เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
อ่าน: 46666 ชาติพันธุ์วรรณา ใน พระอภัยมณี
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 11:42

ขอบคุณค่ะ คุณเทาชมพู


พระอภัยได้พึ่งปัญญาของนางวาลีก็ตอนสึกชี

สุนทรภู่เขียนไว้เรียบๆ  ศัพท์น่าอ่าน

พระเอื้อนโอษฐ์โปรดเรียกมาริมอาสน์                                   ตรัสประภาษพูดจาด้วยมารศรี
พี่เพลินฟังวังเวงเพลงดนตรี                                              เหมือนจะมีศุภลักษณ์ช่วยชักจูง
เจ้าเป็นใหญ่ในสุรางค์นางสนม                                          ทั้งพงศ์พรหมพราหมณ์พรุณตระกูลสูง
ย่อมพราวแพรวแววหางเหมือนอย่างยูง                                งามกว่าฝูงวิหคาบรรดามี
เอ็นดูด้วยช่วยชุบเหมือนศุภลักษณ์                                      ให้สมรักร่วมอุษามารศรี
จะผันแปรแ้ไขไฉนดี                                                       พระบุตรีจึงจะสึกช่วยตรึกตรอง

นางวาลีแนะนำว่าให้ออกบัตรหมาย  รับรองว่า นางสุวรรณมาลี สึกภายในเจ็ดวัน

คืนนั้น นางวาลีได้รับราชการฝ่ายใน

พระอภัยมีความเห็นว่า

วิชาพาให้งาม
น้ำตาลย่อมหวานมัน
นางเป็นเหมือนม้าดี   (มีดีดขบโขกกัดสะบัดย่าง)
รู้หลักสุรางค์นางสนมดีมาก

บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 11:48

ในนิราศเมืองเทศ  ผู้แต่งยังได้บรรยายสภาพความเป็นอยู่ในสังคมอินเดียที่ผู้แต่งได้ไปเห็นมาตามเมืองท่าที่ไปค้าขายสำเภาหลวงนั้น   ถ้าพิจารณาโดยละเอียด  จะเห็นมีลักษณะบางอย่างตรงกับเนื้อหาในกลอนเรื่องพระอภัยมณี   ต้องนับว่านิราศเรื่องนี้มีเนื้อหาในการค้นคว้าเกี่ยวกับพระอภัยมณีอยู่

กลอนที่จะยกมาค่อนข้างยาวมาก  แต่เห็นประโยชน์จึงเอาให้อ่านกัน เชิญทัศนา

อันพวกเหล่าชาวเมืองที่เนื่องหน้า                   กายากลับคล้ำไม่ขำขาว
ใส่เครื่องเรืองรองล้วนทองวาว      เหมือนหนึ่งกล่าวแต่ต้นหนหลังมา
จะออกเดินทำเมินละอายจริต      เอาผ้าคลุมตัวมิดจนเกศา
เห็นแต่ปลายเท้ากับหน่วยตา      เป็นพวกพากันเดินขาวเพิ่นไป
พอรุ่นรุ่นสะเทินอย่างเดียวกัน      กิจงานการนั้นไม่ทำได้
ด้วยเป็นหญิงขอชายไม่อายใจ      จับจ่ายทรัพย์ให้มาทำงาน
มันจึงใช้ผัวไปต่างทาส         เที่ยวจ่ายตลาดยี่สาร
น้ำท่าหาไว้ทุกประการ         ทั้งข้าวสารฟืนไฟให้ถึงมือ
อย่างนี้เป็นนิจอยู่มิขาด                      พวกพ้องห้องญาติว่านับถือ
ครั้นผัวไปไกลเหมือนว่างมือ      เปลื้องเครื่องออกซื้อจ่ายกิน


เมื่อผัวมาจัดหาให้ใหม่         เป็นเช่นนี้ไปทั้งสิ้น
ใส่เครื่องเรืองรองจะล่องบิน      มันไม่รู้ทำกินแต่สักคน
อันเหล่าพราหมณ์นี้ทรามไม่ชั่วนัก                   แต่ถ่อยสักหน้าไว้ไม่เป็นผล
ข้อมือเป็นลายจนวายชนม์      เครื่องตบแต่งตนเห็นเรืองรวย
สอดสร้อยใส่แหวนนั้นเหมือนกัน                   หวีผมใส่น้ำมันสะสวย
ผ่าแสกแยกกลางเกล้ามวย      กรระทวยสอดสวมใส่กำไล
อันทองหูนั้นดูประหลาดแสง      ด้วยพลอยแดงเขียวขาวสดใส
แวววับวาวจับกับแสงไฟ                      ที่ห้อยใต้นั้นเป็นรูปนาคิน
จมูกห้อยเหมือนหนึ่งจี้มีระย้า      เจิมหน้าแดงฉาดชาดจิ้ม
เอาเถ้าขี้โคทาผัดหน้าพริ้ม      เดินยิ้มยั่วยวนน่าชวนเชย


