pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ทำไม คณะราษจึงต้องจับตัวทูลกระหม่อมบริพัตร แล้วทำไม่ต้องปฏิวัติขณะ ที่พระปกเกล้า รัชกาลที่ 7 ประทับอยู่ที่ วังไกลกังวล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 01 ธ.ค. 09, 20:04
|
|
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงได้รับพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ ขณะทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯให้เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้าการปฏิวัติไม่นาน
ทรงเป็นประธานอภิรัฐมนตรีสภา และ ขณะนั้นทรงดำรงตำแหน่ง "ผู้สำเร็จราชการพระนคร" เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน
จากข้างต้นคุณจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมท่านจึงทรงตกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของคณะผู้ก่อการ ที่จะต้องจับพระองค์ในเช้าวันนั้นให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถ้าทรงหลุดมือไปและทรงสั่งการได้ ทหารทั้งหมดคงจะต้องเชื่อฟังพระองค์ การปฏิวัติก็จะล้มเหลว
เมื่อจับได้ก็เอาเป็นตัวประกันเสียด้วย ถ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าไม่ทรงยินยอมตามข้อเรียกร้อง ตัวประกันเหล่านี้คงต้องพลีชีพ
นอกจากกรมพระนครสวรรค์แล้ว เจ้านายและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับมาควบคุมไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมก็ยังมี สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนริศรานุวัติวงศ์ (สมเด็จกรมพระยา) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พลตำรวจตรี หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล อธิบดีตำรวจภูบาล พลตรี หม่อมเจ้านักขัตมงคล กิติยากร พาลตรี พระยาเฉลิมอากาศ เจ้ากรมอากาศยาน พันเอก พระยารามจตุรงค์ พันเอก พระยาสุรเดชรณชิต ผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ และ พลโท พระยาสีหราชเดโชชัย เสนาธิการทหารบก
ส่วนคำถามที่สอง ถ้าปฏิวัติตอนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าประทับอยู่กรุงเทพ มันก็จะยากกว่ากันมากน่ะซีครับ ทหารที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์มากมายคงไม่ยอมง่ายๆ จะต้องรบกันใหญ่แน่นอน
แผนปฏิวัติเป็นแผนลักไก่ ผู้ก่อการมีกำลังทหารอยู่ในมือกระหยิบเดียว อาศัยหลอกๆกันออกมาให้ดูเหมือนมีกำลังเยอะ วันนั้นถ้ามีใครไหวตัว กระสุนลั่นขึ้นนัดเดียว เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปมาก ไม่สำเร็จโดยง่ายอย่างนี้แน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 02 ธ.ค. 09, 14:19
|
|
ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C แล้วขอถามอีก 1 คำถาม สาเหตุนี้ใช่หรือไม่ ที่ทำให้ทูลกระหม่อมบริพัตร สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศราฯ และสมเด็จกรมพระยาดำรง ต้องเสด็จลี้ภัยที่ต่างประเทศ ช่อยตอบหน่อยนะคร้าบบบบบบบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 02 ธ.ค. 09, 18:16
|
|
ใช่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 03 ธ.ค. 09, 20:06
|
|
ถามอีกครั้งนะครับ แล้วทำไม ทั้ง 3 พระองค์จะต้องเสด็จลี้ภัยด้วยละครับ ทั้งทั้งที่เป็นประเทศของพระองค์เอง ขอบคุณคร้าบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 00:01
|
|
อ้าว ลี้ภัยก็แปลความได้อยู่แล้วว่า มีภัยมาต้องหนีภัยไปก่อน ไม่หนีเดี๋ยวเขาหาเรื่องเอาเข้าคุกหรืออาจจะแย่กว่านั้นก็ได้น่ะซีครับ ประเทศของพระองค์ก็จริง แต่อำนาจมันเปลี่ยนมือไปอยู่ทางอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว สู้ไม่ได้ก็ต้องหลบฉากไปทีนึงก่อน จึงจะเรียกว่าเป็นคนฉลาดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Akararat
อสุรผัด

ตอบ: 1
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 02:09
|
|
ผมว่าทางพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่คงเห็นตัวอย่างเหตุการณ์ปฎิวัติของรัสเซีย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงเลือกที่จะออกไปประทับยังต่างประเทศครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 07:52
|
|
