jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 17:50
|
|
26.สิงโตจีน สิงโตจี็นเป็นสัตว์ที่ไทยเราได้มาจากประเทศจีน สิงโตจีนโดยปกติ จะมีขนปกคลุมยาวต่างจากสิงห์ชนิด อื่น ในประเทศไทย ท่านสามารถพบสิงโตจีนได้ทั่วไปตามวัดวาอาราม หรือ แม้กระทั่งศาลเจ้่าจีนเกือบทุกแห่ง ในตำรานี้ตัวเป็นสิงโต หน้าและหัวแบบสิงโตจีน ลายขนไหล่แบบลายจีนlสีตัวพื้นเหลือง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:00
|
|
27.อสุรวายุภักษ์ อสุรวายุภักษ์ ครึ่งนกยักษ์ครึ่งนกอินทรีย์ ลำตัวท่อนบนเป็นยักษ์ ปากขบตาจระเข้ สวมมงกุฎน้ำเต้า มีกาบรับบัวแวง แต่ในตำรานี้เขียนเป็นมงกุฎยอดชัย ท่อนล่างเป็นนกอินทรีย์ พื้นกายสีน้ำเงินบางตำราว่าสีเขียว ในขบวนแห่เรือทางชลมารค มีเรื่อชื่อ อสุรวายุภักษ์ จัดเป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือกระบวนเขียนลายทอง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 และมีการซ่อมแซมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ปรากฎอยู่ทุกครั้งที่มีการเห่เรือ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:17
|
|
28.มัจฉานุ มัจฉานุ เป็นลูกของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา เนื่องจากเป็นลูกของ หนุมานจึงได้มีร่างกายเป็นลิง แต่มีหางเป็นปลาเช่นเดียวกับ นางสุพรรณมัจฉา แต่เมื่อนางสุพรรณมัจฉา ได้คลอด มัจฉานุด้วยการสำรอกออกมาแล้ว เกรงว่าทศกัณฑ์จะรู้ว่าเป็นลูกตน จึงได้นำ มัจฉานุไปทิ้งไว้ที่หาดริมทะเล หลังจากนั้น ไมยราพณ์ ซึ้งเป็นเจ้าเมืองบาดาลได้เดินทางมาพบและเก็บไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งภายหลัง หนุมานที่ได้ตามติด ไมยราพณ์ซึ่งลักพาตัวพระรามมาไว้ที่เมืองบาดาล จึงได้พบกับมัจฉานุซึ่งทำหน้าที่เฝ้าด่านสระบัวอยู่ทั้ง 2 จึงได้ต่อสู้กัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถเอาชนะกันได้เสียที จึงได้ถามมัจฉานุว่าเป็นลูกใครพ่อแม่ชื่ออะไร เมื่อได้ยินคำตอบของมัจฉานุหนุมานก็ดีใจมากเมื่อได้พบลูกของตนบอกว่าตนเป็นพ่อแต่มัจฉานุหาเชื่อไม่ จนต้องเหาะขึ้นไปหาวเป็นดาวเป็นเดือนจึงเชื่อเพราะแม่บอกไว้ เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาครั้งที่ 2 และศึกกรุงมลิวัน มัจฉานุจึงได้รับแต่งตั้งเป็น พญาหนุราช ครองกรุงมลิวัน การที่ช่างรวมมัจฉานุอยู่ในประเภทของสัตว์หิมพานต์นั้น คงเพราะเป็นสัตว์ผสมของลิงกับปลาอันเกิดจากจินตนาการนั่นเอง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:27
|
|
