NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 105 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 07:38
|
|
เมื่อนายเพิ่มแผลงฤทธิ์กลับคำให้การและกล่าวหาเจ้าพนักงานสอบสวน ตำรวจก็ระดมพลมาให้การโต้ ประเด็นที่ศาลเชื่อตำรวจแล้วนำมาอ่านก็คือ เมื่อไม่สมัครใจแล้วไปลงลายมือชื่อหรือพิมพ์นิ้วมือเล่า ศาลลืมนึกไปว่าถ้าจำเลยไม่ยอมทำเช่นนั้นล้วตำรวจยินยอมให้เดินกลับออกไปโดยดีแล้วเขาจะมาร้องหาความยุตติธรรมบนศาลว่าถูกขู่เข็ญอย่างไรได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 07:46
|
|
ขอประทานโทษ นี่ไม่ใช่ศาลสถิตย์ยุติธรรม แต่เป็นศาลเตี้ยของผู้เผด็จการ และสมุนบริวาร อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนแล้ว ในศาลนี้ถึงแกจะถูกอย่างไร แกก็ผิดอยู่ดีนั่นแหละ เพราะแกไม่ใช่พวกฉัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 107 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 08:10
|
|
สรุป ศาลเชื่อว่าทั้งนายและคนขับรถคู่นี้ ได้คบคิดกันจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะเอาพระปกเกล้าผู้ทรงท้อถอยพระทัยสละราชบัลลังก์ไปแล้วให้กลับมาเป็นกษัตริย์ใหม่แทนพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลที่ทรงกำลังเป็นความหวังของประชาชาติในฐานะพระประมุขในระบอบประชาธิปไตย ที่แย่กว่านั้นคือจะเอาพระยาทรงสุรเดชหัวหอกในการล้มระบอบราชาธิปไตย ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยใช้ทุนทรัพย์ในการดำเนินการโค่นล้มเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนี้จากกรมพระนครสวรรค์ที่โดนพวกพระยาทรงสุรเดชเนรเทศไปต่างประเทศ
ไม่ทราบว่าใครหนอ ที่เขียนบทละครน้ำเน่าสนิทเรื่องนี้ให้บรรดาผู้มีเกียรติมาแสดงเป็นคณะผู้พิพากษาในศาล แต่ท่านก็แสดงกันได้คุ้มค่าตัวทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 108 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 10:36
|
|
ที่หน้าห้องขังนั้นเอง ข้าพเจ้ายืนตะลึง เกือบไม่เชื่อตาตนเอง กรมขุนชัยนาทฯ ประทับอยู่บนเก้าอี้ในห้องขังนั้น
ข้าพเจ้ายกมือขึ้นถวายบังคม และกำลังจะเดินเข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ แต่นายสิบยามเดินแซงเข้ามากันข้าพเจ้าไว้ และนำไปยังห้องขังอีกห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกัน
การที่ได้เห็นกรมขุนชัยนาทฯ ในห้องขังนั้น ดูเป็นของประหลาดเหลือเชื่อ นี่เมืองไทยมาถึงยุคทมิฬจริงแล้วหรือ รัฐบาลหลวงพิบูลฯ ช่างทะนงองอาจเสียเหลือเกิน ที่จับพระโอรสของพระพุทธเจ้าหลวงมาเข้าห้องขัง ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลควรละอายใจในการังแกพระบรมวงศ์พระองค์นี้ ซึ่งชนทั้งหลายย่อมทราบดีว่าเป็นเจ้านายที่พระทัยบุญ ปรารถนาแต่กุศลกิจ พระองค์ได้บำเพ็ญคุณานุคุณไว้แก่ชาติเป็นอเนกประการ อาทิเช่น ตั้งโรงพยาบาลศิริราชห ก่อตั้งมหาวิทยาลัย และกรมสาธารณสุขขึ้นเป็นปฐม ทรงตรากตรำงานจนประชวรหนักจึงลาออก ตั้งแต่นั้นก็สนพระทัยบำรุงศิลปกรรม ดนตรีและศาสนา หลวงพิบูลฯ ควรจะเข้าใจได้ว่าผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงคิดแย่งอำนาจในทางการเมือง