ครั้นยลพักตร์ความรักนั้นเสื่อมหาย                   ช่างสักดำทำลายนะพราหมณ์เอ๋ย
ถ้าหาไม่ก็จะงามหน้าทรามเชย                   นิจจาเอ๋ยต่างชาติประหลาดครัน
เพลาเช้าก็ออกเป็นแถวถ้อง      กละออมทองทูนเมินเดินเป็นหลั่น
ไปตักน้ำท่ามาเป็นนิรันดร์      เห็นคนขันเคล่าคล่องทำนองไทย
เมื่อย่างเดินไม่สะเทินสะทกจิต                   จะดุกดิกดัดจริตนั้นหาไม่
ปั่นฝ้ายทอผ้าเป็นหน้าไป                      อันผู้ชายนั้นใส่ตัวเป็นเกลียว
การงานกวดขันนี้หนักหนา      แต่ชนิดเอาผ้ามาขัดเตี่ยว
พอปิดกายไม่มีอายกันทีเดียว      อ้ายหน้าเหนียวสังเวชเหมือนเปรตจริง
กันด้านดังถ่านทาทั่ว         ไม่ทันระวังตัวออกตุ้งติ้ง
ลูกสาวหลานสาวนั้นงามพริ้ง      ใส่สร้อยสะอิ้งกำไลทอง
พรั่งพร้อมกันอยู่มากหลาย      ไม่มีความอายที่ขัดข้อง
เบียดเสียดกันไปโดยใจปอง      เป็นพวกพ้องเผ่าเปรตเวทนา

ยังชาติสปาเยนเห็นวิเศษ                   ด้วยถือเพศนั้นคล้ายพระศาสนา
มาสลัดตัดเสียซึ่งปาณา                      เนื้อปลามิได้พะพานกัน
บริโภคแต่ผลถั่วงา         กล้วยกล้ายแตงกวาทุกสิ่งสรรพ์
ยอดใบแลผลเผือกมัน         สรรพสรรพ์ชีวิตไม่คิดกิน
ข้าวโพดสาลีแลขนม         เนยนมนั้นบริโภคสิ้น
มีบุตรธิดานาริน         สาวสาวขาวสิ้นอยู่ทุกคน
รูปโฉมก็ประโลมด้วยมารยาท      แต่ต่างชาติมิได้ร่วมภิรมย์สม
เป็นชาติวงศ์เกี่ยวได้เกลียวกลม                   เยี่ยงอย่างปฐมแผ่นดินมา
ชาติอื่นต้องกายไม่ได้         ถือมั่นนี่กระไรหนักหนา
พวกเหล่าพราหมณ์ว่าเป็นรามวงศ์มา                   ครั้นพบวันทาสิ้นทุกคน ฯ

ใครว่าสตรีในสังคมอินเดียสมัยก่อนถูกกดขี่  คงต้องพิจารณาใหม่แล้วกระมัง ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 12:03

คำว่า หญิงแพศยา  ใช้ในความหมายทั้งหญิงคบชู้    และหญิงโสเภณี    ส่วนการแยกศัพท์ว่ามาจากอะไรเห็นจะต้องถามคุณหลวง
มีอีกคำหนึ่งที่แปลตรงกัน แต่เรียกไพเราะมาก  คือคำว่า "อภิสาริกา"   นางอภิสาริกาคือโสเภณี  พบในวรรณกรรมของ "แสงทอง"  พจนานุกรมบาลี เก็บศัพท์นี้ไว้ด้วย 

ขอใช้สิทธิ์ตอบคำถาม  ในฐานะที่ถูกพาดพิงครับ (ฮา)

แพศยา  ดูรูปคำน่าจะมาจากคำภาษาสันสกฤตว่า  ไวศฺย  แล้วเติม อา ท้ายคำเพื่อให้เป็นเพศหญิง  คำนี้ ไวศฺย  หรือ ที่ไทยมาแปลงใช้เป็น  แพศย์ แปลว่า พ่อค้า    แต่เป็น แพศยา  แปลว่า แม่ค้า  แต่คงไม่ใช่แม่ค้าตามคิดเห็นของเราปัจจุบัน คงหมายถึงหญิงที่ขายรูปสมบัติของตนเองให้ชายเชยชม  แม่ค้าทั่วไปที่ขายของไม่นับเป็น แพศยา ตามนัยนี้   อาชีพโสเภณี (บาลีใช้  โสภิณี แปลตรงตัวว่า หญิงงามเมือง) ของอินเดียมีความสำคัญมาแต่โบราณ  สร้างวัดถวายพระพุทธเจ้าก็มี  และนัยเป็นบุคคลสำคัยของเมืองนั้นๆด้วย   ในเมืองไทย  หญิงโสเภณีสร้างวัดก็หลายวัด  เช่น วัดคณิกาผล เป็นต้น 
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 12:07

ขอบคุณ คุณเพ็ญเป็นอย่างสูงค่ะ


แหะ ๆ   อิฉันกำลังหาอุสาวดีคำกลอนฉบับเต็มอยู่   คงมีอยู่ที่ร้านคุณอำนวย(ผู้เขียนคำนำได้สนุกกว่าหนังสือทั้งเล่ม)


