
ร่าย
บัดนั้น นางกำนัลต่างคนอลหม่าน
บ้างเข้าประคององค์นงคราญ หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร
เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่
เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร ให้เครียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย
แล้วหมายไปบอกเบิกน้ำสุรา สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห
เตือนเจ้าพนักงานทหารใน ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง
เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง
เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง
บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง
บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง ในเรือนหลวงวิ่งไข่กันไปมา
ที่นับถือผีสางบางคน ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา
บ้างอวดรู้ดูยามสามตา จะประสูติในไม่ช้าเวลานี้
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่
ชิงกันเอาหน้าพาที ทูลคดีให้ทราบบาทา
ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ
เมื่อนั้น พระผ่านภพกุเรปันนาถา
ครั้นแจ้งก็รีบลีลา ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์
ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร
จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์
ฯ ๔ คำ ฯ
เมื่อนั้น องค์ประไหมสุหรีศรีสมร
เจ็บจวนประชวรพระอุทร บังอรไม่เป็นสมประดี
ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่
พอได้ฤกษ์เวลานาที มารศรีประสูติพระธิดา
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี
เมื่อนั้น องค์มเดหวีเสนหา
รับราชบุตรีนั้นมา โสรจสรงธาราทันใด
แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่ ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส
แล้วเอาพานทองรองรับไว้ ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ
พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ
ท้าวนางพระสนมกำนัล ชวนกันชื่นชมยินดี
ฯ ๖ คำ ฯ
เมื่อนั้น พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี
พิศโฉมพระราชบุตรี ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า
อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา
จึงให้นามตามวงศ์เทวา ชื่อระเด่นวิยดานารี
ฯ ๔ คำ ฯ