเมือง ที่สำคัญคิดว่า ไทยและพม่า
อยู่ร่วมยุคร่วมสมัยกันมาโดยตลอด นับถือศาสนาพุทธนิกายกัน มีหลายสิ่งที่คล้ายกันมากๆ
ผมเคยไปพุกามสองครั้ง เห็นจิตรกรรมฝาฝนังที่นั่นแล้วอยากจะคลั่งตาย ทั้งเก่าเเก่มาก ทั้งใหญ่โต มีเยอะเห็นได้ทุก วิหาร เจดีย์ เเละสำคัญคือสมบูรณ์เอามากๆ รูปเเบบใก้ลเคียง สมัยสุโขทัย อยุธยายุคต้น ทีเดียว
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 09:46

จิตรกรรมฝาผนังพม่าเป็นของอลังการที่หลงเหลือข้ามกาลเวลามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ครับ บางชิ้นร่วมสมัยกับนครวัดแต่ยังสมบูรณ์กว่าในกรุวัดราชบูรณะ ที่เราตื่นเต้นกันเป็นนักหนา อีกหลายพันชิ้นที่ร่วมสมัยกับศิลปะบายน ซึ่งเก่าแก่กว่าสุโขทัยร่วมร้อยปี

ที่สุโขทัยเองมีจิตรกรรมเหลือก็นับชิ้นได้ อย่างวัดศรีสวาย วัดเชตุพน วัดมหาธาตุ วัดเก้ายอด วัดเจ็ดยอด คิดดูก็น่าน้อยใจแทนศิลปะไทยนะครับ

พุกามเคยไปครั้งหนึ่งครับ อารมณ์ตอนนั้นก็คล้ายๆคุณชัยชนะ ตื่นเต้นไปกับจิตรกรรมฝาผนังมาก เสียอย่างเดียวคือเขาไม่ค่อยมีลูกเ่ล่นมาก องค์ประกอบเจดีย์ ปูนปั้น จิตรกรรมส่วนใหญ่ทำตามจารีต ว่าจะไปอีกเดือนเมษานี้ครับ อาจจะอยู่สักสิบวัน จะได้ตามเก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เหลือกินครับ บางวัดไปยากมาก อยู่บนเขา อยู่ใต้ดิน ถนนแย่ จะไปปั่นจักรยานไปก็ไม่ไหว ว่างๆจะลองเอารูปมาให้ชมกันบ้างครับ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 09:52

เคยไปพุกามในช่วงออกพรรษาพอดี เขามีงานรับเสด็จพระพุทธเจ้าลงจากดาวดึงส์ คล้ายๆงานของพวกพราหมณ์รับพระรามกลับเมืองเลย ทั้งเมืองมีแต่เสียงสวดมนตร์ เสียงพิณพาทย์ ขบวนแห่ยาวเป็นกิโลๆภายใต้พระจันทร์เต็มดวง ทุกคนมุ่งหน้าไปยังชเวสิกง เจดีย์หลวงของเขา งามเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 09:55

เขาไหว้พระกัน เนื่องจากพม่าขาดแคลนไฟฟ้า เขาก็ใช้เทียนกัน ให้บรรยากาศโบราณดีแท้


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 09:58

กลุ่มแม่ชีนักสวดรอบเจดีย์ฉปัฏ ตั้งตามชื่อพระเถระที่ไปลังกากลับมา สร้างเจดีย์ทรงลังกาขึ้นในพุกาม เจดีย์องค์นี้ถือกันเป็นธรรมเนียมว่าเป็นต้นแบบเจดีย์วัดอุโมงค์ที่เชียงใหม่


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:00

ชเวสิกงอีกสักรูปนะครับ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:07

พุกามในวันฟ้าใส เจดีย์องค์นี้ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อจุฬามณี


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:09

ไปหน้าหนาว ฟ้าใสมากครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:11

ฟ้าลุ่มอิรวดีเวลาสายัณห์


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:14

อ๊ะ นอกเรื่อง ไม่มีจิตรกรรมเลย แต่เข้าไปวัดไหนก็มีจิตรกรรมทั้งนั้นครับ เหลือมากเหลือน้อยแล้วแต่ที่


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:17

กินรีดีดเพลี้ย (เปี๊ยะ) ซึ่งสืบทอดมาจากศิลปะอินเดียแบบปาละ รูปนี้ไม่ค่อยชัดเลยครับ เขาจะอยู่เป็นคู่กัน อีกตัวหนึ่งจะตีฉิ่ง


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 19 ม.ค. 10, 10:24

พระบาทบนเพดานสมัยเมืองพุกาม วัดนี้ชื่อกู่ยวกจีมยิงกบา เป็นวัดสมัยพุกามตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 17 ติดกลิ่นอายแบบอินเดียมามาก โดยเฉพาะการให้ลายเรขาคณิต ค่อนข้างคล้ายกับจิตรกรรมใบลานสมัยปาละและทิเบตภาคกลางยุคต้น


บันทึกการเข้า
virain
นิลพัท
*******
ตอบ: 1655


AmonRain


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 20 ม.ค. 10, 02:38

ภาพสวยๆกับบรรยากาศทำให้น่าศรัทธา มากๆครับ ... (ฟ้าลุ่มอิระวดีสวยมากมาย)

