เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15
  พิมพ์  
อ่าน: 74474 ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน : ชีวิตและงาน
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 195  เมื่อ 28 ธ.ค. 09, 22:35

เรื่องที่4 เป็นบทความวิชาการเรื่อง “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”
อันที่จริงเล่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นในบรรณพิภพด้วยซ้ำ

ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเขียนไว้ใน “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง”ว่า เมื่อต้องคำพิพากษาติดคุกครั้งแรกแล้วจึงได้เรื่มกระทำผิดกฏหมาย ด้วยการเขียนหนังสือ และได้ลักลอบส่งบทความออกมาจากคุกให้วารสารต่างๆอยู่เนืองๆ เป็นที่ทราบกันด้วยว่าได้ยืมชื่อพี่ชายคนหนึ่งใช้เป็นนามแฝง เมื่อก่อนพ้นโทษครั้งแรกได้ยินหลวงพิบูล ขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพูดในระหว่างการอบรมนักโทษการเมืองก่อนปลดปล่อยว่า ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดประชาธิปไตย แก้ไขให้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นโดยเร็ว (เพราะขณะนั้น มีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญห้ามไว้)

เมื่อเป็นอิสระจึงเขียนหนังสือ อธิบายถึงลัทธิการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปและเมืองไทย ใช้ชื่อร่วมกับพี่ชายที่ผู้อ่านรู้จักกันอยู่แล้ว ให้สำนักพิมพ์วางตลาดเมื่อหลวงพิบูลได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้ความจริงเข้ามาทุกนาทีแล้ว

แต่พอท่านได้เสวยอำนาจเข้าจริงๆ สันติบาลกลับระดมพลเข้าค้นทุกสำนักพิมพ์ เจอหนังสือ“พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ”เข้าก็ยึดไปตรวจ แล้วก็จัดการเผาทิ้งเสียทั้งหมดทั้งๆที่ไม่เจอความผิดพอที่จะตั้งข้อหาเอากับใครได้ แต่ก็ขึ้นบัญชีดำม.ร.ว.นิมิตรมงคลไว้ว่าเพิ่งพ้นโทษแต่ก็ยังหัวแข็งไม่หลาบจำ แล้วก็หาข้อหาอื่นมายัดให้กลับไปติดคุกอีกเป็นครั้งที่สองจนได้

หนังสือที่ตำรวจยึดไปทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งคงมีใครหยิบเอาไปอ่านที่บ้านบ้างและตกค้างอยู่ ลูกหลานเอามาบริจาคให้ห้องสมุด หาเจอสองสามเล่มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งได้นำมาเป็นต้นฉบับในการพิมพ์ขึ้นใหม่ รวมเล่มกับเรื่องที่กล่าวมาแล้วในหนังสือ “ระลึก100ปีชาตกาลม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน”
 


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 196  เมื่อ 28 ธ.ค. 09, 22:41

ม.ร.ว.นิมิตรมงคลสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อผลิตผลงานได้เพียงเท่านี้  โรคร้ายตัวสำคัญที่เบียดเบียนอยู่คือวัณโรค สมัยนั้นยังไม่มียารักษาให้หายได้ หลังพ้นโทษจากเกาะเต่า ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเหลือปอดทำงานได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น

บุญทำกรรมแต่ง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้พบเนื้อคู่ในช่วงนี้ บรรจบพันธุ์ สังขดุลย์ ครูที่กำลังเริ่มต้นปลุกปั้นโรงเรียนอนุบาลสวนเด็กของตนเอง ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่แล้วและรู้อนาคตดีว่า ถ้าแต่งงานกันฝ่ายชายก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ฝ่ายหญิงก็มีความมั่นใจสูงและเด็ดเดี่ยวมาก เธอมองทะลุสังขารของม.ร.ว.นิมิตรมงคลไปที่สมองและจิตใจ เมื่อผู้ใหญ่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจได้ ทั้งสองจึงได้แต่งงานกันโดยมีสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรทรทรงเมตตาเป็นเจ้าภาพและประทานแหวนเพชรวงน้อยให้ฝ่ายชายสวมให้ฝ่ายหญิง ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้ประสพความสุขสมหวังครั้งแรกในชีวิต



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 197  เมื่อ 28 ธ.ค. 09, 22:52