29.ดุรงคไกรสร ดุรงคไกรสรหรือดุรงค์ไกรสร มีลักษณะคล้ายกับ โตเทพอัสดร กล่าวคือทั้งคู่ เป็นสัตว์ผสมระหว่าง สิงห์กับม้า ตามตำนาน ดุรงค์ไกรสรมีกายเป็นม้าสีแดง มีหางสีดำ กีบสีดำเหมือนม้า ส่วนหัวเป็นสิงห์ที่มีลักษณะสง่า ชื่อ “ดุรงค์ไกรสร” มาจากคำบาลีโบราณ ๒ คำคือ “ดุรงค์” ซึ่งคือสายพันธุ์หนึ่งของม้า และคำว่า “ไกรสร” ซึ่งก็คือสิงห์นั่นเอง ดุรงค์ไกรสรเป็็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร อาหารที่กิน ก็คือสัตว์นานาชนิดในป่าหิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นกวาง หรือวัวควาย ลักษณะเด่นของดุรงค์ไกรสรคือ สามารถวิ่งได้เร็วดุจม้าและ มีความแข็งแรงอย่างสิงห์
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:30
|
|
30.อัสดรวิหค อัสดรวิหค เป็นม้าผสมที่เกิดจากม้าและนก ร่างกายเป็นม้ามีสีเหลืองเป็นสีพื้น ส่วนหัวเป็นนก มีขนคอเป็นสีส้มแดง ปีกมีสีแดงชาด กีบและหางมีสีดำ อัสดรวิหคสามารถ เหาะเหินเดินอากาศได้เพราะ ปีกที่มีพละกำลังมหาศาล เช่นเดียวกับม้าผสมประเภทมีปีกเช่น ม้าปีกและดุรงค์ปักษิณ อัสดรวิหคเป็นสัตว์ที่กิน ทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร อาหารหลักของอัสดรวิหคได้แก่ แมลง สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ตัวเล็กๆ และ เมล็ดพืช
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:38
|
|
31.สินธพกุญชร มีกายเป็นม้าสีเขียว แต่ส่วนหัวกลับเป็นช้าง อย่างคชสีห์ เรียกง่ายๆว่า ม้าหัวช้าง ตัวเป็นม้า ขาและหางเป็นม้า หัวเป็นคชสีห์ พื้นกายสี เขียวอ่อน ปทัดหลัง-หาง-กีบ ดำ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:43
|
|
32.ไกรสรจำแลง ไกรสรจำแลงมีหัวแบบมังกร และมีร่างเป็นราชสีห์ (สิงโต) จิตรกรบางท่านเรียกไกรสรจำแลงว่า "ไกรสรมังกร" ซึ่งมีความหมาย ตรงตัวว่ามังกรสิงห์
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 18:51
|
|
33.อสุรปักษา อสุรปักษา ครึ่งยักษ์ครึ่งนกบางทีว่าเป็นไก่ตัวผู้ ลำตัวท่อนบนเป็นยักษ์ ปากอ้าตากลม สวมมงกุฎหางไก่ ท่อนล่างเป็นนก(ไก่) มีปีกและหางเป็นนก(ไก่) พื้นกายสีเขียว ปีกและหางแดง สามารถบินได้เร็ว กินสัตว์และมนุษย์เป็นอาหารอย่างยักษ์
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:03
|
|
34.เทพนรสิงห์ เทพนรสิงห์หรือนรสีห์มีลักษณะเป็นมนุษย์ผู้ชายผสมกวางคือ บางส่วนเป็นมนุษย์ บางส่วนเป็นกวางหรือเนื้อทรายคือมีเท้าเป็นกีบอย่างอัปสรสีหะ ในประเทศไทยก็มีรูปของอัปสรสีหะ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่พอจะดูลักษณะได้ใกล้เคียงกับเทพนรสิงห์(เป็นคนละอย่างกับนรสิงห์ที่เป็นพระนารายณ์อวตาร ถ้าดูแต่ชื่ออาจสับสนได้)
