เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 10
  พิมพ์  
อ่าน: 31182 กระสวนจำลองกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


 เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:33

สวัสดีครับวันนี้นำเรื่องราวเกี่ยวกับกรุพระปรางค์วัดราชบูระมาเสนอครับ  อาจเบื่อหน่อยเพราะตัวหนังสือมาก แต่ถ้าอ่านให้จบจะเห็นความเศร้าใจในสมบัติของชาติครับ   ภาพแรกเป็นภาพกระสวนหรือโมเดลจำลอง  ก่อนจะสร้างกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะครับ  ตอนที่เจอครั้งแรกในกรุนั้นตัวไม้นั้นผุพังหมดเนื่องจากความชื้นภายในกรุแผ่นทองที่บุลงไปในกระสวนไม้ลงมากองอยู่บนซากไม้ที่ผุ  ทางกรมศิลจึงจำลองพระปรางค์ไม้และนำแผ่นทอง(ของเดิม ) ติดเข้าไปเหมือนเดิม อย่างที่เห็นในรูปครับ

ผลจากการขุดค้นกรุพระปรางค์ วัดมหาธาตุ  ได้ทองและของมีค่ามากมายจึงกลายเป็นเหตุเร่งเร้าให้คนร้าย คิดเห็นเป็นตัวอย่างว่า กรุพระปรางค์แหล่งอื่นๆ ก็คงมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเช่นกัน ปรากฏว่าต่อมาพระปรางค์วัดราชบูรณะ ถูกคนร้านลักลอบขุดแต่ไม่ถึงกรุ  เมื่อกรมศิลปากรทราบก็กลัวของในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะจะถูกลักขุดจึงไปขุดต่อจากรอยเดิมของคนร้าย ขุดได้เล็กน้อย และพอรู้เค้าว่าในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะมีสมบัติอยู่จริง   แต่เนื่องจากขณะนั้นกรมศิลปากรถูกสื่อต่างๆและหนังสือพิมพ์โจมตี วิจารณ์ กล่าวหาว่ากรมศิลปกรดีแต่ขุดหาพระขุดหาสมบัติ ไม่ได้ทำอะไรเอาแต่ขุดกรุแทนที่จะบูรณะโบราณสถานให้คงสภาพสวยงามตามหน้าที่รับผิดชอบที่ตั้งกรมศิลปากรขึ้นมา   หากแต่ไปทำเรื่องราวอย่างอื่นที่ไม่เข้าเรื่องเข้าราว  กรมศิลปากรจึงต้องกลบรอยขุดไว้  และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษา
แต่ข่าววี่แววว่าจะมีสมบัติของมีค่าผังอยู่ในกรุพระปรางค์วัดราชบูระคงล่วงรู้ไปถึงหูชาวบ้านทั่วไปแม้แต่ตำรวจที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ก็คงทราบดีทำให้คนร้ายเห็นช่องทางลักลอบขุดกรุ  ทั้งนี้ตัวการสำคัญในการลักลอบขุดคือ จ.ส.ต. หัวหน้าเฝ้ายามและพลตำรวจอีกคนหนึ่ง ได้การเป็นตัวการร้ายเสียเองโดยชักชวนคนร้ายมาลักลอบขุดพอขุดได้ก็แบ่งกันเอาเครื่องทองไปขาย ได้เงินมากก็เอาเงินไปกินเหล้า (เวร มันคุ้มกันไหมเนี่ย  ตกนรกแน่พวกนี้ )  แต่จะเป็นด้วยเทวดาอารักษ์หรือสิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองสมบัติเหล่านั้นอยู่ จึงบันดาลให้นายตำรวจนายหนึ่งซึ่งแทนที่จะเดินกลับบ้านเอาเงินไปแจกลูกเมีย  กลับเดินเข้าไปในโรงพักในสภาพที่เมาแอ๋ ขึ้นไปหาผู้กำกับการตำรวจภูธร  จังหวัดพระนครศร๊อยุธยา  คือพ.ต.ท. วุฒิ  สมุทรประภูติ  และพุดจาทำนองว่า วันนี้เขาร่ำรวยมากมีเงินทองมากมายสนใจจะเอาบ้างไหมจะแบ่งให้ผู้กำกับเลยเลียบเคียงถาม จึงรู้ความจริงและจับคนร้ายได้ ตอนที่จับคนร้ายรายหนึ่งที่ตลาดหัวรอ   คนร้ายรายนั้นสวมมงกุฎ ถือพระแสงขรรค์ชัยศรีเดินรำ (เป็นบ้าอยู่) นับว่ายังเป็นโชคดีอยู่บ้างที่เรายังรักษาสบบัติของชาติได้ส่วนใหญ่ และจากปากคำของคนร้ายที่ให้การกับเจ้าหน้าที่มีบันทึกไว้ดังนี้ "......