ในนิราศเมืองเทศ ผู้แต่งยังได้บรรยายสภาพความเป็นอยู่ในสังคมอินเดียที่ผู้แต่งได้ไปเห็นมาตามเมืองท่าที่ไปค้าขายสำเภาหลวงนั้น ถ้าพิจารณาโดยละเอียด จะเห็นมีลักษณะบางอย่างตรงกับเนื้อหาในกลอนเรื่องพระอภัยมณี ต้องนับว่านิราศเรื่องนี้มีเนื้อหาในการค้นคว้าเกี่ยวกับพระอภัยมณีอยู่
กลอนที่จะยกมาค่อนข้างยาวมาก แต่เห็นประโยชน์จึงเอาให้อ่านกัน เชิญทัศนา
อันพวกเหล่าชาวเมืองที่เนื่องหน้า กายากลับคล้ำไม่ขำขาว
ใส่เครื่องเรืองรองล้วนทองวาว เหมือนหนึ่งกล่าวแต่ต้นหนหลังมา
จะออกเดินทำเมินละอายจริต เอาผ้าคลุมตัวมิดจนเกศา
เห็นแต่ปลายเท้ากับหน่วยตา เป็นพวกพากันเดินขาวเพิ่นไป
พอรุ่นรุ่นสะเทินอย่างเดียวกัน กิจงานการนั้นไม่ทำได้
ด้วยเป็นหญิงขอชายไม่อายใจ จับจ่ายทรัพย์ให้มาทำงาน
มันจึงใช้ผัวไปต่างทาส เที่ยวจ่ายตลาดยี่สาร
น้ำท่าหาไว้ทุกประการ ทั้งข้าวสารฟืนไฟให้ถึงมือ
อย่างนี้เป็นนิจอยู่มิขาด พวกพ้องห้องญาติว่านับถือ
ครั้นผัวไปไกลเหมือนว่างมือ เปลื้องเครื่องออกซื้อจ่ายกิน
เมื่อผัวมาจัดหาให้ใหม่ เป็นเช่นนี้ไปทั้งสิ้น
ใส่เครื่องเรืองรองจะล่องบิน มันไม่รู้ทำกินแต่สักคน
อันเหล่าพราหมณ์นี้ทรามไม่ชั่วนัก แต่ถ่อยสักหน้าไว้ไม่เป็นผล
ข้อมือเป็นลายจนวายชนม์ เครื่องตบแต่งตนเห็นเรืองรวย
สอดสร้อยใส่แหวนนั้นเหมือนกัน หวีผมใส่น้ำมันสะสวย
ผ่าแสกแยกกลางเกล้ามวย กรระทวยสอดสวมใส่กำไล
อันทองหูนั้นดูประหลาดแสง ด้วยพลอยแดงเขียวขาวสดใส
แวววับวาวจับกับแสงไฟ ที่ห้อยใต้นั้นเป็นรูปนาคิน
จมูกห้อยเหมือนหนึ่งจี้มีระย้า เจิมหน้าแดงฉาดชาดจิ้ม
เอาเถ้าขี้โคทาผัดหน้าพริ้ม เดินยิ้มยั่วยวนน่าชวนเชย
ครั้นยลพักตร์ความรักนั้นเสื่อมหาย ช่างสักดำทำลายนะพราหมณ์เอ๋ย
ถ้าหาไม่ก็จะงามหน้าทรามเชย นิจจาเอ๋ยต่างชาติประหลาดครัน
เพลาเช้าก็ออกเป็นแถวถ้อง กละออมทองทูนเมินเดินเป็นหลั่น
ไปตักน้ำท่ามาเป็นนิรันดร์ เห็นคนขันเคล่าคล่องทำนองไทย
เมื่อย่างเดินไม่สะเทินสะทกจิต จะดุกดิกดัดจริตนั้นหาไม่
ปั่นฝ้ายทอผ้าเป็นหน้าไป อันผู้ชายนั้นใส่ตัวเป็นเกลียว
การงานกวดขันนี้หนักหนา แต่ชนิดเอาผ้ามาขัดเตี่ยว
พอปิดกายไม่มีอายกันทีเดียว อ้ายหน้าเหนียวสังเวชเหมือนเปรตจริง
กันด้านดังถ่านทาทั่ว ไม่ทันระวังตัวออกตุ้งติ้ง
ลูกสาวหลานสาวนั้นงามพริ้ง ใส่สร้อยสะอิ้งกำไลทอง
พรั่งพร้อมกันอยู่มากหลาย ไม่มีความอายที่ขัดข้อง
เบียดเสียดกันไปโดยใจปอง เป็นพวกพ้องเผ่าเปรตเวทนา
ยัง
ชาติสปาเยนเห็นวิเศษ ด้วยถือเพศนั้นคล้ายพระศาสนา
มาสลัดตัดเสียซึ่งปาณา เนื้อปลามิได้พะพานกัน
บริโภคแต่ผลถั่วงา กล้วยกล้ายแตงกวาทุกสิ่งสรรพ์
ยอดใบแลผลเผือกมัน สรรพสรรพ์ชีวิตไม่คิดกิน
ข้าวโพดสาลีแลขนม เนยนมนั้นบริโภคสิ้น
มีบุตรธิดานาริน สาวสาวขาวสิ้นอยู่ทุกคน
รูปโฉมก็ประโลมด้วยมารยาท แต่ต่างชาติมิได้ร่วมภิรมย์สม
เป็นชาติวงศ์เกี่ยวได้เกลียวกลม เยี่ยงอย่างปฐมแผ่นดินมา
ชาติอื่นต้องกายไม่ได้ ถือมั่นนี่กระไรหนักหนา
พวกเหล่าพราหมณ์ว่าเป็นรามวงศ์มา ครั้นพบวันทาสิ้นทุกคน ฯ
ใครว่าสตรีในสังคมอินเดียสมัยก่อนถูกกดขี่ คงต้องพิจารณาใหม่แล้วกระมัง