กับผู้ที่รักวิทยาการและความงามของศิลปกรรมนั้นจะเป็นคน ๆ เดียวกันไม่ได้ แต่หลวงพิบูลฯ อาจหลงตนเองเกินไปจนเชื่อคำยุยงใส่ร้ายว่ากรมชุนชัยนาทฯ ถ่อมพระองค์ลงมาเป็นปรปักษ์กับตนตอนหนึ่งจากหนังสือชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง และนี่เป็นความเห็นของ ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน กราบทูลกรมขุนชัยนาทฯ ขณะอยู่ในเรือนจำ I bet those men in power don't understand that your Royal Highness takes no interest in politics. Such fool ! 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 109 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 11:20
|
|
ความสัมพันธ์ในยามยากของ ม.ร.ว.นิมิตรมงคลกับกรมขุนชัยนาทนเรนทร ได้ก่อตัวขึ้นในคุก เสด็จในกรมฯ ทรงให้ความเอื้อเอ็นดู ม.ร.ว.นิมิตรมงคลตลอดอายุขัย
พ่อแต่งงานกับแม่ในวังของสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทรผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมัยนั้น ซึ่งทรงเป็นอดีตนักโทษการเมืองของรัฐบาลจอมพล ป.ด้วย ทรงประทานความเมตตาสนิทสนมแก่พ่อ หลังจากที่ประทานน้ำสังข์แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็กลับมาจัดงานเลี้ยงฉลองทีบ้านโรงเรียนสวนเด็กนั่นเอง มีเพื่อนฝูงมาร่วมงานมากพอสมควร ก่อนการแต่งงานกรมพระยาชัยนาทนเรนทรเสด็จมาสู่ขอแม่กับคุณตาคุณยายถึงบ้าน นับเป็นเกียรติอย่างสูงของครอบครัวสังขดุลย์ของแม่ ทรงประทานแหวนเพชรให้พ่อสวมเป็นแหวนหมั้นแก่แม่ ซึ่งแม่สวมมันไว้ตลอด บั้นปลายของชีวิตพูดไม่ได้แล้วผมจึงขอถอดเก็บไว้
จากหนังสือ ชีวิตที่ลิขิตไว้ ของ คุณหญิงบรรจบพันธุ์ นวรัตน ณ อยุธยา เรียบเรียงโดย ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 110 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:07
|
|
คุณเพ็ญชมพูที่เข้ามาจบเรื่องของเสด็จในกรมอย่างนิ่มนวล ผมขอขอบคุณด้วยภาพอันเป็นสมบัติมีค่าของม.ร.ว.นิมิตรมงคลที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่ลูก นี่เป็นผมดอกนะจึงขอเอามาลงได้เพราะเจ้าของเขาหวงมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 111 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:10
|
|
ดีใจที่ได้อ่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:11
|
|
ต่อไปเป็นคดีระหว่าง อัยการศาลพิเศษ โจทก์
และ
พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ร้อยโท เผ่าพงษ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นายดาบ ผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร้อยตรีบุญมาก ฤทธิ์สิงห์ พันโท พระสุวรรณชิต (วร กังสวร) ร้อยเอกดาว บุญญเสฐ
จำเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 113 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:15
|
|
คดีนี้บิดาและบุตรชายวัยหนุ่มคะนองสองคนถึงจะอยู่ในรั้วเดียวกันแต่คนละบ้านจึงไม่ค่อยได้พบกัน เมื่อถูกจับตัวไปพบกันในคุก ต่างฝ่ายต่างต่อว่าซึ่งกันและกันว่าไปทำอะไรมาให้ตนรับเคราะห์ไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 114 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:17