ผมได้ทำการขุดกรุ ตั้งแต่วันที่ ๒๓  กันยายน  พศ  ๒๕๐๐  ได้คิดกับพวกอีก ๒๐  คน  เราไปขุดกันวันที่ ๒๕ เพราะวันนั้นไม่มีคนพลุกพล่าน  พอเวลาเย็นวันที่ ๒๕  พวกผมอีก ๒๐  คนพร้อมกัน เริ่มทำงานกันในเวลาทุ่มเศษ   ได้เอาเหล็กปลายแหลมเหมือนเหล็กขุนชาฟท์ ๓  อัน   พร้อมกับเชือกมนิลา ๑  เส้นยาว ๔ วา  และฆ้อนแปดปอนด์หนึ่งอันทำการขุดตามรอยเดิมที่กรมศิลปากรขุดทิ้งเอาไว้ได้ขุดศิลาขึ้นมาลึกประมาณวาเศษ  ได้เห็นศิลาทำเป็นวงกลมไว้ในระยะใจกลางตัวพระปรางค์  ได้เห็นปล่องทำด้วยโลหะเป็นวงกลมขนาดเท่าลำไม้ไฝ่ขนาดใหญ่   ตอนกลางต้องขุดลงไปตามปล่องประมาณ ๓ เมตรเศษ ก็สุดปล่องก็พบปูนเพชรทำอย่างชนิดที่แข็งมากทำเป็นวงกลมมีรูตรงกลาง   และมีปล่องอยู่ในรูนั้นได้ถอดเอาปล่องนั้นออก  เอาปูนเพรชนั้นออก  ได้พบซุ้มเป็นรูปสี่เหลี่ยมตอนมุมสี่เหลี่ยมมีรูทางทิศตะวันออก  รูกว้างสี่นิ้วเศษ  เป็นแผ่นหินอ่อนปิดอยู่ขนาดกว้างเท่ากับตัวกรุหนาประมาณสองคืบ  เอาฆ้อนทุบประมาณ๓ ชั่วโมงจึงทะลุลงไป   เห็นเป็นเครื่องทอง   พอทะลุลงไปเป็นรูปกรุสี่เหลื่ยมทำด้วยศิลา  เป็นปูนทาไว้แล้วเขียนเป็นภาพน้ำมัน   พอลงไปข้างล่าง    มีโต๊ะสำริด  ๓  ตัว  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกตัวหนึ่ง   เหนือตัวหนึ่ง   ทางทิศใต้อีกหนึ่งตัว   ตอนกลางของตัวกรุทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้างราวหนึ่งวาเศษ ข้างบนแท่นจัดวาง  ถาดทองคำสามใบข้างในถาดมีกระโถนทองคำ  ๔ ใบ  มีไข่มุกเจาะเป็นรูอยู่เต็มกระโถนทั้งสี่ลูกนั้น  และมีตลับทองคำอีกหลายใบวางอยู่ข้างแท่นสี่เหลี่ยมนั้น ในร่องสี่เหลี่ยมมีแหวนทองคำอยู่ ๒๐๐๐กว่าวงโต๊ะทางด้านทิศเหนือ  มีพระแสงทองคำปักไว้ทางด้านทิศเหนือ บนโต๊ะมีเสื้อทองคำอยู่ ๘  ตัว และมหามงกุฎอีก  ๑ อันกว้าง ๑ศอก  สูง ๒ ศอกเศษ    บนยอดมหามงกุฎมีหัวมุกดาหาร ๑  หัวขนาดเท่าไข่ห่าน       มีจอกทองคำหลายลูกประดับทับทิม  และมงกุฎราชินี ๓ อันวางอยู่บน โต๊ะนั้น  ตลับทองคำ ๑๒  ใบ  ฝาตลับมีหัวทับทิมใหญ่เท่าเม็ดข้าวโพดทุกใบ     โต๊ะทางทิศตะวันออกมีมงกุฎราชินี  ๕  อันตลับทองคำหัวทับทิม  ๒๐  ใบ  จอกหลายใบ  เสื้อทองคำของพระมหากษัตริย์  ๓ ตัว  เรือหงส์หนึ่งอันเป็นทองคำ  คนพายเรือ  และพระพุทธรูปทองคำ ๒๐องค์ กระบวยทองคำ  ๘  ใบ  โหล ๔ ใบทำด้วยหินขาว   ม่านทองคำขึงท้องพระโรง ๑ ชิ้นใหญ่     ทางทิศใต้มีพระพุทธรูปทองคำ ๒๕  องค์  ตลับทองคำ ๑๓  ตลับฝาตลับประดับด้วยทับทิมสีแดง  พระแก้วยืนสีน้ำผึ้ง ๗องค์   พระแก้วนั่งสีขาว  ๕  องค์    พระมหามงกุฎราชินี ๘  อัน  พระแก้วมรกตสี่องค์   ทางทิศตะวันตกมีผ้าพับไว้อย่างดีมากมาย  แต่ป่นเป็นผงเมื่อแตะต้อง   พระทองคำ ๓  องค์   หน้าตักกว้าง ๑ ศอก  หนักราว ๔ กิโลกรัมพระนาค นั่ง ๑๒ องค์  หน้าตักกว้าง ๑ คืบเศษ   พระพุทธรูปทำด้วยทองคำ นาก  เงิน  ๘  องค์   พระปั้มทองและเงิน  ๒  กระสอบ   พระแก้วยืน ๑๖  องค์   สีขาว  มีราชรถคู่หนึ่งเทียมม้าคู่หนึ่งทำด้วยทองคำ   มีขวด  ๖  ลูกทำด้วยหินขาว