ท่านผู้ใหญ่ในวงการหนังสือเก่าเมตตามาก  ท่านว่าถ้าเจอ นิราศ...........ที่ดิฉันอยากได้สุดชีวิต     จะนำมาให้อ่าน


ได้ไปถามผู้เชี่ยวชาญวิชาป้องกันตัวของไทยว่า  การจดบันทึกบนหลังช้าง จากท้ายช้างทำได้อย่างไร
ได้ไหว้กราบไว้ก่อนแล้ว  ว่ามาขอความรู้  มิได้คิดจะลองภูมิแต่ประการใด

ท่านหัวเราะกลั้วคำพูด      แล้วว่า  
"จะไปยากอะไร   ก็กระเถิบไปติดสัปคับท่านแม่ทัพ  แล้วเขียนซี"

ฮ้า!  ทำไมเราไม่เคยคิดอะไรที่มีเหตุผลได้เลยแฮะ


ก็เลยวันทาท่านอีกที
คุยกันไม่มีใครบังอาจขัดคอเลยค่ะ    ท่านดุ   อิอิ


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 16:14

สุนทรภู่ได้ทิ้งวรรคทองผ่านนางวาลีไว้หลายประโยค



พระผ่านเกล้าเรานี้อารีเหลือ                  เหมือนดูถูกลูกเสือเบื่อนักหนา

ประเวณีตีงูให้หลังหัก                          มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง

จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง

เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย

อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า                     ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำหรับจับใหเมั่นคั้นให้ตาย              จะทำภายหลังยากลำบากครัน

จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ


นางวาลีสิ้นชีวิตเพราะปีศาจอุศเรนเข้าสิง

นางสุวรรณมาลีขอขมา
แม้นวาลีมีทุกข์ไปทางอื่น                       ถึงทางหมื่นแสนไกลจะไปหา
นี่ขัดสนจนใจไปป่าช้า                           อนิจจาใจหายเสียดายนัก


พระอภัยมณี
แม้นกำเหนิดเกิดไหนขอให้ปะ                  ได้เป็นพระมเหสีในที่สอง
ให้รูปงามทรามสงวนนวลละออง                อย่าให้จ้องอดสูกับผู้ใด


พระอภัยมณีใช้ประโยคทอง  "รูปงามทรามสงวนนวลละออง" นี้ถึง ๓ ครั้ง คือตอนนางผีเสื้อกลายเป็นหินไป
ตอนที่ ๒   ก็ ตอนนี้
ตอนที่ ๓ ก็ตอนพระอภัยมณีครวญกับนางละเวง

หลายคนเผลอคิดว่าเป็นกลอนรักที่จะเจอกันทุกชาติไป   



จบตอนนางวาลี   กลับไปที่  คุณยายของ ท่าน ทิศาปาโมกษ์โลกเชษฐ์  เพราะมีบทสำคัญข้่ามไม่ได้

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 16:32

นางละเวงนั้นรักพระอภัยมณีมาก  สมบัติของแผ่นดินมีอะไรก็บอกหมด

ท้ายวังลังกานั้นมีสวนดอกไม้  มีเขาที่เกิดเพชรนิลจินดา

นางพราหมณ์มีอาชีพขายเพชรพลอยอยู่แล้ว  จึงทราบดีของแหล่งมหาสมบัติ
ได้กระซิบกับนางเสาวคนธ์ให้ขุดโคตรไข่เพชรที่ลักษณะเหมือนดอกบัวหิน

นางจึงถอนมา  เมื่อถอนนั้นแผ่นดินไหว  เก็บเอามาบ้าน

ทิศาปาโมกข์ได้กราบทูลว่า ยายพราหมณ์โทษถึงตายเพราะจะก่อศึกต่อไปด้วยเหตุนี้

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 14 ม.ค. 10, 16:49

ทำไมสงครามจึงจบลงได้


บาดหลวงปีโปแนะนำมา

.........................                                  เกณฑ์กลับศักราชศาสนา
เกณฑ์ชมพูอยู่ที่ฉัตรวัฒนา                              เกณฑ์ลังกาหมายชะนะจะประลัย
ถ้ารบพุ่งพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย                           จะล้มตายพ่ายแพ้คิดแก้ไข
ให้พวกพ้องขององค์พระอภัย                           ช่วยชิงชัยจึงจะเสร็จสำเร็จการ


ทิศาปาโมกษ์โลกเชษฐ์ เห็นว่า พระอภัยและขบวนการเขยฝรั่งหลงใหลจนออกรบกับนางฝรั่ง
จึงแนะนำให้ทหารปิดหูด้วยขี้ผึ้ง
เสกนกการวิกไว้จิกผี
เสกสาย คงกระพันให้ทหาร
แล้วขึ้นเขาไปจุดเทียนถึงพระฤาษีเกาะแก้วพิสดารให้มาห้ามทัพ

พระฤาษีก็มาสั่งสอนจนยุติการสู้รบ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 19 คำสั่ง