|
|
ส่วนพระสุวรรณชิตคนรู้จักกันที่ไปมาหาสู่อยู่2-3ครั้ง เจ้าคุณเทพท่านนึกว่าเป็นเรื่องของการค้าขายเพราะพระสุวรรณชิตเป็นนายทหารนอกราชการมีอาชีพโดยเปิดเผยว่าทำการค้าอยู่ แต่เพิ่งจะมาเปิดเผยกันในศาลว่าเป็นสายลับหมายเลข100 จะพยายามเข้าไปสืบเสาะว่าเจ้าคุณเทพเล่นการเมืองนอกสภาอยู่หรือเปล่า เล่นเอางงกันไปหมดว่าแล้วไฉนกลับมาโดนข้อหาว่าร่วมกันคบคิดล้มล้างรัฐบาลที่ทั้งคู่ก็ตอบไม่ได้
ร้อยตรีบุญมาก ฤทธ์สิงห์ เป็นนักเรียนนายร้อยคนละรุ่นกับร้อยโทเผ่าพงษ์ รู้จักแต่ไม่สนิทกัน เคยไปหาเจ้าคุณเทพครั้งเดียวหลายปีก่อนหน้าเรื่องทุนเล่าเรียน ทั้งๆที่ไม่รู้จักใครเลยแต่ขบวนการคนขับรถทั้งหลายก็มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ จัดให้รัอยตรีบุญมากอยู่ในขบวนนายทหารผู้จ้างวานให้สวะตัวหนึ่งไปยิงหลวงพิบูลที่เชิงสพานมัฆวานด้วย แต่สวะตัวนั้นไม่กล้ายิง แถมมาเป็นพยานให้ตำรวจเอาผิดนายทหารเหล่านั้นเสียด้วย
ร้อยเอกดาว บุญญเสฐ เข้าออกบ้านเจ้าคุณเทพบ่อยเมื่อมีงาน เป็นทหารธรรมะธรรโมจึงเป็นผู้อาราธนาพระสงฆ์ในพิธีบุญ ถูกซัดทอดกับเขาด้วย เวลาให้การในศาลก็เนื้อถ้อยกระทงความเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่คนนี้ศาลเชื่อ พิพากษาให้ปล่อยตัวไป คนอื่นต้องโทษประหารชีวิตหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 115 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:19
|
|
ศาลเชื่อคำให้การของนายชลอ ฉายกระวีพยานโจทก์ที่บอกว่าไปหาร้อยโทเผ่าพงษ์ ศาลได้บอกกลายๆทำให้เดาได้ว่านายชลอเป็นนักเลงหัวไม้ ตำรวจเลี้ยงไว้เพื่อเอาปรักปรำเหยื่อ เพราะไม่ได้ระบุว่าอยู่ๆตนไปสนิทชิดเชื้อกับร้อยโทเผ่าพงษ์ได้อย่างไร แล้วทำไมร้อยโทเผ่าพงษ์จึงไว้ใจขนาดพาไปพบท่านบิดาที่อยู่พร้อมๆกับคนอื่นๆให้ไปทำงานใหญ่ค่าจ้าง5000บาท และมอบปืนพกให้ล่วงหน้าเพื่อนัดกันไปยิงหลวงพิบูลที่จะนั่งรถผ่านสพานมัฆวาน แต่เนิองจากรถแล่นเร็วเกินไปนายชลอไม่กล้ายิง แผนใหญ่จึงล้มเหลวไม่เป็นท่า
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง นายทหารหนุ่มๆเหล่านี้สมควรที่รัฐจะเอาไปฆ่าทิ้งเสียให้หมด ใช้ได้ที่ไหน อุตส่าห์เล่าเรียนจบโรงเรียนนายร้อยมา แต่ขี้ขลาดตาขาวเสียชื่อนายทหารของชาติ อยากจะยิงเขาแต่ไม่กล้าไปจ้างวานสวะสังคมมายิงแทน แล้ววางจุดไปดักยิงที่ไหนไม่ไป เอามันที่เชิงสพานมัฆวานที่รถจะต้องวิ่งเต็มกำลังมันซะเลย ฉลาดแท้ เจ้าคุณเทพก็เช่นกัน ท่านเป็นถึงแม่ทัพของสมเด็จพระธีรราชเจ้า นำทหารอาสาไปราชการสงครามในยุโรป ท่านจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นแผนนี้ไม่ได้ เมื่อแผนล้มเหลวเพราะสวะตัวเดียว ไม่กล้ายิงแล้วยังนำความไปบอกตำรวจเสียอีกเช่นนี้ ท่านสมควรแก่โทษประหารเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 116 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:23
|
|
พยานรุมกันกล่าวถึงหลวงสงครามวิจารณ์ ท่านผู้นี้จะปรากฏเป็นยาดำไปแทบทุกคดีมีผู้พบเห็นว่าได้เข้ามาร่วมประชุมด้วยอย่างโน้นอย่างนี้