ส่วนภาพเขียนทำให้นึกถึงภาพเขียนในสมัยอยุธยาตอนต้นของเรานะครับ น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เคยไปต่างประเทศ โลกทัศน์อาจจะยังแคบอยู่ เห็นในทีวีก็เลยมักมองเห็นสิ่งดี
ของบ้านเมืองคนอื่นเขา แล้วก็ประทับใจเป็นธรรมดาครับ

ความรุ่งเรื่องของพม่าในอดีตไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว ไม่ว่าเราหรือเขาก็ต่างผ่านจุดเลวร้ายมา และยังคงต้องต่อสู้ต่อไป

"หากเรามองสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ก็จะเห็นสายฝนแต่ละสาย ที่ยึดถือแบ่งแยกกัน ว่านี่คือเรา....นี่คือเขา
แต่แท้ที่จริงแล้วก็คือหยดน้ำมากมาย  มี่ตกลงมาจากท้องฟ้าเดียวกัน...และที่สุดก็ไหลไปรวมอยู่ที่เดียวกัน  
ธรรมะของพระพุทธองค์มุ่งสอนให้เห็นถึงความจริงในข้อนี้  เพื่อให้เราเลิกยึดถือแบ่งแยกกัน ว่านี่คือเรา นี่คือเขา
เมื่อไม่ยึดถือแบ่งแยก  ชีวิตก็จะปราศจากความทุกข์ นั่นก็คือนิพพาน.."

ปล.ลักจำมาจากภาพยนตร์ครับ


บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 20 ม.ค. 10, 10:59

สวัสดีครับคุณ virain

คนพม่าเป็นมิตรกับคนไทยมาก เขายังคิดว่าเขาเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเรา (ไม่รู้โดนยอหรือเปล่า) เรียกว่าเป็น "Brother" เลยทีเดียว เขาว่าสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าบุเรงนองด้วยกันทั้งนั้น

แต่ก็เหมือนกับเรานั่นแหละครับ ที่คิดว่าเราเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับลาว ทั้งๆที่เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย ทั้งหมดเป็นผลมาจากกระบวนการสร้างชาติในยุคหลังอาณานิคมทั้งสิ้น ไม่มีอะไรจะรวมให้คนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ง่ายเท่ากับมีประัวัติศาสตร์ร่วมกัน เพราะคนในดินแดนที่ฝรั่งขีดเส้นไว้ให้ มีร้อยแปดพันเก้า ต่างกันทั้งภาษา ชาติพันธุ์ ศาสนา มีจุดร่วมเดียวกันที่เหมือนกันก็แค่อยู่ใน "เ้ส้นเขตแดนแผนที่" เดียวกันเท่านั้นเอง

และเป็นธรรมชาติของคน ที่เมื่อมีศัตรูร่วมกัน ก็จะรวมกันเป็นพวกพ้องกันได้ จึงไม่มีอะไรง่ายไปกว่าจะโยนความเป็นศัตรูให้ประเทศข้างเคียง โดยการสร้างประวัติศาสตร์แบบสงครามขึ้นมา

ดังนั้น "เรา" อันเป็นผลพวงของการศึกษาแบบล้าหลังคลั่งชาติ จึงไม่เคยเรียนประัวัติศาสตร์แบบอื่นเลย นอกจากประวัติศาสตร์สงคราม ราวกับว่าในอดีตไม่มีอะไรทำก็ฆ่ากันเลย ปล้นกัน เผาเมืองกัน ไม่เคยได้รู้จักความเป็นเครือญาติพี่น้อง ทั้งๆที่การแต่งงาน (การเมือง) เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และทั้งเราทั้งเขา ก็ไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าพาสปอร์ต


หลักฐานงานศิลปะบอกเราได้ครับ เขากวาดต้อนช่างไปก็ไม่ได้เอาไปต้มยำทำแกง แต่ให้เกียรติในฐานะผู้มีฝีมือ ครอบครององค์ความรู้ที่ซับซ้อนประณีตกว่า
บันทึกการเข้า
Kurukula
สุครีพ
******
ตอบ: 1303



ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 20 ม.ค. 10, 11:06

ทุกวันนี้ เราก็ยังโดนครอบงำด้วยประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นจากส่วนกลาง ทั้งๆที่ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า คนที่มานั่งแค้นเคือง หรือเขียนประวัติศาสตร์เหล่านั้นขึ้นมา มีบรรพบุรุษเป็นเจ๊กโล้สำเภามาจากซัวเถา กวางสีกวางตุ้งเมื่อไม่เกินช่วงต้นรัตนโกสินทร์ทั้งสิ้น ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเสียกรุงอยุธยาสักหนิด

บรรพบุรุษผมเอง สายหนึ่งก็เป็นเจ๊กโล้สำเภา เหมือนกับคน"ไทย" อีกหลายล้าน โดยเฉพาะในกรุงเทพพระมหานคร ผู้ครอบครองประวัติศาสตร์ส่วนกลาง ซึ่งก็ไม่น่าอายสักนิดนึง เพราะไม่เคยเห็นใครสักคน (รอบๆตัวนะครับ) ที่ปู่ย่าอากงไม่ได้มาจากเมืองจีน


เอาอะไรจีนๆปนไทยในเมืองม่านมาให้ชมกัน ลองทายๆกันนะครับว่าอะไรเป็นไทยเป็นจีน (ผมว่าบางอย่างก็เหมือนพวกจามปา)


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 19 คำสั่ง