มัวแต่พิมพ์นานมาก เลยเข้ามาช้ากว่าคุณหลวงเล็ก
เรื่องชีเปลือย เห็นด้วยกับคุณเพ็ญชมพู ว่าสุนทรภู่คงจะได้ความคิดมาจากพวกทิคัมพร ซึ่งเป็นนิกายในศาสนาเชนหรือเดียรถีย์นิครนถ์
ศาสนาเชน มีอยู่ในยุคเดียวกับพุทธศาสนา บำเพ็ญการหลุดพ้นสู่นิพพานคล้ายๆกัน แต่ด้วยวิธีการต่างกัน
ศาสนาเชนเน้นหนักไปด้านบำเพ็ญทุกขกิริยา ส่วนพุทธศาสนาเห็นว่าการทรมานตัวเองไม่ใช่การหลุดพ้น แต่เป็นทางสายกลาง ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
ประวัติของมหาวีระผู้เป็นศาสดาของศาสนาเชนนับว่าน่าสนใจ มีอะไรบางอย่างคล้ายพุทธประวัติ คือเป็นเจ้าชายเหมือนกัน มีนามเดิมว่า วรรธมานะ ประสูติ ณ นครเวสาลี แคว้นวัชชี ในภาคเหนือ ของอินเดีย ในราว 635 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ในวันประสูติของเจ้าชายวรรธมานะ ได้มีการจัดงานสมโภชใหญ่โตที่นครเวสาลี มีนักพรตและเหล่าพราหมาจารย์ มาพยากรณ์ ว่า เจ้าชายจะทรงเป็นผู้มีอนาคตยิ่งใหญ่ มีทางเลือก 2 ทาง คือ
1. ถ้าอยู่ครองฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักพรรดิ
2. ถ้าทรงออกผนวช จะได้เป็นศาสดาเอกของโลก
เจ้าชายอภิเษกับเจ้าหญิงยโศธรา มีพระธิดาชื่อ อโนชา เมื่อพระชนมายุได้ 30 เจ้าชายวรรธมานะก็ละทิ้งกรุงเวสาลีไปเป็นนักบวช เพื่อแสวงหาการหลุดพ้น ทรงอธิษฐานจิตว่า “ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเป็นเวลา 12 ปี จะไม่ยอมพูดจาอะไรกับใครแม้แต่คำเดียว”
ถือปฏิญาณครบ 12 ปี เจ้าชายบรรลุธรรมขั้นสูงสุดเรียกว่า เกวัล (keval) ตำราเชนระบุว่าขณะนั้นมหาวีระอยู่ในท่านั่งยองๆ คล้ายท่ารีดนมวัว การบรรลุเกวัลตามคติของศาสนาเชนเป็นการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เป็นพระอรหันต์ เป็นสัพพัญญู เรียกว่า พระชินะ คือ ผู้ชนะ (กิเลสในใจทั้งปวง) โดยสิ้นเชิง
เจ้าชายจึงเผยแพร่ความคิดคำสอนใหม่ของพระองค์ ทรงตั้งศาสนาใหม่เรียกว่า ศาสนาเชน แปลว่าศาสนาของผู้ชนะตนเอง ส่วนพระองค์มีพระนามใหม่ว่า มหาวีระ
พระมหาวีระใช้เวลาในการสั่งสอนสาวก และประสบผลสำเร็จตลอดมาเป็นเวลา 30 ปีเศษ เมื่อพระชนมายุได้ 72 ปี ทรงประชวรหนัก ทรงทราบว่าวาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง จึงเรียกประชุมบรรดาสาวกทั้งหลาย และสั่งสอนเป็นโอกาสสุดท้ายพระมหาวีระดับขันธ์ในเช้าวันต่อมา สรีระของพระมหาวีระได้กระทำการฌาปนกิจที่เมืองปาวา จึงเป็นสังเวชนียสถาน สำคัญแห่งหนึ่ง
หลักคำสอนสำคัญบางประการของศาสนาเชน
อนุพรต
อนุพรต คือ ข้อปฏิบัติพื้นฐาน มี 5 ประการที่สอนให้งดเว้นสิ่งที่ไม่ดี คือ
1. อหิงสา การไม่เบียดเบียนให้คนอื่น สัตว์อื่น สิ่งอื่น
2. สัตยะ การไม่พูดเท็จ
3. อัสตียะ การไม่ลักขโมย
4. พรหมจริยะ เว้นจากการประพฤติชั่วทางกาย