ท่ามกลางวันคืนแห่งความสุขในชีวิตสมรส วันหนึ่งรัฐบาลได้ออกประกาศคืนยศฐาบรรดาศักดิ์ที่รัฐบาลก่อนยึดไปให้แก่นักโทษทั้งหมดที่ได้รับนิรโทษกรรม ม.ร.ว.นิมิตรมงคลจะได้รับยศเรืออากาศโทคืนเป็นนายทหารนอกราชการและได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนย้อนหลัง เมื่อปรึกษากับภรรยาแล้วเห็นว่าสมควรรับไว้ จึงเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่สถานีดอนเมือง เจอกับลูกศิษย์นายทหารอากาศที่นั่นถามว่าครูจะให้ช่วยอะไรบ้าง แทนที่จะขอให้หารถไปส่งที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ กลับขอยืมจักรยานถีบไปกลางแดดเปรี้ยงของเดือนเมษายน แม้เหนื่อยแทบขาดใจยังฝืนสังขารจนกลับถึงบ้าน แต่ก็สุดวิสัยที่ร่างกายจะฟื้นคืนได้ กลางดึกนั้นเอง ปอดที่ทำงานหนักเกินกำลังก็ค่อยๆหมดเรียวแรงลงจนสงบไปในที่สุด ม.ร.ว.นิมิตรมงคลถึงแก่กรรมต่อหน้ามารดาและภรรยา หมดโอกาสได้เห็นลูกชายที่กำลังจะเกิดหลังจากนั้นเพียง45วันเท่านั้นเอง



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 198  เมื่อ 29 ธ.ค. 09, 07:04


อวสาน


ขอบพระคุณ
อาจารย์เทาชมพูผู้เปิดกระทู้นี้ ทำให้ผมได้มีโอกาสกลับไปเป็นเด็กไฟแรง พยายามค้นคว้าหาข้อมูลมาทำรายงานส่งอาจารย์ แม้จะไม่มีคะแนนให้

ขอบพระคุณ
ผู้เข้ามาร่วมสนทนาในกระทู้ ท่านทำให้ผมไม่รู้สึกว่าถูกปล่อยเกาะอยู่แต่เดียวดาย แม้จะไม่ใช่เกาะเต่าก็ตาม

ขอบพระคุณ
ท่านผู้อ่านที่ติดตามอย่างอดทนมาเงียบๆจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าผมไม่ทราบว่ามีพวกท่านวนเวียนเข้ามาในกระทู้ ผมก็คงโดดน้ำหนีขึ้นฝั่งไปนานแล้ว
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 199  เมื่อ 29 ธ.ค. 09, 09:21

ในที่สุด ม.ร.ว.นิมิตรมงคลถึงแก่กรรมต่อหน้ามารดาและภรรยา หมดโอกาสได้เห็นลูกชายที่กำลังจะเกิดหลังจากนั้นเพียง45วันเท่านั้นเอง

หน่อน้อย ๆ ของ ม.ร.ว.นิมิตรมงคล ได้เล่าถึงความรู้สึกที่แม่มีต่อพ่อไว้ว่า

แม่เล่าว่าแม่รักพ่อเพราะเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ดีทุกกริยามารยาท พูดกับแม่ไพเราะ และไม่เคยกล่าวคำหยาบหรือไร้สาระ ไม่เคยรำพันพิลาปเรื่องเคราะห์กรรมที่ผ่านา ไม่พยาบาทอาฆาต พ่อเป็นนักคิด นักเขียน เป็นนักอุดมคติ และเป็นกวี สามารถกระทั่งอ่านบทกวีของวิลเลียม เชคสเปียร์แล้วแปลออกมาเป็นฉันทลักษณ์ไทยได้โดยทันที แม่บอกว่าแม่แต่งงานกับพ่อเพราะเชื่อว่าลูกจะต้องออกมีอะไรเหมือนพ่อ

จากหนังสือ ชีวิตที่ลิขิตไว้ ของ คุณหญิงบรรจบพันธุ์ นวรัตน ณ อยุธยา เรียบเรียงโดย ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน

เท่าที่ติดตามกระทู้นี้มาแต่ต้น พิสูจน์ได้ว่าความเชื่อของคุณหญิงบรรจบพันธุ์ที่ว่า ลูกจะต้องออกมีอะไรเหมือนพ่อ นั้นเป็นความจริง

 ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 200  เมื่อ 29 ธ.ค. 09, 09:23

ขอบคุณคุณ N.C. อย่างยิ่ง   สำหรับกระทู้ที่มีคุณค่า ด้วยเนื้อหาสาระ กระทู้นี้
แม้ว่าคุณอาจจะเขียนจบแล้ว แต่ผลงานของม.ร.ว. นิมิตรมงคล ยังไม่จบ
มีอะไรให้เอ่ยถึงอีกหลายประเด็น

จะแตกเป็นกระทู้อื่นต่อไปอีกค่ะ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 201  เมื่อ 29 ธ.ค. 09, 12:00

ขอบคุณ คุณ N C อย่างมากครับ

อ้างถึง
คุณสอ มีบรรดาศักดิ์เป็นคุณหลวง   ได้เป็นในปีไหนไม่ทราบ แต่ในปี 2475 คุณหลวงเพิ่งอายุ ๒๙ ปี เท่านั้น

      จากนิตยสาร สารคดี ฉบับ พจนานุกรมชีวิต สอ เสถบุตร โดย ศรัณย์ ทองปาน -

G garter

The King gartered him.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งให้เขาเป็นขุนนาง

          ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ในอังกฤษ สอ เศรษฐบุตร มีความสนใจในงานหนังสือพิมพ์มาก เขาทำหน้าที่เป็นเลขานุการ
ของสามัคคีสมาคม ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษ ทั้งยังรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการของ สามัคคีสาร นอกจากนั้น
เขายังสรุปข่าวต่างประเทศในรอบสัปดาห์ส่งให้แก่หนังสือพิมพ์ไทย และเขียนบทความภาษาอังกฤษมาลงใน Bangkok Times
และ Bangkok Daily Mail เป็นประจำ เพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวทางเมืองไทย
           แม้จนเมื่อกลับมารับราชการแล้ว งานเขียนต่าง ๆ ของสอก็ยังคงมีปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่สม่ำเสมอ
โดยเฉพาะบทความที่ใช้นามปากกาว่า Nai Nakorn (นายนคร) ของเขา ที่ลงพิมพ์ใน Bangkok Daily Mail

          ทัศนะของนายนครเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก ถึงกับโปรดให้
สืบหาตัวผู้เขียน และเมื่อทราบว่าเป็นข้าราชการในกรมโลหะกิจและภูมิวิทยา กระทรวงเกษตราธิการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้โอนมารับราชการในกรมราชเลขาธิการแทน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๑

            จุดสูงสุดในชีวิตราชการของสอมาถึงตั้งแต่อายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี ได้แก่ชั้นยศเสวกโท ซึ่งเป็นยศของข้าราชการพลเรือน
เทียบเท่านายพันโท กับได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงมหาสิทธิโวหาร เจ้ากรมกองเลขาธิการองคมนตรี สังกัดกรมราชเลขาธิการ
นอกจากนั้น หลวงมหาสิทธิโวหาร ยังได้รับราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในหน้าที่ต่างๆ ที่ทรงพระกรุณาฯ อีกหลายประการ เช่น
ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ไทย ของกรมพระคลังข้างที่ ซึ่งถือเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
            ดังนั้น เมื่อการยึดอำนาจของคณะราษฎรมาถึง ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ หลวงมหาสิทธิฯ ก็ย่อมถูก "หางเลข"
ไปด้วยอย่างเต็มที่

            เริ่มจากการถูกสอบสวน แล้วย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ต่อมาอีกไม่กี่เดือน ก็ถูกโยกกลับไปถิ่นเดิมคือ
กรมโลหะกิจอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเมื่อสิบปีก่อน เขาจะเคยรู้จักมักคุ้นกับหลายคนในคณะผู้ก่อการฯ ซึ่งก็คือนักเรียนไทยในฝรั่งเศส
ที่เขาเคยกล่าวถึงไว้ในจดหมาย แต่ในวันที่กระแสการเมืองกำลังเชี่ยวกรากเยี่ยงนั้น หลวงมหาสิทธิโวหารเล็งเห็นว่าคงเอาดีใน
ทางราชการได้ยาก จึงตัดสินใจลาออกในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๗๕
            หลังจากลาออกได้ไม่ถึงเดือน ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมก่อตั้งโรงเบียร์ของบุญรอดบริวเวอรี อันเป็นกิจการของพระยาภิรมย์ภักดี
(บุญรอด เศรษฐบุตร) ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการหนึ่งในห้าคนของบริษัท ทั้งยังคงเขียนบทความ
โจมตีรัฐบาลใหม่ในหน้ากระดาษของ Bangkok Daily Mail อยู่เนือง ๆ
บันทึกการเข้า
JD
มัจฉานุ
**
ตอบ: 63


