กรณีของพลายยงเข้าไปลักหลับนางเวสิว อาจจะดีกว่ากรณีเณรพลายแก้วกับนางพิม ขุนแผนกับนางแก้วกิริยา และพลายงามกับนางศรีมาลา เพราะอย่างน้อย พลายยงก็ยังมีสติยั้งคิด ไม่ล่วงไปถึงขั้น..... อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติทหารไทยที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไปช่วยบ้านเมืองอื่นช่วยรบป้องกันเมืองได้
ระหว่างคอยคุณหลวงกลับมาเล่าต่อ คุยเรื่องนั้นคั่นรายการไปพลางๆก่อนนะคะ
ฉากพระเอกวรรณคดีไทยเข้าห้องนาง ตามมาด้วยบทเข้าพระเข้านาง ลองถามตัวเองว่าพระเอกคนไหน ค่อยยังชั่วกว่าเพื่อน ก็คงโต้วาทีกันได้ทีเดียว เพราะดูจะมีข้อเสียไม่น้อยกว่ากัน
อย่างแรกที่ต่อว่ากันได้คือ ผิดข้อหาละเมิด ผู้หญิงเขาไม่ได้อนุญาตให้ล่วงล้ำเข้าไปในห้องส่วนตัว
จะเรียกว่า ข้อหาบุกรุก ก็คงจะได้
ต่อมาคือบุกรุกเพื่อกระทำการมิดีมิร้าย
พลายยงยั้งใจเอาไว้ได้ ไม่ใช่เพราะมีศีลธรรม แต่กลัวว่าวิชาจะเสื่อม เดี๋ยวรบแพ้ กลับไปเจอเจ้าเหนือหัวในอยุธยาเข้า อาจโดนประหารหรืออย่างเบาก็ติดคุกหัวโต
คิดเสียดายอาคมถมถนำ ทำอะไรกับเมียเสียคาถา
คิดแล้วขยับกลับออกมา ตัณหาพาป่วนซวนเข้าไป
ความเชื่อข้อนี้ไม่ได้มีอยู่ในตัวปู่(ขุนแผน) และพ่อ(พระไวย) เพราะทั้งปู่และพ่อก็เข้าห้องหานางกันเป็นเรื่องธรรมดา วิชาคาถาอาคมก็ไม่เห็นจะเสื่อม
แต่ไปตรงกับความเชื่อของแสนตรีเพชรกล้า ขุนศึกฝ่ายล้านนา ในศึกชิงนางสร้อยทอง ที่เขาไม่อาบน้ำและไม่อยู่กินกับภรรยา เพื่อความคงกระพันชาตรี
แต่ถ้าถามว่า ทั้งขุนแผน พระไวย และพลายยง คนไหนมีมารยาทรู้ขนบธรรมเนียมดีกว่าเพื่อน ขอยกให้ขุนแผนตอนเข้าห้องนางแก้วกิริยา
ขอให้สังเกตว่า เมื่อเข้าไป ไม่รู้ว่าสาวงามคนนี้เป็นใคร ลังเลว่าจะเป็นเมียน้อยขุนช้างหรือเปล่าก็ไม่แน่ เพราะห้องหับดูกระจอกไม่หรูหราสมเป็นเมียเจ้าของบ้าน
ขุนแผนก็ปลุกนางขึ้นมาไต่ถาม เพื่ออะไร? เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีเจ้าของ ถ้าหากว่าเป็นเมียน้อยขุนช้าง ขุนแผนก็จะเว้นไป ไม่เกี่ยวข้องด้วย
เมื่อไต่ถามได้ความว่า เป็นผู้หญิงที่พ่อเอามาขัดดอก เท่ากับเป็นทาสของขุนช้าง ขุนแผนก็จ่ายเงินให้ตามที่นางเป็นหนี้อยู่
แก้ห่อเงินมอบให้แล้วปลอบพลาง อย่าระคางเคืองใจได้เอ็นดู
คือไถ่แก้วกิริยาให้เป็นไทแก่ตัว ไม่มีเจ้าของ ในที่นี้หมายถึงมีนายถือสิทธิ์เหนืออยู่ เมื่อผู้หญิงเป็นอิสระแล้ว ขุนแผรก็ถือว่าไม่ได้ละเมิดสมบัติของใคร