มีแหวนในนั้นเต็มขวดและเศษทองคำอีกมากมายประมาณสิบกระสอบ  พอเห็นของพวกนี้   พวกเราพูดขึ้นว่าพวกเรารวยกันแล้ว  ตั้งแต่เริ่มทำงานมาได้ใช้เทียนไขจุดส่องดูในกรุนั้น  เพราะเทียนไขสว่างดีกว่าอย่างอื่น  ได้ลำเลียงส่งของอยู่ประมาณ ๔  ชั่วโมงเศษได้เริ่มขุดเป็นเวลา ๒  คืนครึ่ง   ขนของขึ้นยังไม่ทันหมดดีเพราะพวกข้างนอกเิอาของที่ลำเลียงไปไว้ที่บ้านหมดเหลือคนอยู่ในกรุ ๒  คนผมเห็นว่าไม่ดีจึงให้ทั้ง ๒  คนขึ้นจากกรุให้หมดเพราะขณะนั้นฝนตกมาก หนทางที่ขึ้นนั้น  ยังเห็นเป็นรอยเท้ามากมาย  ในขณะที่ทั้งสองคนขนของยังไม่หมด เพราะเเหวนทองยังมีอยู่อีกมาก  หัวทับทิม เศษทอง  และ รูปช้าง ม้า ทองคำยังมีอยุ่อีกมากคนทั้งสองเห็นว่าจะเสียท่าพวกข้างบน  (มันระแวงกันเอง   ความโลภหนอความโลภ )  จึงรีบขึ้นมาจากกรุ ตรงไปที่บ้าน  คนที่อยู่ข้างเจดีย์  เจ้าอ้าย เจ้ายี่  (คาดว่าน่าจะอยู่ใกล้กับที่ขุดที่สุด )  ของทั้งหมดนี้แบ่งกันได้คนละ ๒ กิโลครึ่ง ( สองกิโลครึ่ง  คูณ   ๒๐ เท่ากับ ๕๐กิโล ) พวกที่ไปขุดด้วยมีกัน ๒๐  กว่าคน  บางคนมีพี่น้องก็ไปบอกกันให้มาเอาส่วนแบ่ง  กลายเป็นคนได้รับส่วนแบ่งกลายเป็น ๓๐  กว่าคน  ถึงกับจะฆ่าจะแกงกัน  พอของขนมาถึงบ้านแล้วได้จดรายชื่อไว้แล้วเอากิโลมาชั่งแบ่งของกัน ของจำพวกมหามงกุฎหรือของใหญ่ไม่ได้แบ่งกัน  มีคนหนึ่งยืนขึ้นว่าจะเอายังไงก็เอากัน  พวกคนอื่นๆก็ชักปืนชักมีดออกมา  ต่อจากนั้นก็แย่งกันจนล้มจนทับเด็กเล็กร้องไห้จ้าเหตการจึงยุติ พอได้รับของแล้วเอาผ้าขาวม้าห่อของแล้วแยกย้ายกันไป
บางคนหนีไปได้บางคนก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  พอเช้าวันที่๒๘  ตำรวจได้จับกุมหัวหน้าที่คุมขุดกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ซึ่งพอได้พระมหาพิชัยมงกุฎมาถึงบ้านแล้ว ก็เอามาสวมใส่ และออกมารำเล่นพร้อมกับลูกชาย  แถวๆตลาดหัวรอ ตำรวจไล่จับจนข้าวของตกเรี่ยราดกลางถนน  พวกชาวบ้านเก็บกันได้มากมาย  บางคนไปขายแล้วปลูกบ้านหลังใหญ่โตก็มี  บางคนก็เป็นบ้าเก็บไปแล้วก็ถูกพี่น้องโกงเอาไปอีกทีหนึ่ง  ที่เหลือมาเป็นของกลางนั้นนิดหน่อย......."


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:44

รูปขยายครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:45

ต่อมาครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:45

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:46

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:47

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:47

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:48

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:48

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:49

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:50

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:50

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:51

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:52

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
yutthana
สุครีพ
******
ตอบ: 1599


สุนทรียภาพแห่งศิลปไทย


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 04 ต.ค. 09, 13:53

ต่อมาครับ


บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 19 คำสั่ง