ความคิดเห็นที่ 202  เมื่อ 30 ธ.ค. 09, 19:43

ขอบพระคุณสำหรับเรื่องที่โหด มัน แต่ฮาไม่ออก

อยากทราบว่าจาก คคห 196
เสด็จในกรมฯ เสด็จเป็นองค์ประธานในฐานะเจ้านายหรือสหายร่วมตะรุเตา?


และจากวันสมรสจนวันมรณกรรมคุณชาย
เป็นเวลาเท่าไร?

กราบขอบพระคุณอีกครั้ง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 203  เมื่อ 30 ธ.ค. 09, 21:34

ตอนถูกสันติบาลจับหลังเป็นอิสระจากการติดคุกคดีกบฏบวรเดชได้ไม่นาน  ม.ร.ว.นิมิตรมงคลถูกนำมาฝากขังที่โรงพักพระราชวัง ตรงตลาดท่าเตียน  เมื่อมาถึงก็ตกตะลึงเพราะที่นั่น กรมขุนชัยนาทฯประทับอยู่ในห้องขังห้องหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ตำรวจห้ามไม่ให้บุคคลทั้ง2พูดกัน แต่หลังจากสั่งฟ้องและนำไปขังที่เรือนจำด้วยกัน  ตลอดจนร่วมเป็นจำเลยในศาลพิเศษ จึงได้มีโอกาสได้ใกล้ชิด และทรงประทานเมตตาต่อ ม.ร.ว.นิมิตรมงคลมาก เมื่อม.ร.ว.นิมิตรมงคลถูกปล่อยเกาะเต่า(ไม่ใช่ตะรุเตานะครับ) แต่กรมขุนชัยนาทฯ(ตอนนั้นเขาปลดยศฐาบรรดาศักด์เป็นนักโทษชายรังสิต)เขาเอาไว้ที่บางขวาง

ดังนั้น เมื่อจะแต่งงาน ม.ร.ว.นิมิตรมงคลได้เข้าเฝ้าขอให้พระองค์ท่านแต่งให้ จึงทรงรับเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว เสด็จมาทรงสู่ขอเจ้าสาวต่อพ่อแม่ด้วยพระองค์เองถึงที่บ้านซอยนามบัญญัติและประทานแหวนให้เจ้าบ่าวสวมให้เจ้าสาว ส่วนการแต่งงานเป็นพิธีง่ายๆที่วังวิทยุของพระองค์ท่าน เชิญนายอำเภอมาจดทะเบียนสมรสให้ที่วัง หลังจากนั้นก็ประทานน้ำสังข์ แล้วพ่อแม่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ร่วมรดน้ำเป็นอันเสร็จพิธี แล้วประทานเลี้ยงน้ำชาแก่ทุกคน คืนนั้นมีงานเลี้ยงฉลองสมรสกันเองในหมู่ญาติมิตรที่บ้านของเจ้าสาว

วันแต่งงาน 22สิงหาคม2490 หลังจากนั้นเก้าเดือนเศษ วันแห่งการพลัดพรากชั่วนิรันดร์ก็มาถึงในวันที่ 11มิถุนายน2491
บันทึกการเข้า
JD
มัจฉานุ
**
ตอบ: 63


ความคิดเห็นที่ 204  เมื่อ 31 ธ.ค. 09, 20:53

จาก คคห ๒๕


หลังจากชีวิตแต่งงานของเราผ่านไปได้ ๗ เดือนกว่า คุณชายก็ได้จากข้าพเจ้าไปโดยกระทันหัน ทิ้งลูกชายน้อย-ชัยนิมิตร-ไว้ให้ข้าพเจ้าเป็นตัวแทน ซึ่งแม้แต่พ่อของเขาเองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นชมเชยลูก เพราะเธอสิ้นไปก่อนลูกเกิดเพียง ๔๕ วัน คือในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑ สิริรวมอายุได้ ๓๙ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน



