virain
|
ความคิดเห็นที่ 210 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:15
|
|
นอกจากนี้พวกเรายังมีโอกาสได้เดินทางไปที่วัดซองพลู เพื่อไปชมพระอุโบสถหลังเก่าที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในวัดมีโบราณสถานเป็นพระอุโบสถซึ่งพระอุโบสถหลังนี้ถูกบูรณะใหม่โดยช่างรับเหมา ถึงแม้ทางวัดจะทำไปเพราะมีเจตนาที่ดี แต่ก็ส่งผลเสียต่อโบราณสถานไม่น้อย เพราะมุมมองของทางวัดก็เป็นคือศาสนสถานที่ใช้ประกอบศาสนกิจ เป็นอาคารที่ ใช้ประโยชน์ได้จึงต้องการความมั่นคงแข็งแรง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ใช้ประโยชน์ก็คงจะผุพังไป แต่เมื่อกรมศิลปากรเข้าไป พบเห็นอีกครั้งก็ปรากฏว่าซ่อมใหม่เรียบร้อยเกือบหมดแล้ว(จากตอนนี้ก็ประมาณ2ปี) กรมศิลปากรจึงเข้าไปตักเตือนกับทางวัด และเก็บชิ้นส่วนบางอย่างไป บรรดาช่างที่มาซ่อมกลัวถูกจับก็พากันหนีไปหมด เพราะการซ่อมเข้าข่ายการทำลายโบราณสถานของชาติ ผลจากการซ่อมมีการกะเทาะผิวปูนที่ผุออกจนหมดแล้วฉาบผนังปั้นซ่อมซุ้มหน้าต่างประตุใหม่เปลี่ยนหลังคาเครื่องบน ถึงแม้ทางวัด จะพยายามคุมให้อยู่ในรูปแบบเดิม แต่ความไม่มีความรู้ความชำนาญในการอนุรักษ์ของช่าง จึงทำให้รูปแบบผิดเพี้ยนไป ข้อมูลจากการเล่าของพี่เซียบอกว่าวัดนี้แต่เดิมซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นแบบฝรั่ง ที่ปัจจุบันมีการปั้นใหม่เลียนรูปแบบเดิม แต่ไม่เหมือน และออกมาพิมพ์เดียวกันทุกช่องหน้าต่างและประตู บานประตูหน้ามีสองช่องเหลือลายรดน้ำรูปเทวดาสมัยอยุธยา ที่บานคู่ซ้ายแต่เลือนรางจนแทบหมดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 211 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:19
|
|
ช่องหน้าต่างทั้งแปดช่องเจาะเป็นช่องแหลม(มองเห็นได้จากด้านใน)แล้วใช้แผ่นไม้คั่นแบบคานให้อยู่ในทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า บานหน้าต่างปรากฏร่องรอยเดาว่าเป็นลายรดน้ำแต่รางจนมองไม่ถนัด ปัจจุบันบานหน้าต่างถูกทาสีทับหมด ท่านใดมีรูปภาพ ของซุ้มหน้าต่างชุดนี้หรือสภาพวัดก่อนการซ่อมแซม ขอความกรุณาลงรายละเอียดให้เห็นด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณมาก
สอบถามข้อมูลกับพระในวัดพบว่ายังมีเศษปูนปั้นบางส่วนเหลืออยู่(ได้ยินว่าส่วนใหญ่ พช.ที่สุพรรณบุรีเก็บไป) เศษปูนปั้นดังกล่าว ถูกทิ้งจมดินอยู่ในน้ำที่ท่วมขังข้างทางเดิน พี่เซียบอกกับพระท่านว่าเป็นงานสมัยอยุธยาและขอให้ท่านเก็บไว้ พระท่านก็ปฏิเสธที่จะนำไปเก็บไว้ เห็นอย่างนั้นเลยคิดว่าน่าจะนำมาเก็บไว้ก่อนดีกว่าทิ้งให้จมดินถมที่อยู่อย่างนั้น เลยเข้าไปขอกับท่านเจ้าอาวาสซึ่งท่านก็อนุญาตให้ เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงเดินทางไปกับเพื่อนอีก1คนและออกเดินหาเศษชิ้นส่วนอื่นๆบริเวณวัดแต่ไม่พบ พระท่านเล่าว่าเศษอิฐที่เหลือ จากการรื้อกำแพงแก้วบางส่วนและอิฐจากเจดีย์เก่ารอบๆ ถูกนำไปถมที่และใช้ประโยชน์อื่นหมดแล้ว ผมกับเพื่อนจึงช่วยกันคุ้ยเขี่ย ในโคลนแถวนั้นดูแล้วขนเศษปูนปั้นมาทำความสะอาด เลือกเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญๆได้ประมาณ 20 ชิ้นมาขัดๆเอาเศษดินที่ติดออก แล้วเลือกเอากลับมา 14 ชิ้นเพราะต้องนั่งรถแทคซี่ไม่สามารถนำมาทั้งหมดได้ ผมคุยกับพี่เซียเห็นควรว่าน่าจะเอาไปมอบให้กับ พิพิธภัณฑ์ที่ไดสักที่หนึ่งครับ (ติดต่อไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 212 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:20
|
|
ชิ้นนี้เป็นสำคัญคือส่วนยอดของซุ้มหน้าต่างหรือประตู เป็นยอดพุ่มดอกไม้คล้ายๆพุ่มข้าวบิณฑ ์แต่ใช้ลายแบบฟรั่ง เป็นรูปแบบศิลปะอยุธยาตอนปลายที่นิยมกันในหลังยุคสมเด็จพระนารายณ์ฯลงมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 213 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:21
|
|
รูปศีรษระฟรั่งผมหยิกมีฟันกระต่าย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 214 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:21
|
|
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 215 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:22
|
|
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 216 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:29
|
|
ก็เป็นข้อมูลที่เกิดการตามรอยค้นพบศิลปะสมัยอยุธยาของผม พี่เซีย และพี่แพรในคราวนี้ ซึ่งก็ได้รู้ได้เห็นอะไร ที่น่าสนใจประดับความรู้กันขึ้นมาบ้าง และที่นำภาพมาลงแบ่งปันนั้นนอกจากจะเป็นการเผยแพร่รูปแบบศิลปะไทย ในลักษณะต่างๆ ที่ปรากฏตามโบราณวัตถุที่มีความงดงามแล้ว ยังหวังว่าจะได้รับความรู้เพิ่มเติมอีกจากพี่ๆในชมรมหรือ ท่านอื่นๆที่แวะเวียนเข้ามาครับ
ช่วงนี้ผมเองก็เพลียๆเหนื่อยๆ ต้องทำอะไรหลายๆอย่างหยุดพักได้แปบๆก็มีอันต้องทำโน่นทำนี่ จะว่าไปการทำอะไรแบบที่ชมรมเรากำลังพยายามทำนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันจริงๆ สิ้นเปลือง ทั้งกำลังทรัพย์ และกำลังกาย ว่าเอาแต่กำลังกายยังพอไหว ลำบากอยู่ก็ที่กำลังทรัพย์ เหนื่อยๆเข้าก็พาลหมดกำลังใจไปด้วย ผมเองก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรง ก็จำเป็นต้องไปทำ ตามเรื่องที่เรียนอยู่ด้วยอีกต่อหนึ่ง ช่วงนี้ก็หันไปดูเรื่องโปรเจคทำๆไปก็หันมาโพสรูปลงกระทู้ครับ
เรื่องศิลปะเป็นเรื่องจรรโลงใจ แต่ช่วงนี้รู้สึกจะจริงจังมากเกินไปจนทำให้เริ่มสับสนวุ่นวาย เพราะหลังจากจบแล้วไม่รู้จะมีโอกาสได้ ไปตระเวณดูโน่นดูนี่อีกหรือเปล่า ช่วงนี้เลยพยายามหาโอกาส อยู่กับมันให้มากที่สุด ก่อนที่จะต้องไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
หลังจากเคลียทริป ลพบุรี อ่างทอง เพชรบุรี นครศรีธรรมราช ก็คิดว่าคงต้องหยุดทริปศิลปะแบบจริงจัง สักพักมาเป็นทริปธรรมชาติ chill chill บ้าง หรือไม่ก็มานั่งอ่านหนังสือให้มากๆหาความรู้กันหน่อยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 217 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:38
|
|
... ... ... ... ... ...