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:34
|
|
35.เทพกินนร เทพกินนรหรือกินนร คล้ายกับ กินรี คือเป็นสัตว์หิมพานต์จำพวกหนึ่งที่รูปลักษณะครึ่งคนครึ่งนก เพียงแต่กินนรจะเป็นมนุษย์ผู้ชาย กินรีจะเป็นมนุษย์ผู้หญิง มีถิ่นอาศัยแถบเชิงเขาไกลลาศ...ต้นกำเนิดที่แท้จริงเป็นมาอย่างไรนั้น ยังไม่พบตำราไหนกล่าวไว้ชัดเจน..แต่ในเทวะประวัติของพระพุธ(เทวดานพเคราะห์)กล่าวไว้ว่า เมื่อท้าวอิลราชประพาสป่าแล้วหลงเข้าไปในเขตหวงห้ามของพระศิวะนั้น..ท้าวอิลราช และบริวารถูกสาปให้แปลงเพศเป็นหญิงทั้งหมด ต่อมานางอิลา คือ ท้าวอิลราชถูกสาป และบริวารที่มาเล่นน้ำอยู่ใกล้อาศรมของพระพุธ ... พระพุธเห็นนางเข้าก็ชอบ รับนางเป็นชายา และเสกให้บริวารของนางกลายเป็น กินรี โดยบอกว่าจะหาผลาหารให้กิน และจะหากิมบุรุษให้เป็นสามี ... แสดงว่า กิมบุรุษ หรือ กินนร และกินรี มีต้นกำเนิดมาจากการเสกของพระพุธ ในหนังสือของ พี.ธอมัส กล่าวว่า..ที่เชิงเขาเมรุเป็นที่อยู่ของคนธรรพ์ กินนร และนักสิทธิ์..และว่าคนธรรพ์กับกินนรเป็นเชื้อสายเดียวกันในภัลลาติชาดก กล่าวว่า..กินนรมีอายุ ๑,๐๐๐ ปี และธรรมดากินนรนั้นย่อมกลัวน้ำเป็นที่สุด ... ซึ่งน่าจะขัดแย้งกับอุปนิสัยกินนรในเรื่องพระสุธน..เพราะนางมโนห์รา ชอบไปเล่นน้ำที่สระกลางป่าหิมพานต์ จึงถูกพานบุญดักจับตัวได้..และในกัลลาติชาดก ยังได้แปลงพวกกินนรออกเป็น ๗ ประเภท คือ - เทวกินนร - เป็นพวกเทพกินนร ครึ่งเทวดาครึ่งนก(รูปตามตำราน่าจะหมายถึงพวกนี้) - จันทกินนรา - จากนิทานชาดก เรื่องจันทกินรี มีรูปกายเป็นคน แต่มีปีก - ทุมกินนรา - น่าจะเป็นพวกอาศัยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ - ทัณฑมาณกินนรา - ชนิดนี้น่าจะมีอะไรคล้ายๆ นกทัณฑิมา ซึ่งเป็นนกปากยาวดุจไม้เท้าอยู่บนใบบัว - โกนตกินนรา - เดาไม่ถูกว่ากินนรที่มีลักษณะใด - สกุณกินนรา - น่าจะเป็นกินนรที่มีร่างท่อนบนเป็นคนท่อนร่างเป็นนกคล้ายกับเทพกินนรแต่จะมีส่วนนก มากกว่า - กัณณปาวรุณกินนรา – เดาลักษณะไม่ถูกว่าน่าจะเป็นแบบใด ในจำนวน ๗ ประเภทนี้ ไทยเราคุ้นเคยก็คงจะเป็นพวก เทวกินนร ตามความเชื่อในวรรณคดีไทย พวกกินนรมีหลายแบบหลายลักษณะ เช่น เรื่องลักษณวงศ์ของสุนทรภู่... พระลักษณวงศ์ก็ได้นางกินรี ห้าพี่น้องที่อาศัยอยู่ในถ้ำเป็นชายา และในเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์..เป็นพวกที่ตั้งบ้านเมืองหลักแหล่ง..ตอนสมุทรโฆษได้พระขรรค์วิเศษ ได้พานางพินทุมวดีเหาะไปเที่ยวป่าหิมพานต์ จนถึงเมืองกินนรในเชิงเขาไกรลาศ... ในวรรณคดีไทย ซึ่งไม่ค่อยพูดถึงกินรี ( เพศชาย )ที่เราเรียกว่ากินนร จะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นอย่างเทวดาฝรั่ง”คิวปิด”น่าจะจัดได้ว่าเป็นเทพกินนรได้เหมือนกัน