และท่อนนี้ วันที่คลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย



วันแต่งงาน 22สิงหาคม2490 หลังจากนั้นเก้าเดือนเศษ วันแห่งการพลัดพรากชั่วนิรันดร์ก็มาถึงในวันที่ 11มิถุนายน2491
บันทึกการเข้า
JD
มัจฉานุ
**
ตอบ: 63


ความคิดเห็นที่ 205  เมื่อ 31 ธ.ค. 09, 21:02

หากคุณชายมีอายุยืนยาวกว่านี้ คงมีโอกาสเล่าเรื่องราวสารพัดสารพันที่น่าสนใจเกี่ยวกับตึกหลังนี้
น่าเสียดายอย่างยิ่ง


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 206  เมื่อ 31 ธ.ค. 09, 23:50

อ้างถึง
วันแต่งงาน 22สิงหาคม2490 หลังจากนั้นเก้าเดือนเศษ วันแห่งการพลัดพรากชั่วนิรันดร์ก็มาถึงในวันที่ 11มิถุนายน2491

ผมผิดไปเองครับ ขอประทานโทษเป็นอย่างสูง หลงเผลอไผลไปทั้งๆที่หลักฐานก็มีอยู่ครบ จะพิมพ์เมษายนนิ้วไปจิ้มเป็นมิถุนา เลยนับนิ้ววันเดือนปีมั่วไปด้วย ขอบพระคุณคุณJDที่ทักท้วงนะครับ



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 207  เมื่อ 01 ม.ค. 10, 00:04

สวัสดีปีใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
JD
มัจฉานุ
**
ตอบ: 63


ความคิดเห็นที่ 208  เมื่อ 01 ม.ค. 10, 16:23

ห้วงเวลาแห่งความสุขของคุณชายและคุณหญิงบรรจบพันธุ์ช่างแสนสั้น
คุณหญิงท่านคงใช้ชีวิตอย่างเตรียมพร้อมและตั้งมั่นนับแต่วันที่ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
แต่คุณหญิงก็นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องส่งปิ่นโต
หรือย้ายครัวเรือนมาตั้งหน้าบางขวางเหมือนบางคู่


รูปงานศพโตเท่าแสตมป์ หากได้ชมขนาดจัมโบ้จะเป็นพระคุณมากๆๆๆ

ใคร่ขอทราบอีกสักหน่อยว่าตอนที่คุณชายตกตะลึงเมื่อพบเสด็จในกรมที่ สน พระราชวังนั้น
ทั้งสองรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า หรือเป็นการรู้จักฝ่ายเดียวตามธรรมดาที่ใครๆ ก็รู้จักเจ้านาย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 209  เมื่อ 01 ม.ค. 10, 16:58

ม.ร.ว.นิมิตรมงคลเคยเป็นนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ทูลกระหม่อมบริพัตรนมนานก่อนไปเป็นศิษย์การบิน น่าจะได้คุ้นเคยเจ้านายหลายองค์อยู่แม้อาจจะไม่มีโอกาสเพ็ดทูลอะไรท่านก็ตาม เมื่อเห็นเสด็จในกรมชัยนาทจึงจำได้แม่นยำ

นอกจากนั้น ประสพการณ์ที่เคยถวายงานใกล้ชิดเจ้านายทำให้ไม่เกร็งที่จะปฏิบัติถวายเสด็จในกรมในยามที่ได้ร่วมเคราะห์กรรมที่บางขวาง ทำให้พระองค์โปรดม.ร.ว.นิมิตรมงคลเหมือนลูกหลาน

รูปแต่งงานต่อด้วยงานศพอยู่อัลบั้มเดียวกัน มีบันทึกด้วยลายมือของม.ร.ว.นิมิตรมงคลอยู่ และกล่าวถึงความสัมพันธ์ของตนกับเสด็จในกรมด้วย ผมยังเกรงใจผู้อ่าน ไม่ทราบจะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปหรือเปล่าหากนำลงในกระทู้นี้ต่อ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.174 วินาที กับ 19 คำสั่ง