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย กิศกุล ทรงเล่าไว้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นว่า เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จกลับจากปีนังมาประทับที่วังวรดิศในตอนปลายพระชนม์ชีพ ผู้คนในวังวรดิศล้วนสังเกตเห็นสันติบาลมาเฝ้าอยู่ที่หน้าวังตลอดเวลา ฉะนั้นการที่เสด็จไปประทับต่างประเทศนั้นนอกจากเพื่อความสบายพระทัยแล้ว ยังหมายรวมถึงความปลอดภัยในพระองค์และผู้ที่จงรักภักดีด้วย ดังกรณีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งทรงเป็นแพทย์และอาจารย์ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ยังต้องทรงประสบภัย แล้วเจ้านายที่เคยมีหน้าที่ราชการระดับสูงเช่นนั้นย่อมต้องทรงถูกเพ่งเล็งเป็นธรรมดา แม้ไปประทับต่างประเทศแล้วก็ยังปรากฏว่ามีสันติบาลตามไปสอดแนมอีก รายละเอียดหาอ่านในพระนิพนธ์ของท่านหญิงดูเถอะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 12:40
|
|
แหม คุณV_Mee กำลัง จะถามอยูพอดีเลยว่า แล้วทำไมจะต้องจับตัวกรมพระยาชัยนาทนเรทรด้วยคับ ทั้งทั้งที่เป็นแพทย์ประจำพระองค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 14:09
|
|
ท่านไม่ใชแพทย์ประจำพระองค์ดอกครับ แต่ทรงใฝ่พระทัยทางนี้และเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสถาปนาโรงพยาบาลศิริราชด้วย แต่คณะราษฎร์ท่านไม่จำเป็นต้องดูตรงนั้น เมื่อท่านเสี่ยงตนเข้ากระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็คือการเสี่ยงที่จะเป็นกบฏ หากว่าแพ้ โทษกบฏในสมัยสมบูรณายาสิทธิราชกฏหมายขู่ไว้ว่าจะประหารถึง7ชั่วโคตร แม้ในสมัยราชวงศ์จักรีจะไม่เคยกระทำถึงขนาดนั้นเลยก็ตาม แต่ตัวผู้ก่อการก็มีหวังโดนแน่ เมื่อคิดว่าตนเองยังไม่มั่นคงปลอดภัยจากสิ่งที่ได้กระทำไป ท่านก็ต้องกลัวและหวาดระแวงไว้ก่อน เสด็จในกรมชัยนาทท่านไม่ไฝ่ใจในเรื่องการเมืองและเข้าพระทัยไปเองว่าคนอื่นเขาจะเห็นพระองค์อย่างนั้น จึงทรงประมาทไปหน่อย เสด็จไปเฝ้ากรมพระนครสวรรค์ที่ชะวา เมื่อเสด็จไปอังกฤษก็มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระปกเกล้าหลังจากที่ทรงสละราชสมบัติและประทับที่นั่น ทั้งหมดสายของสันติบาลก็รายงานมากรุงเทพ ท่านก็เลยไม่ไว้ใจ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวท่านทั้งหลายเองที่มักจะอ้างว่าเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของระบอบประชาธิปไตย ท่านก็เลยต้องกำจัดพระองค์เสียก่อน ผิดถูกก็ไว้ว่ากันทีหลังเท่านั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 21:55
|
|
ขอบคุณคร้าบบบบบบ คุณNAVARAT.C งั้นก็ถือว่าสมัยก่อนนั้น ขุนนางมีอำนาจมาก ถึงกับสั่งถอดพระอิสริยยศของพระองค์ให้เป็นสามัญชน เลวร้ายสะจริงจริง แล้วก็ยังน่าสงสาร พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าด้วย ที่ขอร้องให้ปล่อยเสด็จในกรมชัยนาท แต่กับไม่ปล่อย น่าสงสารพระองค์จัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 22:43
|
|
อย่าไปเหมารวมว่าสมัยก่อนเป็นอย่างนั้นหมดเลยครับ มันเป็นอยู่สมัยเดียวในระยะยี่สิบปีแรกที่ปฏิวัติล้มระบอบสมบูรณายาสิทธิราชได้ อย่าเรียกพวกท่านว่าขุนนางเลยเรียกว่าพวกผู้ก่อการดีกว่า ประเทศชาติตอนนั้นมีกษัตริย์ก็เหมือนไม่มี ผู้สำเร็จราชการกระทำการแทนภายใต้พระปรมาภิไธย ท่านนายกรัฐมนตรีก็สถาปนาตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งท่านผู้นำ พร้อมคำขวัญว่า "เชื่อท่านผู้นำ ชาติพ้นภัย" เล่นเอาชาติเกือบบรรลัยไปเหมือนกัน
ว่าแต่ว่าคุณpomsangเรียนถึงชั้นไหนแล้วครับ ผมอยากทราบ เผื่อจะได้คุยกันให้นานๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 23:00
|
|
ปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาตร์ คร้าบ คุณ NAVARAT.C แล้วคุณ NAVARAT.C เรียนที่ไหนหรือทำงานแล้วคร้าบบบ อ้อมีเมลล์ไหมครับถ้ามีขอด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pomsang
อสุรผัด

ตอบ: 31
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 06 ธ.ค. 09, 23:01
|
|
หวังว่าจะได้รู้จักกันนะคร้าบบบบบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 08 ธ.ค. 09, 23:08
|
|
การลี้ภัยไปต่างประเทศในสมัยนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างจากปัจจุบัน
การสื่อสารที่ไม่สะดวกทันใจอย่างในปัจจุบันนี้ การออกไปอยู่ไกลหูไกลตาหมายถึงการสื้อสารที่ยากลำบาก และหากประสงค์จะส่งเงินทองเข้ามาอุดหนุนการก่อการใดๆก็ทำได้ยาก ไม่สะดวกทันใจอย่างสมัยนี้
ดังนั้นการลี้ภัยไปต่างประเทศของพระบรมวงศ์ที่มีอำนาจในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงเป็นความพอใจของรัฐบาลด้วย
เห็นได้จากการที่กรมพระนครสวรรค์ทรงเดินทางออกนอกประเทศโดยขบวนรถไฟด่วนที่วิ่งทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก คณะราษฎรเป็นผู้จัดการให้ (คงจะด้วยความโล่งอก) ด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
|