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:41
|
|
36.มยุรเวนไตย ลำตัวเป็นครุฑ หน้าและหัวเป็นนกยูง แขนและขาเป็นครุฑ หางเป็นนกยูง พื้นกายสีครามอ่อน ปีกหางสีหงชาด(แดงอ่อน)
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:45
|
|
37.สีหะคักคา สีหะคักคาหรือ สิงหคักคา มีกายเป็นเกล็ดสีม่วงเข้ม(แก่) แม้จะมีส่วนหัวและตัวเป็นสิงห์ กลับมีเท้าเหมือนช้าง ช้างก็ช่างจินตนาการจนดูเป็นพิลึก
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:51
|
|
38.สิงหรามังกร สิงหรามังกรหรือสีหรามังกร สิงห์ชนิดนี้มีหัวเป็นมังกร มีร่างเป็นสิงห์สีน้ำตาล(หงดิน)ที่ตัวมีลายวนทักษิณาวรรต คนทั่วไปมักจำสิงหรามังกรสับสนกับไกรสรจำแลงที่เป็นครึ่งมังกรครึ่งสิงห์คล้ายกัน
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 19:55
|
|
39.กิเลนจีน ในตำนานจีน กิเลนมีหัวเป็นมังกร มีเขาเดียว (เขาแบบกวาง) มีร่างกายแบบกวาง แต่ผิวปกคลุมไปด้วยเกล็ด หางเหมือนหางวัว และมีกีบเหมือนม้า สัตว์วิเศษนี้ประกอบไปด้วบเบญจธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และ โลหะ กล่าวกันว่า กิเลนมีชีวิตยืนยาวหลายพันปี พจนานุกรมจีน อธิบายกิเลนต่างออกไป ว่า กิเลนมีหัวเหมือนสุนัข แต่มีกายเป็นกวาง หางเป็นวัว กีบเหมือนม้า มีขนแผงคอหลากสี ขนใต้ท้องมีสีเหลือง มีสีกาย ๕ สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว และ ดำ ตัวผู้มีเขา ๑ เขา ส่วนตัวเมียไร้เขา กิเลนสามารถเดินบนผิวน้ำได้ มีเรื่องเล่าว่า สมัยราชวงศ์เมง ชาวจีนได้เห็นยีราฟเป็นครั้งแรก-ราวปี พ.ศ. ๑๙๕๗ จิตรกรจีนได้วาดภาพยีราฟไว้และเขียนกำกับชื่อภาพว่า กิเลน อาจเป็นเพราะยีราฟมีรูปร่างแปลก แถมยังมี เขาอ่อนเหมือนกวางบางชนิด
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 20:20
|
|
40.กิหมี ไม่มีที่ใดกล่าวถึงกิหมีเลยเท่าที่สืบค้น เท่าที่พิจารณาจากรูป เป็นสัตว์ผสมระหว่างกิเลนอย่างจีนกับสิงห์คือตัวมีลาย วนทักษิณาวรรตอย่างราชสีห์ หัวเป็นกิเลนจีน แต่อุ้งเท้างุ้มดูคล้ายหมีและเหมือนอุ้งเท้าของสิงหรามังกร คือเล็บงุ้มเข้า มูลเหตุใดจึงเรียกว่ากิหมีคงต้องสืบค้นกันต่อไป หากท่านใดทราบจะช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง จบตัวที่40ขอพักก่อนครับ ปวดตาเหลืออีก 36ตัว ใครมีรูปสัตว์ตัวใดจะนำมาแทรกประกอบเรียนเชิญครับ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|