virain
|
ความคิดเห็นที่ 195 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:18
|
|
วิหารเก้าห้องหรือวิหารพระอัฎฐารส เดิมเป็นส่วนเดียวกันในเขตพุทธาวาสมีระเบียงคดล้อมมาถึง โดยทางเข้าด้านหน้าก่อสร้างเป็นพระวิหารเล็กยื่นต่อออกไป องค์พระอัฎฐารสเดิมเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะสุโขทัยแต่ชำรุดมาก จึงปั้นซ่อมแซมใหม่หมดจนเป็นลักษณะที่เห็น ข้อมูลทางประวัติศาสตร์กล่าวถึง วิหารเก้าห้องในสมัยกรุงธนบุรีว่า เมื่อพระยาจักรี(ร.1) เห็นว่าไม่สามารถจะรักษาเมืองไว้ได้จึงเผาเมืองจนสิ้นไม่ให้ข้าศึกใช้เป็นที่ทำการได้ (คงเว้นวัดไว้ แต่บางแหล่งก็บอกว่าพม่าเผาหมดทั้งเมือง) แล้วจึงถอนกำลังตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกจากเมืองไป ภายหลังเมื่อกองทัพพม่าเข้าเมืองได้ก็ใช้เป็นที่ทำการระยะหนึ่ง ต่อมาอะแซวุ่นกี้แม่ทัพพม่ารู้ข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามังระจึงถอนทัพกลับไป และจุดไฟเผาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุซ้ำเมืองพิษณุโลก หลังจากกองทัพพม่า จากไปแล้วชาวบ้านชาวเมืองจึงออกมาช่วยกันดับไฟ ทำให้ไฟลามไปไม่ถึงพระวิหารหลวงที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 196 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:19
|
|
ท่านมุ้ย เคยเสด็จมาสำรวจวิหารเก้าห้องในขณะที่ทำการขุดแต่ง ทรงพบว่ารากฐานอิฐของพระวิหารแหลกละเอียด จึงสันนิฐานว่าเมืองพิษณุโลกคงเคยเกิดแผ่นดินไหว ทำให้พระราชวังจันทร์ วัดวาอารามและอาคารบ้านเรือน ในเมืองพิษณุโลกพังหมดสิ้น เป็นเหตุให้พระนเรศวรทรงเทครัวอพยพชาวเมืองพิษณุโลกลงไปอยู่กรุงศรีอยุธยา และสร้างวังจันทร์ใหม่ที่ตำบลหัวรอ แต่เท่าที่ผมเห็นร่องรอยอิฐที่ว่าไม่หลงเหลือแล้ว เพราะมีการขุดแต่งบูรณะ ใหม่เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่นานมานี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 197 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:21
|
|
หลังจากที่ผมเข้าไปติดต่อยื่นหนังสือกับทางเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช ก็ได้รับการอำนวยความสะดวกให้เข้าไปชม ธรรมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวดที่โรงเก็บทางทิศใต้ของพระวิหารหลวง ซึ่งได้รับคำแนะนำรวมไปถึงการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี ผมจึงขอขอบคุณ ผู้อำนวยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช และเจ้าหน้าที่ทุกท่านมาในโอกาสนี้ครับ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ทรงนิพนธ์ถึงธรรมาสน์ทั้งสองหลังนี้ไว้ว่า "นมัสการ พระพุทธชินราชแล้ว ดูธรรมมาสน์เทศน์ ธรรมาสน์สวด ดูเรือนแก้ว แลสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนเป็นของดีอย่างเอก ไม่เคยพบไม่เคยเห็น"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 198 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:23
|
|
ความงามของธรรมาสน์สวดวัดพระพุทธชินราชเป็นธรรมาสน์ทรงบุษบกมีขนาดใหญ่ คิดว่าน่าจะเป็นธรรมาสน์หลวงที่พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา ส่วนตัวเดาว่าเป็นธรรมาสน์ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรส และทรงอุทิศถวายเป็น เครื่องสังเค็ดในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่มีการบูรณะพระอารามและเสด็จขึ้นมาโดยพระองค์เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 199 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:23
|
|
เนื่องจากสถานที่เก็บมีความคับแคบและมีลูกกรงตาข่ายล้อมไว้โดยรอบ จึงไม่สามารถเก็บภาพได้ทุกสัดส่วนและเต็มทั้งหลัง เพราะแสงเข้าได้ทุกทิศทางจึงทำให้แสงรบกวนได้ภาพไม่ชัดเจนในรายละเอียด ต้องขออภัยด้วยครับ แต่เนื่องจากในอนาคต อันใกล้เมืองพิษณุโลกกำลังปรับปรุงโฉมหน้าใหม่ และกำลังสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นที่พระราชวังจันทร์ ก็อาจทำให้มีการจัดการ ศิลปะวัตถุสำคัญๆไปในทิศทางใดทางหนึ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 200 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:24
|
|
เครื่องยอดทรงมณฑปของธรรมาสน์เทศน์มีทรวดทรงสง่างาม ย่อมุมประดับด้วยบันแถลง นาคปักอย่างสวยงามพอดิบพอดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 201 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:25
|
|
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 202 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:25
|
|
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 203 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:27
|
|
คันทวยนี้เป็นรูปแบบเดียวกับ คันทวยที่ใช้ในการจำลองพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทของเมืองโบราณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 204 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:29
|
|
ลายกาบยังดูคล้ายๆกาบไผ่อยู่ครับ แต่น่าสังเกตว่าสมัยพระเพทราชาก็ยังใช้กาบคล้ายๆอย่างนี้อยู่ คือผมเห็นที่วัดบรมพุทธารามครับ ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 205 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:31
|
|
แผงกั้นทางขึ้นเข้าสู่ธรรมาสน์ น่าจะดึงออก ใส่เข้าได้ ไม่กั้นตาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 206 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:34
|
|
กระจังปฎิญาณครับ เป็นลักษณะกระจังขนาดใหญ่โดยเฉพาะตัวกลาง แกะเป็นมิติดูสง่างามมาก มีลักษณะใหญ่เป็นประธาน ทำให้กระจังด้านข้างดูเล็กลงไปเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 207 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:35
|
|
... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 208 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:37
|
|
เชิงชั้นฐานก็ทำมากชั้นมากกว่าธรรมาสน์แห่งอื่นๆ ประดับด้วยกระจังรวน มีรูปครุฑกับนรสิงห์จับนาคครับ
ถึงแม้อาจารย์ น ณ ปากน้ำจะยกให้ธรรมาสน์วัดจรรยาวาสเป็นราชาแห่งธรรมาสน์ แต่ผมว่าธรรมาสน์หลังนี้ถ้าเรียกว่าราชาอีกองค์ก็คงได้นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
virain
|
ความคิดเห็นที่ 209 เมื่อ 13 ต.ค. 09, 20:39
|
|
ลักษณะการจับนาคของครุฑในธรรมาสน์เทศน์หลังนี้มีรูปแบบที่น่าสนใจมากครับ โดยจะเห็นครุฑจับหางนาคฝั่งหนึ่ง และนรสิงห์จะจับหางนาคอีกฝั่งหนึ่ง โดยท่าทางเหมือนสะบัดนาคส่งหากันจึงเกิดเป็นเส้นที่มีจังหวะถึงกันได้อย่างสวยงาม นับเป็นการออกแบบให้เป็นงานที่ดูพลิ้วไหวราวกับมีชีวิตจริงๆเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|