5. อัปริคคหะ ความไม่โลภ
มหาพรต
ข้อปฏิบัติสำคัญและยิ่งใหญ่
1. สัมยัคทรรศนะ ความเชื่อที่ถูกต้อง
2. สัมยัคญาณะ ความรู้ที่ถูกต้อง
3. สัมยัคยาริตะ ความประพฤติที่ถูกต้อง
พิธีกรรมของศาสนาเชน
การบวชเป็นบรรพชิต เป็นการเปลี่ยนแปลงภาวะของคนธรรมดาสู่ความเป็นนักพรต ครองผ้า 3 ผืน ต้องโกนผมด้วยวิธี ถอนผมตนเอง ฉันอาหารเท่าที่แสวงหามาได้
ศาสนาเชนถือว่าการทรมานตนให้ได้รับการลำบากต่างๆ เช่นการอดอาหาร การไม่พูดจากับใครจะสามารถทำให้บรรลุโมกษะ
แต่พุทธศาสนาเรียกการกระทำนี้ว่า อัตตกิลมถานุโยค คือบำเพ็ญสุดโต่งไปทางด้านทรมานตัวเอง ไม่ใช่หนทางหลุดพ้น
จุดหมายสูงสุดของศาสนาเชน
ศาสนาเชนมีจุดหมายปลายทางสูงสุดของชีวิต อันเป็นความสุขที่แท้จริงและนิรันดร คือ นิรวารณะ หรือ โมกษะ (ความหลุดพ้น)
ผู้หลุดพันจากเครื่องผูก คือ กรรม ได้ชื่อว่า สิทธะ หรือ ผู้สำเร็จ เป็นผู้ไม่มีชั้นวรรณะ ไม่รู้สึกกระทบกระเทือนต่อกลิ่น ปราศจาก ความรู้สึกเรื่องรส ไม่มีความรู้สึกที่เรียกว่า เวทนา ไม่มีความหิว ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความดีใจ ไม่เกิด แก่ ตาย ไม่มีรูป ไม่มีร่างกาย ไม่มีกรรม เสวยความสงบอันหาที่สุดมิได้
วิธีที่จะบรรลุจุดหมายปลายทางนั้นจะต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานที่เรียกว่า อนุพรต 5 จนถึงอย่างสูงที่เป็นข้อปฏิบัติอันยิ่งใหญ่และสำคัญคือ มหาพรต 3
นิกายสำคัญของศาสนาเชน
ศาสนาเชนมีนิกายที่สำคัญอยู่ 2 นิกาย
1. นิกายเศวตัมพร นิกายนุ่งผ้าขาว ถือว่าสีขาวเป็นสีบริสุทธิ์
2. นิกายทิคัมพร นิกายนุ่งลมห่มฟ้า ( เปลือยกาย)
หากมีข้อสงสัยว่า ทำไมศาสดามหาวีระจึงนุ่งลมห่มฟ้า เรื่องนี้มีตำนานว่า ภรรยาของพราหมณ์ยากจนคนหนึ่งบอกให้ไปขอสิ่งของจากมหาวีระ ท่านจึงมอบผ้าห่มกายของท่านให้พราหมณ์ไปครึ่งหนึ่ง ครั้นเมื่อภรรยาของพราหมณ์นำผ้าดังกล่าวไปให้ช่างทอผ้าดู ช่างทอผ้าก็ว่า หากได้ครึ่งที่เหลือมา เขาก็จะเย็บผ้าเข้าด้วยกันเป็นผืนเดียวซึ่งขายได้หลายเหรียญทอง
พราหมณ์คนนั้นจึงได้กลับไปหามหาวีระในป่าอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอ เดินไปได้ระยะหนึ่งผ้าพาดไหล่ของมหาวีระเกิดเกี่ยวติดพงหนามหลุดออกโดยอุบัติเหตุ พราหมณ์จึงฉวยโอกาสเก็บผ้าและรีบจากไป ส่วนมหาวีระนั้นก็ไม่ว่ากระไร เพราะตั้งใจว่าจะไม่กล่าวอะไรถึง 12 ปี นับแต่นั้นมา มหาวีระจึงไม่มีอาภรณ์ใดๆ ติดกายมานับแต่นั้น (น่ารู้ไว้ว่า ศาสนาเชนมี 2 นิกายหลัก คือ นิกายทิคัมพร ซึ่งนักบวชยึดถือการนุ่งลมห่มฟ้าแบบเคร่งครัด และนิกายเศวตามพร ซึ่งนักบวชนุ่งผ้าขาว)
อ้างอิง
๑
http://knowledge.eduzones.com/knowledge-2-3-43343.html๒ http://www.bangkokbiznews.com/jud/sat/20071201/news.php?news=column_25165841.html