เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 21547 เพราะเหตุใด ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตรด้วยครับ ในปี 2475
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


 เมื่อ 01 ธ.ค. 09, 16:42

ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตร แล้วทำไม่ต้องปฏิวัติขณะ ที่พระปกเกล้า รัชกาลที่ 7 ประทับอยู่ที่ วังไกลกังวล
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 01 ธ.ค. 09, 20:04

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงได้รับพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ ขณะทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯให้เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้าการปฏิวัติไม่นาน

ทรงเป็นประธานอภิรัฐมนตรีสภา และ ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่ง "ผู้สำเร็จราชการพระนคร" เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน

จากข้างต้นคุณจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมท่านจึงทรงตกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของคณะผู้ก่อการ ที่จะต้องจับพระองค์ในเช้าวันนั้นให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถ้าทรงหลุดมือไปและทรงสั่งการได้ ทหารทั้งหมดคงจะต้องเชื่อฟังพระองค์ การปฏิวัติก็จะล้มเหลว

เมื่อจับได้ก็เอาเป็นตัวประกันเสียด้วย ถ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าไม่ทรงยินยอมตามข้อเรียกร้อง ตัวประกันเหล่านี้คงต้องพลีชีพ

นอกจากกรมพระนครสวรรค์แล้ว เจ้านายและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับมาควบคุมไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมก็ยังมี
สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนริศรานุวัติวงศ์ (สมเด็จกรมพระยา)
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พลตำรวจตรี หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล อธิบดีตำรวจภูบาล
พลตรี หม่อมเจ้านักขัตมงคล กิติยากร
พาลตรี พระยาเฉลิมอากาศ เจ้ากรมอากาศยาน
พันเอก พระยารามจตุรงค์
พันเอก พระยาสุรเดชรณชิต ผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์
และ พลโท พระยาสีหราชเดโชชัย เสนาธิการทหารบก

ส่วนคำถามที่สอง ถ้าปฏิวัติตอนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าประทับอยู่กรุงเทพ มันก็จะยากกว่ากันมากน่ะซีครับ ทหารที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์มากมายคงไม่ยอมง่ายๆ จะต้องรบกันใหญ่แน่นอน

แผนปฏิวัติเป็นแผนลักไก่ ผู้ก่อการมีกำลังทหารอยู่ในมือกระหยิบเดียว อาศัยหลอกๆกันออกมาให้ดูเหมือนมีกำลังเยอะ วันนั้นถ้ามีใครไหวตัว กระสุนลั่นขึ้นนัดเดียว เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปมาก ไม่สำเร็จโดยง่ายอย่างนี้แน่นอน
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 02 ธ.ค. 09, 14:19

ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C  แล้วขอถามอีก 1 คำถาม
สาเหตุนี้ใช่หรือไม่ ที่ทำให้ทูลกระหม่อมบริพัตร สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศราฯ และสมเด็จกรมพระยาดำรง ต้องเสด็จลี้ภัยที่ต่างประเทศ ช่อยตอบหน่อยนะคร้าบบบบบบบ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 02 ธ.ค. 09, 18:16

ใช่ครับ
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 03 ธ.ค. 09, 20:06

ถามอีกครั้งนะครับ แล้วทำไม ทั้ง 3 พระองค์จะต้องเสด็จลี้ภัยด้วยละครับ ทั้งทั้งที่เป็นประเทศของพระองค์เอง ขอบคุณคร้าบ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 00:01

อ้าว ลี้ภัยก็แปลความได้อยู่แล้วว่า มีภัยมาต้องหนีภัยไปก่อน ไม่หนีเดี๋ยวเขาหาเรื่องเอาเข้าคุกหรืออาจจะแย่กว่านั้นก็ได้น่ะซีครับ ประเทศของพระองค์ก็จริง แต่อำนาจมันเปลี่ยนมือไปอยู่ทางอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว สู้ไม่ได้ก็ต้องหลบฉากไปทีนึงก่อน จึงจะเรียกว่าเป็นคนฉลาดครับ
บันทึกการเข้า
Akararat
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 02:09

ผมว่าทางพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่คงเห็นตัวอย่างเหตุการณ์ปฎิวัติของรัสเซีย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงเลือกที่จะออกไปประทับยังต่างประเทศครับ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 07:52

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย  กิศกุล ทรงเล่าไว้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นว่า  เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จกลับจากปีนังมาประทับที่วังวรดิศในตอนปลายพระชนม์ชีพ  ผู้คนในวังวรดิศล้วนสังเกตเห็นสันติบาลมาเฝ้าอยู่ที่หน้าวังตลอดเวลา  ฉะนั้นการที่เสด็จไปประทับต่างประเทศนั้นนอกจากเพื่อความสบายพระทัยแล้ว  ยังหมายรวมถึงความปลอดภัยในพระองค์และผู้ที่จงรักภักดีด้วย  ดังกรณีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร  ซึ่งทรงเป็นแพทย์และอาจารย์ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ยังต้องทรงประสบภัย  แล้วเจ้านายที่เคยมีหน้าที่ราชการระดับสูงเช่นนั้นย่อมต้องทรงถูกเพ่งเล็งเป็นธรรมดา  แม้ไปประทับต่างประเทศแล้วก็ยังปรากฏว่ามีสันติบาลตามไปสอดแนมอีก  รายละเอียดหาอ่านในพระนิพนธ์ของท่านหญิงดูเถอะครับ
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 12:40