ในวันที่ผู้เผด็จการส่งลูกน้องไปจับกุมตัวพระยาทรงสุรเดชที่กรมทหารราชบุรี ได้แยกสายกันจับอดีตนายทหารคนสนิทของท่านในที่ต่างๆกันด้วย พันตรีหลวงราญรณกาจ ได้ต่อสู้จนถูกยิงตาย พันตรีหลวงวรณสฤช ถูกจับที่ปากพนัง เมื่อสันติบาลคุมตัวมาถึงชุมพร ผู้ต้องหารายนี้ได้ฆ่าตัวตาย พันตรีหลวงสงครามวิจารณ์ออกจากราชการไปประกอบอาชีพส่วนตัวอยู่ยะลา ทางราชการแถลงว่าระหว่างทางมีคนร้าย9คนจะเข้ามาแย่งตัว หลวงสงครามวิจารณ์พยายามจะแย่งปืนจากตำรวจจึงถูกยิงตาย เบื้องหลังนั้นไม่มีใครทราบว่านายทหารทั้ง3เจตนาจะให้ตนเองตาย หรือมีใครจัดให้
ข่าวเหล่านี้ออกมาติดๆกับข่าวที่ว่าพระยาทรงสุรเดชหนีไปอินโดจีนแล้ว ประชาชนจึงอยู่ในข้างเชื่อว่าเกิดการปะทะกันแตกดับระหว่างพระยาทรงและหลวงพิบูลจริงๆเนื่องจากหลวงพิบูลเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน แต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นชื่อนายทหารทั้งสามก็จะไปปรากฏในสำนวนฟ้องเหยื่อทั้งหลายให้ดูหนักแน่นขึ้น เพราะคนทั่วไปเชื่อเสียแล้วว่าผู้เสียชีวิตทั้ง3มีความผิดจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 117 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:27
|
|
บุญมากที่น่าสงสาร คำฟ้องที่สาหัสสากรรจ์ต่อเขามีอย่างเดียว คือร่วมจ้างวานและเป็นผู้นำนายชลอไปดักยิงหลวงพิบูลในช่วงเดือนตุลาคม เขามีพี่สาวมาให้การเป็นพยานแก้ต่างว่า ในระหว่างระยะเวลาที่อัยการอ้างในฟ้องนั้น เธอกำลังเจ็บหนักอยู่โดยมีน้องชายเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา ศาลมีความเห็นว่า จำเลยนำพยานมาให้การเพียงปากเดียว ความผิดอื่นๆ(คือไปร่วมประชุมที่นั่นที่นี่ เพื่อล้มล้างรัฐบาล) ที่จำเลยให้การปฏิเสธโดยอ้างตนเป็นพยานไม่สามารถเบิกพยานบุคคลอื่นๆมานำสืบได้ จำเลยจึงไม่พ้นผิดอยู่ดี บุญมากเป็นหนึ่งใน18ที่โดนประหารร่วมกับร้อยโท เผ่าพงษ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นายดาบ ผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พันโท พระสุวรรณชิต ส่วนพลโท พระยาเทพหัสดินให้ลดโทษประหารลงเหลือจำคุกตลอดชีวิตเพราะเคยประกอบคุณความดีในอดีต
ทำไมพลโท พระยาเทพหัสดินจึงไม่ใช่พวกของเขา ในหนังสือประวัติของท่าน เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรครั้งแรก ท่านได้เป็นส.ส.คนแรกของประเทศไทย โดยได้เป็นผู้แทนที่คนกรุงเทพลงคะแนนให้อย่างท่วมท้นโดยไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องมีหัวคะแนน ท่านเป็นคนที่กล่าวอภิปรายตำหนิผู้ที่ใช้อำนาจทหารและตำรวจในสภาอย่างรุนแรง ที่นำกำลังพลถืออาวุธมายืนคุมเชิงรักษาความปลอดภัยให้ตนในสภา สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากแก่ผู้มีอำนาจเหล่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 118 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:29
|
|
ผมจะขอจบเรื่องของท่านด้วยบันทึกที่ท่านเขียนไว้เอง 1
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 119 เมื่อ 04 ธ.ค. 09, 13:29
|
|
2
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|