สังคมในปัจจุบันเราต่างเร่งรีบดูชุลมุนพิลึก ดิฉันเป็นคนบ้านนอกคอกนาค่ะ เคยใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯก็หลายสิบปีเหมือนกัน ตอนอยู่ก็ไม่รู้สึกอะไรในความวุ่นวายนั้น แต่พอมาอยู่บ้านนอกก็พบว่ามันช่างแตกต่างเสียจริง อะไรดูเรียบง่าย คล่องตัว และจริงใจ....
มีใครคิดว่า "มาลินี" ในผู้ใหญ่ลีกับนางมา "เป็นคนบ้านนอก" บ้างครับ ?
ขอเสียงนิดนึงครับผม

แต่ในความต่างที่คิดว่าดีก็ย่อมมีข้อด้อยค่ะ อย่างการศึกษาพบว่าน้อยโรงเรียนที่จะมีคุณภาพทัดเทียมกับกรุงเทพฯ (ก็รู้ๆกันอยู่) พ่อแม่ส่วนมากก็ทำงานรับจ้าง เป็นลูกจ้างตามบริษัท โรงงาน 80-90% (เถ้าแก่ นักธุรกิจรายใหญ่ก็น้อย) รายได้ต่อหัวก็ย่อมน้อยกว่า
จากประสบการณ์ในการอยู่บ้านนอกของผมมาบ้าง(นิดหน่อย)
ผมว่าค่าครองชีพเขาต่ำกว่า ภาวะการแข่งขันก็ต่ำกว่า
การจะอยู่อย่างพอเพียงในชีวิตก็ง่ายกว่านะครับ
ถ้าเทียบระหว่างคนในชุมชนเดียวกัน ที่หาเลี้ยงปากท้องได้เอง
รายได้ระดับที่คนกรุงหลายคนที่ต้อง"อดมื้อกินมื้อ"
นั่นเรียกว่า.... "รวย" สำหรับคนบ้านนอกเลยล่ะครับ
...ไปส่งลูกระดับอนุบาลตั้งแต่ยังไม่ 7 โมง ทานข้าวที่โรงเรียน และฝากพิเศษเพื่อให้ครูช่วยอาบน้ำ หาข้าวหาน้ำให้ทานก่อนพ่อมารับกลับ 6 โมง เป็นเรื่องที่เศร้ามาก.... ใครเศร้ากว่าก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ
สมัยเป็นเด็กประถม บ้านผมอยู่คลองสานบ้าง บางแคบ้าง
แต่คุณแม่ต้องขับรถไปส่งลูกที่สี่แยกอโศกซะทุกเช้า....
ผมต้องออกจากบ้านก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และกลับหลังพระอาทิตย์ตก
จนคุณแม่ถึงกับออกปากว่า "ปลูกคุณนายตื่นสายไว้ คุณนายตัวจริงไม่เคยได้เห็นดอกซะที"
เรามีความหวังที่รัฐบาลโปรยเอาไว้ให้กันแค่ว่า "ซักวันนึงรถไฟฟ้าจะเสร็จ"
หลายครั้งที่รถติดอยู่กลางสี่แยกอโศก คุณแม่จะชี้โบ้ชี้เบ้กลางอากาศให้ผมดู
แล้วบอกผมว่า "ซักวันนึงจะมีรถไฟในรางลอยฟ้าวิ่งผ่าน แล้วลูกจะตื่นสายกว่านี้ได้ ชั่วโมงกว่าๆแหนะ"
แล้วรถไฟฟ้าก็เสร็จจริงๆครับ.... ตอนผมอยู่ ม.5
เสียดาย ว่าผมย้ายโรงเรียนจากสี่แยกอโศกมาถนนอังรีดูนังต์แทน
เลยอดรู้เลย ว่าผมจะตื่นสายขึ้นได้อีกชั่วโมงกว่าจริงรึเปล่า
ถ้าเรามองมุมกลับอย่างที่คุณติบอพูดถึง แล้วทำไมเห็นเข็นเด็กไปเรียนคุมอง ไปเรียนพิเศษวิทย์ คณิต แม้แต่ภาษาไทยล่ะคะ นอกจากนั้นบางคนต้องเรียนบัลเล่ต์ เรียนเปียนโน เรียนคาราเต้ เรียนศิลปะ เหมือนไล่ออกจากบ้านทุกเวลาอย่างนั้น แต่ดิฉันคิดว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ทำแบบนี้แล้วรู้สึกว่าทำผิดนะคะ
คนไทยไร้รากแบบนั้น... ศัพท์เฉพาะทางเรียกว่า
"ชนชั้นกลางอยากทำตัวเป็นชนชั้นสูง" ครับ
อย่างที่ผมพูดไปแล้วพ่อแม่ไทยหลายครอบครัวมีความคิดว่า
การเรียนต้องเกิดขึ้นในโรงเรียนเพราะฉะนั้น อะไรก็ตามที่ไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียน.... ไม่ใช่การเรียนรู้
คนพวกนี้เลยขาดแคลนกับสถานที่เรียนรู้ต่างๆ เช่น
สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ห้องสมุด พจนานุกรม หรือแม้แต่อินเตอร์เนตข้างหน้าเรา
เรื่องที่เราเห็นกันทั่วไปในสังคม เป็นต้นว่า
- ผู้ใหญ่เกินร้อยละ 50 ไม่รู้จักต้นไม้ หรือสัตว์เกือบทั้งหมดในหนังสือภาพสำหรับเด็กอ่าน
(บางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผักผลไม้ที่กินเข้าไปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันบ้าง)
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ฝรั่งมากมายอยากเข้าชมเวลามาเมืองไทยกลายเป็นห้องเก็บของที่คนไทยต้องเสียภาษีให้
(แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าไอ้ตึกพวกนั้นมันเป็นโรงละคร หรือพิพิธภัณฑ์กันแน่)
- คนกรุงเทพคิดว่าต้องไปเที่ยวสวนสัตว์ที่เชียงใหม่เพื่อ "ดูหมีแพนด้า"
(และถ้าซื้ออุจาระแพนด้าตากแห้งใส่กระปุกที่ขายเป็นของที่ระลึกมาด้วยจะเก๋มาก)
- ห้องสมุดกลายเป็นที่นั่งคุยและนอนหลับของนักศึกษา หรือที่กินของว่างของบรรณารักษ์
(ใครเคยไปใช้ห้องสมุดศิลปากรสาขาวังท่าพระคงรู้ดี ว่ากลิ่นน่ะเปลี่ยนทุกวัน)
- ที่แย่ที่สุดคือมีนักศึกษาปริญญาโทจำนวนมากสะกดคำง่ายๆ เช่น "เพชร" หรือ "จระเข้" ไม่ถูก
(ไม่ต้องพูดถึงปริญญาโทนะครับ.... จะเรียนปริญญาตรีไปทำไม จบพาณิชย์ให้รอดก่อนเหอะ)
- คนไทยเล่นแคมฟรอกกันมากที่สุดในโลก จนเขาต้อง grouping ใหม่ให้ไปเลยประเทศนี้
(ที่แย่คือเกือบร้อยละร้อยที่เข้าไป ไปเพื่อหาอะไรสยิวกิ้วดู หรือหาคู่นอนแบบล่าแต้ม)
แล้วจะให้ผมไม่คิดได้ยังไงครับ ว่าการศึกษาไทยล้มเหลว
การเรียนประเภทที่ไปเรียนแล้วต้องดัดจริต ซื้อรองเท้าบัลเลต์คู่ละเป็นพัน
หรือเปียโนหลังละเป็นแสนนั่น.... เขามีไว้ให้พวกมีเหลือกินเหลือใช้ครับ
การค้นคว้า หาความรู้ หาคำอธิบายให้ตัวเองได้
ไม่ว่าจะเรื่องยากหรือง่ายแค่ไหนคือการศึกษาเสมอนะครับ
แต่เด็กไทยรุ่นใหม่(โดยเฉพาะในสังคมเมือง) ไม่รู้จักจะเริ่มต้น
เพราะพ่อแม่คิดไปแล้ว และปลูกฝังให้ลูกคิดตามว่า "มันไม่ใช่การศึกษา"
เด็กป.6 บางคนไม่รู้ว่าสับปะรดเป็นลูกคือสับปะรดที่เขากินเป็นชิ้นๆ
เด็กมัธยมบางคนยังผูกเชือกรองเท้าไม่ได้
และเด็กไทยที่โตในเมืองใหญ่จำนวนมากฝากชีวิตไว้กับอาหารถุง ทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตราย
เพราะตัวเองทำกับข้าวไม่เป็น (และไม่คิดที่จะเริ่มเรียนด้วย!!!)
ถามคุณ sugar หน่อยเถอะครับ ว่าถ้าจะเรียนทำไข่เจียวนี่...
ต้องเสียค่าเรียน 30,000 ไปเรียนกะดุสิตธานี หรือกอดองเบลอร์ป่ะครับ ??
(หรือว่าเสียน้ำมันซักขวด ไข่ซักสิบยี่สิบฟอง น้ำปลา-พริกไทย อีกนิดหน่อย
แล้วเรียนรู้ด้วยตัวเองที่บ้านก็ได้ ?)
เรื่องอื่นยังไม่ตอบนะครับ ผมคิดว่ามันยังไวไปที่จะพูดถึงอยู่
ปล. ถ้าเป็นคนอื่น ผมก็คงชวนกินอย่างอื่นนะครับ
เลือกอันนี้ให้คุณ sugar เพราะเห็นว่าน่าจะทันสมัยที่สุดช่วงที่คุณอยู่กรุงเทพฯน่ะครับ

แล้วก็ห้อยเทียนเหลาไม่ไปหรอกนะ....มันมีแต่คนแก่น่ะ อิอิ