แหม คุณV_Mee กำลัง จะถามอยูพอดีเลยว่า แล้วทำไมจะต้องจับตัวกรมพระยาชัยนาทนเรทรด้วยคับ ทั้งทั้งที่เป็นแพทย์ประจำพระองค์
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 14:09

ท่านไม่ใชแพทย์ประจำพระองค์ดอกครับ แต่ทรงใฝ่พระทัยทางนี้และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสถาปนาโรงพยาบาลศิริราชด้วย แต่คณะราษฎร์ท่านไม่จำเป็นต้องดูตรงนั้น เมื่อท่านเสี่ยงตนเข้ากระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็คือการเสี่ยงที่จะเป็นกบฏ หากว่าแพ้ โทษกบฏในสมัยสมบูรณายาสิทธิราชกฏหมายขู่ไว้ว่าจะประหารถึง7ชั่วโคตร แม้ในสมัยราชวงศ์จักรีจะไม่เคยกระทำถึงขนาดนั้นเลยก็ตาม แต่ตัวผู้ก่อการก็มีหวังโดนแน่ เมื่อคิดว่าตนเองยังไม่มั่นคงปลอดภัยจากสิ่งที่ได้กระทำไป ท่านก็ต้องกลัวและหวาดระแวงไว้ก่อน เสด็จในกรมชัยนาทท่านไม่ไฝ่ใจในเรื่องการเมืองและเข้าพระทัยไปเองว่าคนอื่นเขาจะเห็นพระองค์อย่างนั้น จึงทรงประมาทไปหน่อย เสด็จไปเฝ้ากรมพระนครสวรรค์ที่ชะวา เมื่อเสด็จไปอังกฤษก็มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระปกเกล้าหลังจากที่ทรงสละราชสมบัติและประทับที่นั่น ทั้งหมดสายของสันติบาลก็รายงานมากรุงเทพ ท่านก็เลยไม่ไว้ใจ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านทั้งหลายเองที่มักจะอ้างว่าเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของระบอบประชาธิปไตย ท่านก็เลยต้องกำจัดพระองค์เสียก่อน ผิดถูกก็ไว้ว่ากันทีหลังเท่านั้นเอง
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 21:55

ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C งั้นก็ถือว่าสมัยก่อนนั้น ขุนนางมีอำนาจมาก ถึงกับสั่งถอดพระอิสริยยศของพระองค์ให้เป็นสามัญชน เลวร้ายสะจริงจริง แล้วก็ยังน่าสงสาร พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าด้วย ที่ขอร้องให้ปล่อยเสด็จในกรมชัยนาท แต่กับไม่ปล่อย น่าสงสารพระองค์จัง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 22:43

อย่าไปเหมารวมว่าสมัยก่อนเป็นอย่างนั้นหมดเลยครับ มันเป็นอยู่สมัยเดียวในระยะยี่สิบปีแรกที่ปฏิวัติล้มระบอบสมบูรณายาสิทธิราชได้ อย่าเรียกพวกท่านว่าขุนนางเลยเรียกว่าพวกผู้ก่อการดีกว่า ประเทศชาติตอนนั้นมีกษัตริย์ก็เหมือนไม่มี ผู้สำเร็จราชการกระทำการแทนภายใต้พระปรมาภิไธย ท่านนายกรัฐมนตรีก็สถาปนาตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งท่านผู้นำ พร้อมคำขวัญว่า "เชื่อท่านผู้นำ ชาติพ้นภัย" เล่นเอาชาติเกือบบรรลัยไปเหมือนกัน

ว่าแต่ว่าคุณpomsangเรียนถึงชั้นไหนแล้วครับ ผมอยากทราบ เผื่อจะได้คุยกันให้นานๆ
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 23:00

ปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาตร์ คร้าบ คุณ NAVARAT.C  แล้วคุณ NAVARAT.C เรียนที่ไหนหรือทำงานแล้วคร้าบบบ อ้อมีเมลล์ไหมครับถ้ามีขอด้วย
บันทึกการเข้า
pomsang
อสุรผัด
*
ตอบ: 31


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 23:01

หวังว่าจะได้รู้จักกันนะคร้าบบบบบ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 08 ธ.ค. 09, 23:08

การลี้ภัยไปต่างประเทศในสมัยนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างจากปัจจุบัน

การสื่อสารที่ไม่สะดวกทันใจอย่างในปัจจุบันนี้ การออกไปอยู่ไกลหูไกลตาหมายถึงการสื้อสารที่ยากลำบาก และหากประสงค์จะส่งเงินทองเข้ามาอุดหนุนการก่อการใดๆก็ทำได้ยาก ไม่สะดวกทันใจอย่างสมัยนี้

ดังนั้นการลี้ภัยไปต่างประเทศของพระบรมวงศ์ที่มีอำนาจในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงเป็นความพอใจของรัฐบาลด้วย

เห็นได้จากการที่กรมพระนครสวรรค์ทรงเดินทางออกนอกประเทศโดยขบวนรถไฟด่วนที่วิ่งทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก คณะราษฎรเป็นผู้จัดการให้ (คงจะด้วยความโล่งอก) ด้วยครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 20 คำสั่ง