ผมว่าเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของทั้งชายและหญิงประเภทศิลปินที่จะมีความคิดความเห็น บางทีก็ยากที่จะเข้าใจเช่นนี้ได้ เมื่ออารมณ์วูบขึ้นมาก็ปล่อยคำคิดคำพูดแบบกลอนพาไป คล้ายๆจะเพื่อความสะใจอะไรสักอย่างไม่ได้เตรียมคำพูดไว้ก่อนหรอก ครั้นพอมีสติทบทวนตนเองขึ้นมาได้ก็เสียใจ ต้องตามไปแก้ บางทีอีกฝ่ายหนึ่งก็เลือดศิลปินขึ้นหน้ามาบ้าง โกรธกันไปเลยก็มี
รุ้งกับอุไรวรรณก็พอกัน ในด้านเป็นนักฝันและนักอุดมคติ ถ้าหากว่ามีภาค ๒ รุ้งรอดจากสันติบาลกลับมาบ้านได้ ก็คงจะได้สานความฝันต่อด้วยกัน
แต่ก็จะไม่แปลกใจ ถ้าหนุ่มสาวคู่นี้จะไปกันไม่รอด รุ้งยังมีตรรกะรองรับการกระทำของเขา แต่อุไรวรรณนั้นไม่มีเลย เธอขึ้นลงวูบไหวเหมือนยอดคลื่นในทะเล ไร้ทิศทางเสียด้วย
ฉากรุ้งขอแต่งงานแล้วอุไรวรรณปฏิเสธด้วยอุดมคติเลื่อนลอย ทำให้นึกถึงฉากหนึ่งของชีวิต โนรี ในเรื่อง "หลายชีวิต"ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ชีวิตโนรี มีบางตอนอิงมาจากชีวิตของ "ยาขอบ"
ฉากนี้โนรีเอาเรื่องที่เขาแต่งเป็นเรื่องแรกไปให้คุณเล็ก ดอกฟ้าธิดาเจ้าของบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ได้อ่าน เพราะเธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือเหมือนเขา
คุณเล็กอ่านแล้ว ซาบซึ้งกับเรื่องของเขามาก เธอก็พูดถ้อยคำจับใจ ว่าเธออยากแต่งงานกับนักประพันธ์ ผู้มีสำนวนโวหารไพเราะ สามารถกล่อมคนได้ทั้งเมือง โนรีฟังแล้ว ก็ได้ "แรงใจและไฟฝัน" จากวาจานั้นขึ้นมาอีกมาก
แต่สิ่งที่โนรีไม่รู้ แต่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์รู้ และอธิบายให้คนอ่านฟัง คือคุณเล็กพูดไปยังงั้นเอง พูดเพราะอยากได้ยินคำพูดลึกซึ้งจับใจออกจากปากตัวเอง แต่พูดแล้วก็ลืมทันที ไม่ได้หวนกลับไปคิดอีก
เพราะอีกไม่นานต่อมาคุณเล็กก็แต่งงานไปกับหนุ่มลูกผู้ดี คู่ควรกับเธอ ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัตินักประพันธ์ตรงไหนเลย
โนรีก็อกหักไปตามระเบียบ
ถ้าเป็นน้าสะอาด จะบอกรุ้งว่า อย่าไปคืนดีกับอุไรวรรณเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ช่วยเสริมความฝันให้รุ้ง แต่ถ้าเสริมยอดขายแอสไพรินละก็ไม่แน่