พระคงคาวารีที่รินไหล พาดผ่านไปหล่อเลี้ยงฝั่งทั้งสอง ดั่งเส้นเลือดโอบอุ้มและคุ้มครอง เป็นสายของลำเจ้าแต่เก่ามา สายน้ำไหลรินเลื่อนย่ำเยือนถิ่น ย่อมผ่านสิ้นดีชั่วมั่วปัญหา ทั้งประโยชน์โทษซัดพัดผ่านมา เปรียบดังว่าคือมนุษย์สุดทัดทาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 218 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 01:41
|
|
มวลมนุษย์มีมากอยู่หลากหลาย ต่างจุดหมายที่มาภาษาขาน ทั้งความคิดฤทธิ์เล่ห์เสน่ห์พาล สุนทรทานเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ทั้งดีชั่วปะปนระคนเข้า มีความเศร้าความทุกข์และสุขสันต์ จากรื่นเริงจนพลัดพรากต้องจากกัน วงจรนั้นยังหมุนเวียนไม่เปลี่ยนแปลง
... ... ... ... ... virain
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jean1966
|
ความคิดเห็นที่ 219 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 08:47
|
|
วัดช้างใหญ่เป็นวัดมีมาแต่สมัยอยุธยา ภาพเขียนก็น่าจะมีมาแต่สมัยนั้น แต่มีการมาซ่อมแซมเขียนทับ ในสมัยร.4 ส่วนสภาพปัจจุบันนั้นเป็นการซ่อมโดยช่างปัจจุบันเสียแล้ว สำหรับตู้ลายรดน้ำนั้น น่าจะเป็นสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นไม่ถึงอยุธยา แต่ยังสงสัยอยู่ตรงตู้ที่มีขบวนเรือนั้นคล้ายที่วัดอนงคารามที่ฝั่งธนที่เป็นสมัยอยุธยา(พระนารายณ์)มากๆ(ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว) ส่วนหีบพระธรรม ลวดลายคล้ายอยุธยา แต่ฝีมือไม่ดีนัก คล้ายจะเลียนแบบแต่ฝีมือไม่ถึง แต่ลักษณะตัวภาพตัวลายต้องบอกว่าเป็นอยุธยาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 220 เมื่อ 17 พ.ย. 09, 11:09
|
|
ขอบคุณครับ ว่าแต่ตู้วัดอนงคารามที่หายไปแล้ว เขียนเรื่องอะไรพี่พอมีรูปถ่ายไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
asia
มัจฉานุ
 
ตอบ: 78
|
ความคิดเห็นที่ 221 เมื่อ 18 พ.ย. 09, 19:03
|
|
จริงๆแล้วเรื่องตู้พระธรรมวัดอนงคารามนั้น ผมไม่แน่ใจนะครับ ว่าอยู่ในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเขตคลองสาน หรือ พิพิธภัณฑ์ของวัดนั้นแหละมั้งครับ คาดว่ายังไม่หายไปไหน เพราะเคยเห็นไหนหนังสือท่องเที่ยวฝังธนบุรี ไม่กี่ปีมานี่เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
asia
มัจฉานุ
 
ตอบ: 78
|
ความคิดเห็นที่ 223 เมื่อ 18 พ.ย. 09, 19:26
|
|
เอาใหม่นะครับ www4.sac.or.th/museumdatabase/detail_museum.php?get_id=01-020
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
asia
มัจฉานุ
 
ตอบ: 78
|
ความคิดเห็นที่ 224 เมื่อ 18 พ.ย. 09, 19:39
|
|
ผมต้องขออภัยด้วยเนื่องด้วยไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ ก็เลยไม่สามารถนำภาพลงได้ครับ เอาเป็นว่าอยู่ใน web ทั้งสองที่ให้ไว้แล้วกันน่ะคับ ลองคลิกหาตู้พระธรรมวัดอนงคารามดูครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|